จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 189 คำสัญญา? การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เมืองเจียง ที่สนามบิน
“คุณโล่ หลังจากพักอยู่เมืองเจียงมาหลายวัน ตอนนี้ถึงเวลาต้องไปแล้ว วันหน้าหากมีเวลาไปเมืองหลวง คุณต้องแจ้งให้ผมทราบสักหน่อยนะ ผมจะไปต้อนรับคุณ” คุณท่านป๋อเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่มีปัญหา”
“ขอขอบคุณคุณมากจริงๆ หากไม่ได้คุณมาใช้เวลาอธิบายทักษะวิชาวิชาฝังเข็มห้ามังกร จุนเอ๋อคงไม่ก้าวสู่เข็มที่สองอย่างรวดเร็วขนาดนี้”
คุณท่านป๋อตบเล่อซิงจวินเบาๆ เด็กหนุ่มประสานมือโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว: “ขอบคุณสำหรับการสอนของอาจารย์รองอย่างยิ่ง จุนเอ๋อจะจำขึ้นใจ”
“อาจารย์รอง?”
“วันหน้าจุนเอ๋อยังต้องเรียนรู้เข็มที่ห้าจากคุณ คุณถือได้ว่าเป็นอาจารย์ของเขาเช่นกัน ตอนนี้สายแล้ว วันหน้าพบกันใหม่”
เมื่อเห็นคุณท่านป๋อสองอาจารย์ศิษย์จากไป โล่เฉินก็วางแผนที่จะไปตึกซิงหยุนเพื่อหาฟ่านหงชาง
“เฮ้ รอเดี๋ยว”
เจิ้งข่ายรีบตามมาและเอ่ยถามขึ้น “สรุปนายใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงทำให้คุณท่านป๋อสับสนได้ เมื่อครู่ได้ยินคำว่าอะไรนะ “วิชาฝังเข็มห้ามังกร” นายเป็นทักษะการแพทย์จริงๆหรือ แถมยังเก่งกว่าคุณท่านป๋อด้วย?”
“นายลองเดา” โล่เฉินยิ้ม
“เดาบ้านายสิ พ่อของฉันถึงกับบอกให้ฉันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนาย อารมณ์เสียจริงๆ แต่เดิมนายเป็นแค่เขยขยะคนหนึ่ง มาตอนนี้กลับเป็นฉันที่ต้องมาประจบนาย”
โล่เฉินยักไหล่ เขาเอ่ยเสียงเรียบ “นายสามารถเมินฉันได้”
เจิ้งข่ายมองอย่างประเมิน เขาเอ่ยถาม “ถ้านายเป็นทักษะทางการแพทย์อย่างปรุโปร่งจริงๆ ทำไมถึงไม่เปิดสถาบันทางการแพทย์สักที่ แบบนี้นายได้หาเงินได้มากมาย”
“กลัวยุ่งยาก”
โล่เฉินเข้าไปในรถ เขาโบกมือแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันยังมีเรื่องอย่างอื่นต้องทำ ไปก่อนล่ะ”
“เอ๋…แม่เจ้าโว้ย เจ้านี่”
เจิ้งข่ายอารมณ์เสียอย่างมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้
ลูกศิษย์ของคุณท่านป๋อนับถือโล่เฉินเป็นอาจารย์รองไปแล้ว อย่างนั้นโล่เฉินกับคุณท่านป๋อก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน
ความสัมพันธ์นี้…
“ช่างน่าอัดอั้นเสียจริงเว้ย หมี่หลานก็ถูกเขาทำให้หลงใหลไปแล้ว มาตอนนี้ไม่สนใจฉันแถมยังไปเป็นสตรีมเมอร์แล้ว แต่ฉันยังต้องเอาเงินไปลงทุนพร้อมรอยยิ้ม แม่งเอ๊ย!”
เจิ้งข่ายหงุดหงิดสุดขีด
ระหว่างทางไปตึกซิงหยุน โล่เฉินก็ได้สายจากหานหยู่เยน บอกว่าหานตงเล่และหานหยุนเทากำลังต่อสู้กัน
และทำให้ตำรวจตื่นตัวขึ้นมา
โล่เฉินรีบไปยังที่อยู่ที่หานหยู่เยนส่งมา มุ่งหน้าไปยังบ้านของหานเจี้ยนกั๋วทันที
ฉากตรงหน้านั้นยังคงวุ่นวายอย่างยิ่ง
ประตูและหน้าต่างของบ้านสไตล์ตะวันตกแตกพังจนหมด บนพื้นยังมีคราบเลือด อีกทั้งยังมีหลายสิบคนที่มีเลือดออกที่หัว ตอนนี้กำลังถูกเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จัดการพันผ้าพันแผลให้
“หานตงเล่”
“นายท่าน คุณมาแล้ว”
หานตงเล่วิ่งเข้ามา บนตัวของเขาก็มีรอยบาดแผล ไม่ไกลออกไปก็มองเห็นหานหยุนเทาที่ใบหน้าบวมเป่งเป็นสีเขียวคล้ำ เขาถุยน้ำลายลงพื้น
“แม่งเอ๊ย ไอ้หลานชายนั่นไม่รู้ว่าไปหาบอดี้การ์ดยี่สิบคนมาจากที่ไหน มาถึงไม่พูดพร่ำก็ลงมือตีทันที โชคดีที่ตอนฉันยังหนุ่มๆเคยซ้อมต่อสู้มาบ้าง ไม่อย่างนั้นคงถูกรุมจนตัวลีบไปแล้ว”
เมื่อเขาพบว่าโล่เฉินมีสีหน้าไม่พอใจ หานตงเล่ก็รีบเอ่ย “นายท่าน ผมไม่ได้ลงมือก่อนจริงๆนะ เป็นหานหยุนเทาเจ้านั่นที่เริ่มเรื่องขึ้นก่อน”
“พูดบ้าอะไร”
หานหยุนเทาลุกขึ้น เขาตะโกนอย่างโกรธเคือง “เห็นๆอยู่ว่านายเป็นฝ่ายมาตีพ่อฉันก่อน อย่ามาเล่นลิ้น ในบ้านฉันมีกล้องวงจรปิด รอให้ตำรวจมาแล้วเปิดดูมัน นายก็รอในสถานกักกันได้เลย!”
“แม่แกสิ ถ้าฉันเข้าไปในสถานกักกัน แล้วแกจะรอดได้หรือไง” หานตงเล่ด่าลั่น
“พอได้แล้ว”
โล่เฉินเอ่ยเสียงเคร่ง เขาเดินไปหาหัวหน้าตำรวจที่ด้านหนึ่งแล้วถามว่า “คุณตำรวจ คุณว่าเรื่องนี้ควรจัดการยังไง?”
หัวหน้าตำรวจเป็นชายวัยกลางคน ท่าทางสุขุมอย่างยิ่ง เขาเอ่ยวิเคราะห์ “หานตงเล่พาคนบุกเข้าไปในเคหสถาน ทุบตีหานเจี้ยนกั๋ว จากนั้นหานหยุนเทาก็นำคนมา สองฝ่ายต่อสู้กัน มีบางคนถึงกับหัวแตกและแขนขาหัก ตอนนี้ถูกส่งไปโรงพยาบาลหมดแล้ว”
“คนสามสี่สิบคนต่อสู้กัน แถมยังมีการบาดเจ็บสาหัส นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ฉันได้แจ้งสถานีตำรวจแล้ว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะจัดการกับมันยังไง แต่ว่าเรื่องเข้าสถานกักกันจะต้องมีแน่”
“บางที อาจถึงขึ้นต้องดำเนินการสอบสวนทางอาญาด้วย”
โล่เฉินขมวดคิ้ว
ด้านหลัง หานหยุนเทาตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาหานตงเล่และพูดสองสามประโยค
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ก่อนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราทั้งสองฝ่ายไม่คิดจะสอบสวนเอาความแล้ว ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ถือซะว่าเป็นเรื่องน่าขันเรื่องหนึ่งแล้วกัน”
โล่เฉินและหัวหน้าตำรวจมีสีหน้าสับสน
“คุณตำรวจ ถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเถอะ เป็นคนของพวกเราเองที่เล่นเอะอะ
หัวหน้าตำรวจมีสีหน้าจริงจัง เขาเอ่ยดุ “พูดไร้สาระอะไรกัน ต่อให้พวกคุณทั้งสองฝ่ายจะไม่ติดใจเอาความ แต่ว่านี่มันถือเป็นการละเมิดกฎความปลอดภัยสาธารณะอย่างร้ายแรงไปแล้ว พวกคุณสองคนต้องเป็นคนไปที่สถานีตำรวจกับผม”
“หัวหน้า ข้อมูลส่วนตัวของทุกคนได้รับการลงทะเบียนแล้ว” มีคนวิ่งมาส่งข่าว
หัวหน้าตำรวจพยักหน้า “ดี พวกคุณสองคนขึ้นรถ คนเจ็บไปโรงพยาบาล และอย่าได้คิดจะหลบหนี รอสถานีตำรวจโทรมาอยู่ที่บ้านดีๆ”
หานหยุนเทาลนลานอย่างยิ่ง เขารีบตะโกนจึ้น “พ่อแม่ คุณย่ พวกคุณช่วยพูดอะไรหน่อยสิ”
“คุณตำรวจ โปรดหยุดก่อน”
หญิงชราเข้ามาพร้อมกับไม้เท้า สีหน้าของเธอแข็งทื่อ “คุณไม่น่าจะรู้จักฉัน ฉันเป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลหาน ฉันเคยทานข้าวกับผู้กำกับของพวกคุณ ปล่อยคนไปเถอะ เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่จำเป็นต้องทำให้มันใหญ่โต”
หัวหน้าตำรวจกระทืบเท้า เขาพูดอย่างเย็นชา “ทุกคนเท่าเทียมกันตามกฎหมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลไหน ต่อให้เป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลเฝิง หากคนในตระกูลทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกจับเหมือนกัน”
“คุณ!”
“พาคนไป”
หัวหน้าตำรวจแข็งกร้าวอย่างมาก
หานหยุนเทาร้องไห้ “คุณย่าช่วยผมด้วย ผมไม่อยากเข้าสถานกักกัน ผมยังเด็กขนาดนี้ ถ้าต้องเข้าสถานกักกันก็จบเห่แน่ คุณย่าช่วยผมด้วย”
ตาของหญิงชราตาพร่ามัว
“นายท่าน”
โล่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “ไปเถอะ ไปที่สถานีตำรวจแล้วทำว่าง่ายหน่อย ให้ความร่วมมือซะ อย่าก่อเรื่องขึ้น”
“ไม่ต้องกังวล”
หานตงเล่ไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เจ้าบ้านออกหน้าก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แต่ให้แก้ไม่ได้ ก็ยังมีตระกูลเจิ้งอยู่
พูดได้คำเดียวว่า เขาจะต้องถูกปล่อยออกมา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานตงเล่ก็เชิดคางขึ้นใส่หานหยุนเทาอย่างโอ้อวด จากนั้นจึงเดินวางท่าเข้าไปในรถตำรวจ
ในทางตรงกันข้าม หานหยุนเทาตอนนี้กลับตกใจกลัวตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ตำรวจออกไปแล้ว ผู้คนก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไป
มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาทุบตีโล่เฉินและร้องไห้
“แกไอ้ตัวบัดซบ ไอ้ลูกหมา จะต้องเป็นแกที่ใส่ร้ายลูกชายฉันแน่ เป็นหานหยู่เยนที่วางแผนใช่ไหม รีบปล่อยลูกชายฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันกับแกไม่จบเรื่องนี่แน่”
“ไปให้พ้น!”
โล่เฉินผลักหญิงวัยกลางคนออกไป เขามองไปที่หญิงชราแล้วพูดอย่างเฉยเมย “ก็แค่มอบสินสอดเจ้าสาวออกมาแต่โดยดีก็จบเรื่องแล้วไม่ใช่หรือไง ตอนนี้เป็นไง ก่อเรื่องใหญ่โตแล้ว”
“จิตใจเจ้าเล่ห์เพทุบายเสียจริงๆ”
หญิงชราตัวสั่นเล็กน้อย เธอเอ่ยหอบ “ใช้ความปลอดภัยของหยุนเทาบังคับให้ฉันมอบสินสอดเจ้าสาวออกมาใช่ไหม? นังสารเลวนั่นถือว่าวางแผนมาอย่างดี”
โล่เฉินนิ่งเงียบ
“แต่ว่าพวกแกพลาดไปแล้วหนึ่งก้าว”
หญิงชราพูดด้วยรอยยิ้มน่ากลัว “หานหยุนเทายังมีเบื้องบน ประธานของบริษัทซินเฉิง คุณชายของตระกูลโล่ในจีนหลิง ต่อให้ตระกูลเจิ้งแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าตระกูลโล่ก็เป็นแค่มดปลวกเท่านั้น”
“แล้ว?” ใบหน้าของโล่เฉินไม่ขยับ
“พวกแกอย่าได้ได้ใจไป ละครฉากดีๆเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ กลับไปบอกหานหยู่เยนซะ อย่างได้ลืมคำสัญญาครั้งก่อน”
โล่เฉินรู้สึกงงงวย เขาเอ่ยถาม “สัญญาอะไร?”
หญิงชราหัวเราะเยาะและไม่ได้ตอบกลับ จากนั้นจึงกลับเข้าไปในบ้านสไตล์ตะวันตกด้วยความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคน
……
หานหยุนเทาและหานตงเล่ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ ผ่านไปแค่สองชั่วโมงก็ถูกปล่อยออกมา
สิ่งนี้ทำให้โล่เฉินประหลาดใจอย่างยิ่ง
ฟ่านหงชางไม่ได้ลงมือ เจิ้งข่ายก็ไม่ได้ยืนมือเข้ามาเช่นกัน อีกทั้งหานหยู่เยนก็ไม่ได้มีเส้นสายอะไรขนาดนั้น
แล้วคือใคร?
“โล่เฉิน โทรศัพท์ของคุณ”
“โอ้”
หลังจากดูโทรศัพท์มือถือที่แสดงขึ้นว่า “เหล่าตี๋” โล่เฉินก็ตระหนักได้ในทันที
เมื่อรับสาย เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้กำกับตี๋”
“น้องชาย”
ตี๋เทียนหนันที่เป็นผู้กำกับของสำนักความมั่นคงสาธารณะเทศบาลหัวเราะขึ้นมา “พี่ชายใจกว้างใช่ไหม คนของนาย หานตงเล่นั่นฉันปล่อยเขาไปแล้ว”
“ขอบคุณมากผู้กำกับตี๋”
“อ่อใช่ หานหยุนเทาคนนั้น…คุณชายโล่ของบริษัทซินเฉิงเอ่ยปากมาแล้ว แต่เดิมฉันยืนกรานที่จะไม่ปล่อยให้คนไป แต่คณะกรรมการของพรรคเทศบาลขอให้ยืดหยุนสักหน่อย”
โล่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่พูดขึ้นมาก่อน ผมก็คิดจะขอให้คุณปล่อยหานหยุนเทาเหมือนกัน ถ้าเด็กนั่นต้องเข้าไปในสถานกักกัน แบบนั้นก็ไม่สนุกแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชาย ตอนนี้นายแข็งแกร่งแล้ว เป็นนายท่านโล่”
“ผู้กำกับตี๋ อย่าหัวเราะเยาะผมสิ”
ตี๋เทียนหนันเอ่ย “อย่างนั้นก็ตามนี้ แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าได้สร้างปัญหาเลย ถ้ามัวเป็นแบบนี้ พี่ชายคนนี้เองก็จัดการลำบากมากเหมือนกัน เพราะยังไงฉันก็เป็นตำรวจคนหนึ่ง”
“ผู้กำกับตี๋วางใจได้”
ในบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน
หานตงเล่กำลังคุยเรื่องสินสอดเจ้าสาวกับหานหยู่เยน หญิงชราถึงตายก็ไม่ยอมปล่อยวาง นี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ
เย็นวันนั้น โอกาสก็มาถึงหน้าประตู
“หานหยู่เยน ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
“ออกไป!”
หานหยุนเทาตะโกนลั่นที่หน้าประตูใหญ่ ด้านข้างตามมาด้วยหานเจี้ยนกั๋ว
“นี่แกยังกล้ามาที่นี่อีก” หานตงเล่เอ่ยด่า
ขณะคิดจะลงมือสั่งสอน กลับถูกหานหยู่เยนหยุดเอาไว้ก่อน
“นายมาทำอะไรที่นี่?”
“ทำอะไรน่ะหรือ ก็มาเอาตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหานไง”
นัยน์ตาเสือของหานตงเล่จ้องเขม็งอย่างโกรธเคือง เขาคำราม “อวดดี ไอ้หนุ่มนี่แกอยากตายจริงๆใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะส่งแกไปตายให้สมใจอยาก”
“หานหยู่เยน อย่าลืมเดิมพันระหว่างพวกเรา”
“อะไร?”
หานหยุนเทาเยาะเย้ย: “จบลงเร็วขนาดนี้เชียว ผู้หญิงไร้ประโยชน์จริงๆด้วย ก่อนหน้านี้ คุณย่าบอกว่าใครที่สามารถทำให้เธอเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาจื่อเช่วได้ คนนั้นจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลหาน เธอลืมไปแล้วหรือไง?”
ที่แท้ก็คือสิ่งนี้
โล่เฉินยิ้มเงียบๆ
ตอนกลางวัน หญิงชราเคยเอ่ยถึง “สัญญา” เขาก็ยังงงมาตลอด เดิมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้
“ฉันจำได้”
“ดีมาก!”
หานหยุนเทาอารมณ์ดีอย่างยิ่ง เขาตะโกน “หานหยู่เยน อย่าคิดบิดพลิ้วเชียว ถ้าเธอไม่มีทางทำให้คุณย่าไปพักบนภูเขาจื่อเช่วได้ หรือว่าที่ตั้งของคฤหาสน์ไม่ดีเท่าของฉัน อย่างนั้นเธอก็จะต้องสละตำแหน่งซะ และฉันจะเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหาน”