จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 159 ความน่าสะพรึงกลัว
โล่เฉินจากไปและนำหานหยู่ถิงออกไปด้วย
ไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขา
ทุกคนต่างหลีกออกเป็นทางเดินกว้าง ไม่มีการเยาะเย้ยอีกต่อไป
ตั้งแต่สมัยโบราณมา ผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับการเคารพนับถือ
โล่เฉินแสดงความแข็งแกร่งมหาศาล มากเพียงพอที่จะให้ผู้คนชื่นชม อีกทั้งยังมีคนที่รู้สึกเกลียดชังพวกคนรวยขึ้นมาในใจเช่นกัน โล่เฉินจัดการทุบตีโม่หานจนสภาพน่าสมเพชขนาดนั้น
ในใจของชายหนุ่มหลายจึงรู้สึกสะใจอย่างมาก
"หัวหน้า"
“หา อะไร?” หัวหน้าตำรวจโรงเรียนได้สติกลับมา
นิ่งจื่อซวนตบไหล่เขาและพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ "นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์หรอกหรือไง! หัวหน้าตำรวจเมื่อกี้คุณพูดว่า…กินอึ?”
“นายได้ยินผิดไปหรือเปล่า เป็นไปไม่ได้” หัวหน้าตำรวจโรงเรียนเล่นลิ้น
นิ่งจื่อซวนหัวเราะเบา ๆ และมองย้อนกลับไปที่โม่หาน จากนั้นจึงพาผู้คนออกไป
ส่วนโม่หาน ร่างกายที่เย็นเฉียบค่อยๆเริ่มอุ่นขึ้นมา
เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของโล่เฉิน ร่องรอยของการดูหมิ่นเหยียดหยามก็ผ่านวาบในดวงตาของเขา
“ให้ตระกูลซูหายไปจากฉู่โจว ฮ่าฮ่า แม้แต่ตระกูลใหญ่ในจีนหลิงก็ทำไม่ได้ แกไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของตระกูลซูว่ามีมากขนาดไหน”
“พูดออกมาได้ว่าจะทำลายตระกูลซู”
“รอก่อนเถอะ แกไม่มีทางได้ออกจากฉู่โจวแน่!”
……
โล่เฉินช่วยหานหยู่ถิงเอากระเป๋าเดินทางของเธอไปที่หอพัก จากนั้นจึงพาเธอไปซื้อของในห้างสรรพสินค้ารอบๆ
พริบตา ก็ค่ำแล้ว
ทั้งสองคนเข้าไปในร้านอาหารตรงข้ามโรงเรียน
ยังไม่ทันที่เบาะจะร้อน จู่ๆก็มีลูกสมุนหลายคนรีบวิ่งเข้ามาตะโกนว่า "ร้านอาหารนี้คุณชายนิ่งเหมาเอาไว้แล้ว รบกวนนักเรียนทุกท่านไปที่อื่น ขออภัยด้วย”
ที่มุมหนึ่ง หานหยู่ถิงเม้มปาก “โชคร้ายจริงๆ พี่เขยพวกเราไปกันเถอะ ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องให้รู้สึกอึดอัด”
โล่เฉินเพิ่งลุกขึ้น นิ่งจื่อซวนก็ปรากฏตัวที่ประตู
จากนั้น เขาก็รีบมาหาตรงหน้าคนทั้งสองและพูดว่า "พี่โล่ หยู่ถิง ไม่จำเป็นต้องออกไป เป็นเพราะพวกเธอ ฉันเลยเหมาร้านอาหารเอาไว้”
"อ้อ?"
“นั่งลงพูดคุยกันเถอะ ได้ไหม?”
โล่เฉินมองไปที่หานหยู่ถิง ฝ่ายหลังพยักหน้าเล็กน้อย "วันนี้ฉันอารมณ์ดี นั่งลงเถอะ"
นิ่งจื่อซวนหัวเราะและเอ่ยสั่ง "เร็วเข้า ไปบอกเถ้าแก่ให้เอาอาหารและไวน์ชั้นดีมาทั้งหมด"
“ได้เลย คุณชาย”
ลูกสมุนรีบเข้าไปบอกทันที
โล่เฉินจิบชา เขาถาม "ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไร?"
นิ่งจื่อซวนสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง "วันนี้ที่ภูเขาด้านหลัง ขอบคุณพี่โล่จริงๆที่ยื่นมือช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นผมคงสูญเสียหน้าตาครั้งใหญ่”
“ที่ฉันลงมือไม่ได้ทำเพื่อนาย”
“ผมรู้ แต่ผมกับโม่หานเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เขาสภาพอดสูผมเองก็ดีใจ ยิ่งไปกว่านั้น ผมเองก็ดีใจที่หยู่ถิงมีคุณเป็น….พี่เขย ได้ยินอู๋ฉินบอกมา ก่อนหน้านี้ผมยังคิดไปว่าคุณเป็นแฟนของเธอ”
หานหยู่ถิงภูมิใจเล็กน้อย “พี่เขยของฉันเก่งใช่ไหมล่ะ ใครกล้ามาเล็งฉัน ฉันจะให้พี่เขยทุบมันซะ นิ่งจื่อซวน ฉันไม่สนใจนาย ต่อไปอย่ามาตอแยฉัน”
“หยู่ถิง ฉันเคยไปตอแยเธอตอนไหน”
“นี่…” หานหยู่ถิงเองก็ค้านไม่ออก
นิ่งจื่อซวนไม่เคยตามตอแยเธอจริงๆ ตรงกันข้าม เป็นเขาที่คอยช่วยเธอเอาไว้จากการตอแยของโม่หานอยู่หลายต่อหลายครั้ง
โล่เฉินเฉียบไวอย่างยิ่ง เขาฉลาดขั้นสุดและเดาได้ทันที เขาถาม "นายกำลังปกป้องหานหยู่ถิง?”
“ยอดเยี่ยม พี่โล่แค่พริบตาก็มองออกแล้ว”
นิ่งจื่อซวนชื่นชมโล่เฉินมากยิ่งขึ้น เขาเอ่ยอธิบาย "อันที่จริง ผมเองก็มีความรู้สึกที่ดีต่อหยู่ถิง ตอนแรกที่ซูโม่ประกาศออกไปว่าพอถึงปีสามจะทำให้หยู่ถิงเป็นผู้หญิงของตน ดังนั้นเพื่อปกป้องเธอ ผมก็เลยพูดออกไปแบบนั้นบ้าง”
"นี่เป็นไปได้ยังไง?” หานหยู่ถิงปิดปากของเธอ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตระกูลนิ่งของฉันเทียบไม่ได้กับตระกูลซู แต่ก็เป็นตระกูลชั้นหนึ่งในฉู่โจว ฉันประกาศออกไป ยังไงซูโม่ก็ต้องระมัดระวังขึ้นมาบ้าง”
หานหยู่ถิงสงสัย “ฉันไม่เคยเจอซูโม่มาก่อน ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ในโรงเรียนมีสาวสวยตั้งมากมาย อย่างเช่นพวกดาวมหาลัยพวกนั้น สวยกว่าฉันตั้งเยอะ”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากรู้เช่นกัน แต่เป็นไปได้มากว่าซูโม่คิดอยากจะเล่นๆกับเธอ ดังนั้นฉันจึงต้องปกป้องเธอ”
ความจริงใจของนิ่งจื่อซวนทำให้หานหยู่ถิงทำอะไรไม่ถูก เธอได้แต่มองดูโล่เฉินอย่างช่วยไม่ได้
มันเป็นความจริง
โล่เฉินตัดสินใจ
ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของเขานั้นมหาศาล บวกกับประสบการณ์ห้าพันปี นิ่งจื่อซวนที่เป็นแค่ชายหนุ่มวัยยี่สิบย่อมถูกเขามองออกได้เป็นธรรมดา
ในเมื่อต้องการปกป้องหานหยู่ถิงจริงๆ อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นมิตร ท่าทีของโล่เฉินจึงอ่อนโยนลง
“ตระกูลซูแข็งแกร่งมากหรือ?”
"แข็งแกร่ง"
คำๆเดียว หลุดปากออกมา
นิ่งจื่อซวนมีสีหน้ากริ่งเกรง เขาเอ่ย “ที่บอกกันว่าเป็นตระกูลชั้นหนึ่งเหมือนกัน ความแตกต่างไม่ได้มีมากนัก แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ตระกูลซูเหนือกว่าตระกูลนิ่งและตระกูลโม่ไม่น้อย ว่ากันว่า พวกเขามีเส้นเลือดหลักอยู่ที่เมืองหลวง”
“ที่เมืองหลวง?”
"ใช่ ตระกูลซูในฉู่โจวเป็นเพียงสาขาย่อยของตระกูลซูในเมืองหลวงเท่านั้น ก็เหมือนกับตระกูลหลงในจีนหลิง "
นิ่งจื่อซวนเงยหน้าขึ้นและเอ่ย “พี่โล่ไม่ทราบว่ารู้หรือไม่ ว่าเจ้าบ้านตระกูลหลงในจีนหลิงครั้งหนึ่งเคยเป็นนายท่านสามของตระกูลหลงในเมืองหลวง หลังจากถูกไล่ออกจากตระกูลแล้วก็มาปักหลักที่จีนหลิง"
"เคยได้ยินมาบ้าง"
“พี่โล่ ผมขอถือวิสาสะถามสักคำถาม คุณเป็นลูกหลานของตระกูลโล่ในจีนหลิงหรือ?”
โล่เฉินส่ายหัว
นิ่งจื่อซวนขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างกังวล "อย่างนั้นก็แย่แล้ว คุณเอาชนะโม่หานได้ ซูโม่ย่อมต้องออกหน้าแน่ มีโอกาสอย่างยิ่งที่คุณอาจจะออกจากฉู่โจวไม่ได้ในตอนนี้"
“หึ ถ้าตระกูลซูไม่รู้จักเป็นตายจริงๆ อย่างนั้นก็จะเหมือนที่ฉันเคยเอ่ยไว้ที่ภูเขาด้านหลัง ทำให้ฉู่โจวไม่มีตระกูลซูอีกต่อไป!”
"เอ่อ"
นิ่งจื่อซวนหัวเราะอยากเก้อๆ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อและคิดว่าโล่เฉินคงแค่พูดออกมาเพราะความโกรธ แต่เขาก็ไม่คิดจะทำให้โล่เฉินต้องอับอาย
“พี่โล่ เพื่อความปลอดภัย ทำไมคุณไม่ไปที่บ้านตระกูลนิ่งของผมก่อนในคืนนี้ หากพี่โล่สบายใจ ต่อไปหยู่ถิงก็สามารถอยู่ในบ้านของตระกูลนิ่งได้ในอนาคต”
“นายมีจุดประสงค์อื่น?”
นิ่งจื่อซวนรู้สึกประหลาดใจและพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ช่างปกปิดอะไรพี่โล่ไม่ได้เลยจริงๆ เรื่องมีอยู่บ้าน ตระกูลนิ่งของผมเป็นตระกูลผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ คุณปู่ของผมก็เป็นพวกบ้าศิลปะการต่อสู้ วันนี้ผมบอกเขาเกี่ยวกับพลังอันยอดเยี่ยมของคุณที่ภูเขาด้านหลัง เขาก็เลยกระตือรือร้นที่จะพบคุณ ดังนั้น ผมก็เลยมาหาที่นี่”
หานหยู่ถิงพึมพำ “พี่เขย คุณตัดสินใจเถอะ ฉันยังไงก็ได้ ไปหรือไม่ไปได้ทั้งนั้น”
โล่เฉินครุ่นคิดอยู่ลับๆ
เขาไม่สามารถอยู่ในฉู่โจวได้ตลอดเวลา หานหยู่ถิงต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพัง หากมีตระกูลนิ่งคอยดูแล เขาเองก็วางใจได้หน่อย
“อืมได้ วันนี้ฉันจะไปพักที่บ้านนาย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณพี่โล่ที่ไว้หน้า”
หลังจากที่พวกเขากินอิ่ม ทั้งสามก็ออกเดินทาง
ในฐานะตระกูลชั้นหนึ่งในฉู่โจว รูปแบบของบ้านตระกูลนิ่งถือว่าดีมากเช่นกัน
คฤหาสน์หลังใหญ่อย่างยิ่ง
มีสิงโตหินสองตัวที่ประตู แค่มองดูประตูก็เห็นได้ว่าถูกสืบทอดมาหลายปีแล้ว
"คุณชาย"
เมื่อเข้ามา ก็มีคนรับใช้ทักทาย
“รีบไปบอกท่านผู้เฒ่าว่าคนที่เขาต้องการพบมาที่นี่แล้ว” นิ่งจื่อซวนออกคำสั่ง ก่อนจะหันกลับมาพูดอีกครั้ง "พี่โล่ พวกเราไปที่ห้องโถงใหญ่"
"ได้”
หลังจากรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ไม่กี่นาที ก็มีเสียงดังขึ้นที่นอกประตู
“ฉันอยากจะดูจริงๆ ว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติจริงหรือเปล่า”
เสียงยังไม่ทันจะจบลง ชายชราท่าทางน่าเกรงขามทรงพลังก็เดินเข้ามา เขาสวมใส่ชุดหม่ากว้า ท่าเดินองอาจกระฉับกระเฉง
นอกจากผมหงอกแล้ว อื่นๆล้วนดูราวกับผู้ชายวัยกลางคนราวๆสี่สิบกว่าเท่านั้น
ช่างมีจิตวิญญาณ
โล่เฉินพยักหน้า เขาลุกขึ้นเอ่ย “ท่านผู้เฒ่า”
“คุณเป็นชายหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับพลังศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติที่นิ่งจื่อซวนบอกคนนั้นหรือ?”
ท่านนิ่งดูไม่ค่อยเชื่ออยู่บ้าง เขานั่งลงและเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อและเอ่ย “มามามา งัดข้อกัน”
นี่….
ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง
โล่เฉินชอบคนที่ไม่วางท่าแบบนี้อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ
ท่านผู้เฒ่าพยายามออกแรงอย่างเต็มที่ แต่แขนของโล่เฉินกลับไม่ขยับเลยไม้แต่น้อย จนในที่สุด ท่านผู้เฒ่าก็เรียกผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้หลายคนมา
ห้านาทีต่อมา ผู้คนสิบคนพยายามดึงข้อมือของโล่เฉินอย่างสุดความสามารถ
แต่ตรงกันข้ามกับโล่เฉินที่ไร้คลื่นใดๆบนใบหน้า
พลังกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของคนสิบคนล้วนถูกพลังทิพย์สลายไปแล้ว เขานั่งราวกับภูเขาไท่ซาน ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
"หยุดเถอะ"
ท่านผู้เฒ่ายอมแพ้ ดวงตาของเขาสว่างไสว และเอ่ยชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติจริงๆ โลกนี้กว้างใหญ่ มีสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ในที่สุดฉันก็ได้เห็นมันแล้ว”
"นี่ไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติ” โล่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย
“โอ้? ความหมายของเพื่อนตัวน้อยคืออะไร?”
โล่เฉินลุกขึ้น วางเท้าลงบนพื้นเล็กน้อย จากนั้นก็ยืนขึ้นสองมือไพล่หลัง เขาเอ่ยยิ้มน้อยๆ “ลองดูซิ"
"ดูอะไร?”
ท่านผู้เฒ่านิ่งจื่อซวน รวมทั้งผู้รับใช้ที่อยู่ในสถานที่ต่างก็งงงวย
บนพื้น ไม่มีอะไรผิดปกติ?
"คลิก!"
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังชัดเจนเกิดขึ้น
จากนั้น เสียงแตกกระจายก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีจุดที่นิ้วเท้าของโล่เฉินแตะอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง รอยแยกนั้นราวกับใยแมงมุมที่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น พื้นดินของห้องโถงใหญ่ก็แตกออก
ครืน!
ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเปลี่ยนเป็นสีขาว เขาเซถอยหลัง และเขาก็หายใจไม่ออก
พลังของเท้าข้างเดียว กลับน่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้