จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 138 ผลลัพธ์สุดท้าย
ตั้งหานหยู่เยนเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหาน?
ใครก็ไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันมาก่อน
ผู้สืบทอดของตระกูลหานหมายมั่นไว้แล้วว่าคือหานหยุนเทา ไม่ว่าเขาจะสวยหรูหรือไร้ค่าแค่ไหน ล้วนต้องเป็นเขา นั่นเพราะเขาคือหลานชายคนโต
ทุกคนล้วนรู้ดีว่าคุณย่าหานนั้นดื้อรั้น ดังนั้นทุกคนจึงไม่เคยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ตอนนี้ จะเปลี่ยนไปแล้วหรือ?
"ฮ่าฮ่าฮ่า"
ทันใดนั้นในห้องโถงที่เงียบสงัดก็มีเสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังขึ้น หลิวเซียงหลันลุกขึ้นมาจากพื้นและเอ่ยขึ้น "โล่เฉิน นายทำได้ดีมาก สามปีมานี้ไม่เสียแรงที่เลี้ยงดูนายมาจริงๆ”
“ข้อเสนอนี้ฉันเห็นด้วย หากต้องการบริษัทก็ต้องตั้งหานหยู่เยนเป็นผู้สืบทอด ไม่เช่นนั้นอย่าแม้แต่จะฝัน”
“นอกจากนี้ การตั้งหยู่เยนยังเป็นผู้สืบทอดเองก็ถือว่ามีเหตุผล หานเจี้ยนกั๋วถูกขับออกจากตระกูลไปแล้ว ผู้สืบทอดก็ต้องถูกเลือกมาจากคนในรุ่นที่สามเท่านั้น”
หลิวเซียงหลันชี้ไปรอบๆและเยาะเย้ย "แต่ละคนล้วนเป็นพวกไก่ไร่ค่า หานหยุนเทาก็เหมือนกัน ไร้ทักษะอะไรทั้งนั้น หากคิดจะประคองตระกูลหานไม่ให้ล่มสลาย ก็มีแต่ต้องพึ่งหยู่เยน”
"พูดจาผายลมอะไรของเธอ" หานหยุนเขาเอ่ยปากด่า
หลิวเซียงหลันเดินไปข้างโล่เฉิน ความตื่นตระหนกลดลงในที่สุด
เมื่อเห็นโล่เฉินขว้างชายร่างใหญ่ด้วยมือเพียงข้างเดียว เธอก็มองลูกเขยคนนี้แตกต่างออกไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีพละกำลังขนาดนี้ ยามปกติสมควรจะออกกำลังกายไม่น้อยเลย
“แม่ ผมไม่ต้องการให้เรื่องแข็งกร้าวเกินไป อย่างไรก็ตามผมก็ถือเป็นเขยของตระกูลหาน ผมรู้ว่า เจี้ยนเย่และหยู่เยนมีความผูกพันลึกซึ้งกับตระกูล แต่นี่ไม่ควรเป็นเหตุผลที่เอามาข่มขู่พวกเขา”
คุณย่าหานกำหมัดแน่น คำพูดไม่กี่คำออกมาจากปากของเธอ "นายคิดจะพูดอะไรกันแน่!"
“ผมแค่อยากจะบอกความจริงกับคุณเรื่องหนึ่ง”
“ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกคุณล้วนเอนเอียงไปทางหานหยุนเทา และข่มเหงครอบครัวของเรามาโดยตลอด ผมไม่เข้าใจมีว่าทำไม ตอนนี้ผมเองก็ขี้เกียจจะรู้แล้ว”
“คุณคิดว่าหานหยุนเทาจะสามารถนำตระกูลให้ฟื้นคืนกลับมารุ่งโรจน์ได้หรือ? แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโครงการปินหู หรือว่าบริษัทของโล่เฉินในตอนนี้ ล้วนเป็นพวกเราที่นำโอกาสฟื้นคืนความรุ่งโรจน์สู่ตระกูลหาน”
หลิวเซียงหลันเดินเข้าไปใกล้คุณย่าหาน และมองดูเธอโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอ
“แม่ คุณจะเลือกความลำเอียงของคุณ ที่ทำให้ตระกูลต้องพินาศ หรือเลือกหานหยู่เยน ที่ทำให้ตระกูลได้กลับมารุ่งโรจน์?”
“พวกเราตระกูลหานเองครั้งหนึ่งก็เคยเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจียง พวกเราจำเป็นต้องนำความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษเรากลับมา!”
“และทั้งหมดนี้ มีเพียงหยู่เยนเท่านั้นที่ทำได้”
ฟิ้ว
หลังจากอัดอั้นมานานกว่าสิบนาที
ในที่สุด พายุฝนก็เทลงมา
ลมหนาวคำรามแ พร้อมกับสายฝนก็พัดกระทบเข้ามาในห้องโถง
ส่งผลให้ทุกคนตื่นเต้น
“คุณย่า อย่าไปฟังเขาพูดไร้สาระ ผมจะพยายาม ตอนนี้ผมเองก็คุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัทซิงเฉินแล้วไม่ใช่หรือ! บริษัทซิงเฉินให้ความสำคัญกับผมอย่างมาก นั่นถือเป็นอุตสาหกรรมของตระกูลจีนหลิงโล่เชียวนะครับ แข็งแกร่งกว่าตระกูลเจิ้งหลายเท่า หานหยู่เยนสู้ผมไม่ได้!”
หานหยุนเทาตะโกนอย่างดุเดือด
บรรดาญาติทั้งหมดยืนอยู่ข้างหนึ่งอย่างเป็นระเบียบ กำลังคาดเดาว่าเจ้าบ้านในอนาคตของตระกูลหานคือใคร
หากคุณยืนอยู่ผิดฝั่ง อย่างนั้นทุกอย่างก็สายไปแล้ว
วิธีที่ดีที่สุด
ก็คือการหุบปาก ความเงียบคือทองคำ
“คุณย่า คุณอย่าไปหลงกลนะครับ”
“แม่ คุณควรรู้ว่าจะต้องเลือกอะไร”
ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่คุณย่าหาน โล่เฉินก็อยากรู้มากเช่นกัน เขาคาดเดาไม่ออกว่าคุณย่าหานจะเลือกอย่างไร
ดวงตาของหานหยู่เยน เต็มไปด้วยความคาดหวัง
พายุยังคงโหมกระหน่ำ ในห้องโถงไม่มีแสงสว่าง ทำให้มืดมิดอย่างมาก
ใบหน้าของคุณย่าหาน ภายใต้แสงสายฟ้าเป็นครั้งคราว ยิ่งดูเฉยเมยและสงบอย่างน่าประหลาด
เป็นเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เสียงแหบแห้งเล็กน้อยดังขึ้น
“ผู้สืบทอดของตระกูลหาน จะต้องมีความสามารถพอที่จะทำให้ทุกคนยอมจำนน หยุนเทาและหยู่เยนล้วนพูดคุยธุรกิจกับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ยากจะแบ่งแพ้ชนะ สำหรับบริษัทของโล่เฉิน ถือเป็นเรื่องบังเอิญโชคดีอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงไม่สามารถนับว่าเป็นผลงานของหยู่เยนได้”
บังเอิญโชคดี?
โล่เฉินหัวเราะและไม่พูดอะไร เขาฟังต่อไป
“พวกเธอทุกคนรู้ดี ว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร”
ความปรารถนาของคุณย่าหาน? ผู้คนต่างสงสัย
แต่ไม่นานนักก็คิดขึ้นมาได้ หรือว่าจะเป็น…
“คฤหาสน์ยอดจื่อเช่ว ความปรารถนาของฉันคือการได้อยู่ที่นั่น หยุนเทา หยู่เยน ฉันอยากให้พวกเธอสู้กับสักครั้ง”
“ภายในสามเดือน ใครก็ตามที่สามารถให้ฉันได้อยู่ในคฤหาสน์บนเขาจื่อเช่วได้ คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ และเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหาน ถ้าหากพวกเธอทั้งสองล้วนมีความสามารถในการให้ฉันอาศัยอยู่ได้ อย่างนั้นก็เปรียบกันว่าคฤหาสน์ของใครดีกว่ากัน”
"อย่างที่ทุกคนทราบกันดี บนเขาจื่อเช่ว ยิ่งสูงเท่าไหร่คฤหาสน์ก็ยิ่งหรูหราเท่านั้น”
หานหยุนเทาโล่งใจ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
สามเดือน
แบบนี้ยังมีโอกาสอยู่มาก เขาตัดสินใจที่จะพูดคุยกับโล่ซิงเฉิน
หลิวเซียงหลันขมวดคิ้ว เธอถามอย่างสงสัย “แม่ คฤหาสน์บนเขาจื่อเช่ว ลำพังแค่ตรงเชิงเขาก็มีราคานับสิบล้านแล้ว อีกทั้งยังขายไปเกือบหมดแล้ว การเดิมพันต่อสู้ที่คุณตั้งขึ้นมานี้ จะทำได้ยังไงกัน”
คุณย่าหานเอ่ย “ฉันเข้าใจ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้หวังว่าพวกเธอจะต้องซื้อคฤหาสน์ นี่มันยากเกินไปสำหรับพวกเธอ ฉันแค่อยากอยู่ในคฤหาสน์บนเขาจื่อเช่วเป็นเวลาหนึ่งเดือน พวกเธอสามารถหาวิธีเจรจากับเจ้าของคฤหาสน์ได้ จะใช้วิธีไหนฉันไม่สนใจ "
“ถ้าทั้งสองคนล้วนไม่มีใครหาทางให้คุณเข้าไปอยู่ได้ล่ะ?” หลิวเซียงหลันถามอีกครั้ง
คุณย่าหานตกอยู่ในความเงียบ เพียงครู่ต่อมาเธอก็เอ่ยขึ้น “อย่างนั้นก็หมายความว่าพวกเธอก็เป็นแค่เพียงถังข้าว ตระกูลหานในมือของพวกเธอจะต้องตกต่ำอย่างแน่นอน ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหาน และฉันจะไม่แบ่งเงินสักแดงเดียวให้พวกเธอ ทั้งหมดจะถูกมอบให้รัฐบาล"
ตูม
คนในตระกูลหานตะลึง ความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจาย
“จำเอาไว้ พวกเธอมีเวลาแค่สามเดือน”
คุณย่าหานลุกขึ้นและมองดูโล่เฉินอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดอย่างเย็นชา "ภายในสามเดือนนี้ นายห้ามทำเรื่องแทรกแซงใดๆ….หานหยุนซี”
“คุณย่า ฉันอยู่นี่ มีอะไรหรือเปล่า” หานหยุนซีออกมา
“ฉันจะจัดการให้เธอเข้าไปในบริษัทของโล่เฉิน เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลให้แน่ใจว่าโล่เฉินจะไม่เล่นลูกไม้อะไร นายมีข้อโต้แย้งอะไรรึเปล่า?”
โล่เฉินส่ายหัว “ทุกอย่างเป็นตามที่คุณย่าตัดสินใจ”
คุณย่าหานจากไป
บรรยากาศในห้องโถงในที่สุดก็ไร้ความกดดันอีกต่อไป แต่เดิมคิดว่าตระกูลหานจะต้องแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผลลัพธ์แบบนี้
คุณย่าหานช่างมีวิธีการจริงๆ!
บรรดาญาติพี่น้องเองก็ไม่กล้าเลือกฝั่งมั่วซั่ว พวกเขาคิดว่าทั้งหานหยุนเทาและหานหยู่เยนต่างมีข้อดีของตัวเอง คนส่วนใหญ่จึงตัดสินใจที่จะดูเสือสองตัวต่อสู้กันก่อน
“พ่อแม่ พวกเรากลับกันเถอะ” โล่เฉินเอ่ย
หลิวเซียงหลันอารมณ์ดี เธอเอ่ยยิ้ม "หยู่เยนอย่ากังวล โล่เฉินถูกคุณชายตระกูลเจิ้งให้ความสำคัญแล้ว ตามที่ฉันรู้มา ตระกูลเจิ้งเองก็มีคฤหาสน์อยู่ที่เชิงเขาจื่อเช่ว วันหลังเราให้โล่เฉินลองไปคุยกับเจิ้งข่ายดู ให้คุณย่าไปอยู่หนึ่งเดือน นี่ง่ายจะตายไป”
วาบ
คำพูดนี้ ทำเอาบรรดาญาติๆเปิดใจ
ในไม่ช้า ญาติหลายคนก็เดินไปหาครอบครัวของหลิวเซียงหลัน
แต่ทันใดนั้น หานหยุนเทาก็เยาะเย้ยขึ้น “ตระกูลเจิ้งนับเป็นตัวอะไรกัน ตอนนี้ฉันร่วมมือกับคุณชายของตระกูลจีนหลิงโล่ หากคุณชายโล่ออกหน้า เจ้าของคฤหาสน์พวกนั้นจะไม่ยอมไว้หน้าหรือไง? ดีไม่ดี แม้กระทั่งคฤหาสน์อันทรงเกียรติบนยอดเขาก็ยังต้อนรับคุณย่าเข้าไปอยู่เสียด้วยซ้ำ”
“อะไรนะ!” หลิวเซียงหลันตกใจ
บรรดาญาติที่เดินไปทางครอบครัวของหลิวเซียงหลันชะงักฝีเท้าทันที จากนั้นจึงรีบเดินอ้อมไปหาหานหยุนเทา
“เธอคิดว่าทำไมคุณย่าถึงได้ตั้งเดิมพันครั้งนี้ขึ้น นั่นเป็นเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าฉันจะชนะ หานหยู่เยน อย่างเธอน่ะหรือจะเป็นผู้สืบทอดได้!”
“ทำไมเธอยังไม่มองเห็นถึงแก่นแท้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ฉันหานหยุนเทาเป็นวีรบุรุษ ต่อให้ฉันเป็นไอ้ขยะ ฉันแค่กิน ดื่ม และเที่ยวเล่นการพนัน ตระกูลหานก็ยังเป็นของฉันอยู่ดี ต่อให้เธอมีความสามารถแล้วยังไงกัน เธอเป็นแค่ผู้หญิง ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีทางขึ้นมาบนเวทีนี้ได้!”
“หลิวเซียงหลัน เธอมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว สุดท้ายก็เป็นแค่เอาตะกร้าไผ่มาตักน้ำ”
หานหยุนเทาหัวเราะเยาะดังลั่น
หานหยางกางร่มให้กันเขาและออกจากบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน
บรรดาญาติๆก็ถอนหายใจแล้วค่อยๆทยอยจากไป
“บ้าเอ๊ย พวกเราถูกหลอกแล้ว!”
หลิวเซียงหลันโกรธจนทนไม่ได้ เธอคิดจะพุ่งไปที่ห้องชั้นในเพื่อหาคุณย่าหาน แต่กลับถูกครอบครัวหยุดไว้
“ไสหัวไปซะ แก่แล้วยังคิดเล่นงานฉัน การเดิมพันนี้ไม่นับ!”
หานเจี้ยนเย่สีหน้าขมขื่น เขาปลอบโยน "ภรรยา เรื่องนี้มาถึงจุดนี้แล้ว คุณเอะอะไปก็ไร้ประโยชน์ เชื่อหยู่เยนเถอะ"
“ไสหัวไป คุณมันคนไร้ประโยชน์ มาถึงตอนนี้ก็ยังพูดแทนยัยแก่นั่น ต่อจากนี้ไปคุณก็ไปอยู่กับแม่ของคุณซะเถอะ”
หลิวเซียงหลันดึงสองพี่น้องและเรียกโล่เฉิน จากนั้นจึงวิ่งหนีห่าฝนหนักไป
ในห้องโถงของบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน
หานเจี้ยนเย่ที่อยู่ในความมืดกำหมัดแน่น เขามองเข้าไปในห้อง ดวงตาคมกริบราวกับใบมีด ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ถอนหายใจ และรีบวิ่งตามไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก