จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 124 ผู้ชายล้ำค่า
ออกจากห้าง บนถนนคนเดิน
“เฮ้ย แกล้งทำได้ซะเหมือน”
โล่เฉินยิ้มและชกฟ่านหมิงเบาๆ หมัดหนึ่ง
ฟ่านหมิงเองก็เข้าใจความหมาย เขารีบเปลี่ยนท่าทางเคารพในก่อนหน้า และกล่าวอย่างร่าเริง “พี่น้องกันนี่ ช่วยกู้หน้าให้นายเป็นเรื่องสมควร”
"ขอบคุณแล้ว"
หานหยู่เยนยังคงแยกแยะสถานการณ์ไม่ออก สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน "พวกคุณคือ……"
โล่เฉินหัวเราะ “หยู่เยน คุณคงไม่คิดว่าเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรอกนะ อันที่จริงฟ่านหมิงแค่ช่วยเล่นละครไปกับผม เพื่อกู้หน้าให้ผม”
"แบบนี้นี่เอง"
หานหยู่เยนโล่งใจขึ้นมา และคิดว่านั่นเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
ฉากที่เกิดขึ้นในร้านขายเสื้อผ้าเมื่อกี้ ทำเอาหานหยู่เยนตกใจไม่น้อย ก่อนหน้าคำพูดเมื่อครู่เพียงชั่ววินาที เธอล้วนครุ่นคิดถึงมันมาตลอด——
ถ้าโล่เฉินเป็นคุณชายตระกูลเศรษฐีที่ปิดบังตัวตนอยู่จริงๆ อย่างนั้นเธอควรจะทำยังไงดี?
ตนเองจะคู่ควรกับเขาหรือไม่?
เขาจะทิ้งเธอไหม?
โชคดี ที่มันเป็นแค่เพียงงละครฉากหนึ่ง
“ประธานฟ่าน ขอบคุณคุณมาก พวกเราขอเลี้ยงอาหารเย็นคุณ”
"ได…"
คำพูดหนึ่งเพิ่งจะพุ่งออกมา กลับต้องพบว่าสายตาของโล่เฉินกำลังหรี่ลง ฟ่านหมิงรีบเปลี่ยนคำพูด “วันอื่นเถอะ วันนี้ผมยุ่งเกินไป ยังต้องกลับไปตรวจดูงานอีก พวกคุณสามีภรรยาเที่ยวให้สนุกเถอะ”
“อย่างนั้นก็ได้ ลาก่อนประธานฟ่าน”
"ลาก่อน"
จนกระทั่งฟ่านหมิงลับตาไป หานหยู่เยนก็หันหน้ามากและเอ่ยบ่น “คุณนี่นะ ชอบทำเป็นเก่ง ถ้าเมื่อกี้ประธานฟ่านมาไม่ทันเวลาจะทำยังไง อ้อใช่ เสื้อผ้าในร้านพวกนั้นคุณคงไม่ได้เอาไปเผาจริงๆ ใช่ไหม?”
“ไม่หรอกมั้ง เฮ้อย่าไปสนใจมากนักเลย เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมที่มหาวิทยาลัย เคยช่วยชีวิตเขาไว้ ก็แค่ร่วมกันเล่นละครนิดหน่อย”
“คุณนี่นะ ไม่รู้จักขอบคุณเลยซะเลย”
โล่เฉินพูดไม่ออกอย่างสมบูรณ์
ต่อให้ตนเองจะรู้สึกขอบคุณ แต่เด็กคนนั้นจะกล้ายอมรับมันหรือไง
เขาคงคิดไปว่าตนกำลังสั่งสอนเขาให้เป็นผู้เป็นคนต่างหาก!
หลังจากเดินไปถนนคนเดินเสร็จพวกเขาก็ไปยังศูนย์อาหารต่อ
เวลาสามทุ่มกว่า โล่เฉินบอกว่าจะไปดูหนัง แถมยังจงใจเลือกหนังที่กินเวลานานกว่าสามชั่วโมงครึ่ง
กว่าหนังจะจบก็เป็นเวลาเกือบตี 1ไปแล้ว
ถึงตอนนั้นคงไม่จำเป็นต้องกลับบ้าน
ในใจของโล่เฉินวางแผนเอาไว้มากมาย ไม่ต้องกลับบ้านอย่างนั้นก็เปิดโรงแรม ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องโชคดีเดินขึ้นบ้างก็เป็นได้
"คุณภรรยา ไม่จำเป็นต้องเปลืองเงินเลย"
ที่แผนกต้อนรับของโรงแรม หานหยู่เยนต้องการเปิดห้องสองห้อง โล่เฉินเขวไปทันที
“คุณคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรหรือไง หนังสามชั่วโมงครึ่ง ขอบคุณคุณจริงๆ ที่คิดออกมาได้ ฉันนั่งจนหลังปวดเมื่อยไปหมด”
หานหยู่เยนย่นจมูกและถาม "สวัสดีค่ะ รบกวนเปิดห้องสองห้องข้างๆ กันหรือตรงข้ามกันหน่อยค่ะ”
“เอ่อ ขออภัยด้วยค่ะ ตอนนี้เหลือห้องเดียวเท่านั้น”
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับกล่าว
โล่เฉินค่อยแจ่มใสขึ้นมา เขารู้สึกว่าพระเจ้ากำลังช่วยเขาอยู่จริงๆ เขาแย่งพูดขึ้น “ห้องเดียวก็ห้องเดียวเถอะ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน นอนห้องเดียวกันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกลัวว่าตำรวจจะตรวจสอบห้อง”
"ได้ค่ะ"
“เอ๋ คุณทำอะไรน่ะ”
โล่เฉินโอบหานหยู่เยนและคว้าการ์ดห้องพักมา ก่อนจะเอ่ยหัวเราะร่า “เปิดห้องไปแล้ว จะคืนก็คงไม่ได้แล้ว ไปไปไป เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนให้ดีๆ ”
……
เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ทุกอย่างเงียบสงบ
ผ้าม่านยังคงไม่ถูกดึงปิด
ดวงจันทร์ข้างนอกนั้นทั้งกลมและใหญ่ แสงจันทร์ส่องสว่างไสวดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
โล่เฉินนอนบนโซฟาและมองไปยังหานหยู่เยนผู้ซึ่งนอนสบายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าหงอยๆ แล้วถอนหายใจติดๆ กัน
“คิดว่าอยู่บ้านก็ได้แล้ว ยังไงที่บ้านคุณก็ปูพื้นนอนเหมือนกัน คุณดูโซฟาสิทั้งใหญ่ทั้งนุ่ม สบายกว่านอนบนพื้นที่บ้านตั้งเยอะใช่ไหม”
"คุณพูดถูก"
พรูด
หานหยู่เยนหัวเราะออกมา เธอตะแคงมามองโล่เฉินและถามว่า "เฮ้ ฉันนอนไม่หลับ ขอคุยกับคุณได้ไหม"
"จะคุยอะไร"
“เล่าเรื่องครอบครัวคุณให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
โล่เฉินนิ่งไป
หานหยู่เยนเอ่ยรำลึก “สามปีก่อน คุณปู่พาคุณกลับบ้าน ทั้งตัวคุณมอมแมมสกปรก ราวกับขอทานคนหนึ่ง อีกทั้งยังอ่อนแออย่างมาก ราวกับคนป่วยหนัก พร้อมจะตายได้ทุกเมื่ออะไรประมาณนั้น สามปีมานี้ก็ไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงพ่อแม่และครอบครัว”
“คุณมาจากไหน?พบคุณปู่ได้อย่างไร?”
“อืม บอกได้ไหม?”
หานหยู่เยนสองมือเท้าคางเอาไว้ ดวงตาตั้งตารอคอยอย่างยิ่ง
"นี่…"
โล่เฉินราวกับกำลังข้ามผ่านห้วงเวลาอันเนิ่นนาน และมองไปยังห้าพันปีก่อน ความเหงาและโดดเดี่ยวบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ทั้งตัวของเขาหนาวเหน็บ
"ผมไม่มีพ่อแม่"
หานหยู่เยนในใจหดวูบลง เธอลุกขึ้นนั่ง
"นับตั้งแต่ผมจำความได้ก็มีแค่ผมคนเดียว ชิมแปนซีบนภูเขาเลี้ยงดูผมมา ผมไม่รู้ว่าตนเองมาจากไหน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตนเป็นใคร ตัวผมคือหลักฐานเดียวว่าผมมีพ่อแม่"
“หลายมีมาแล้ว ที่ผมเองก็ตามค้นหา แต่กลับไร้ร่องรอยใดๆ ผมราวกับเป็นซุนหงอคง ที่เกิดออกมาจากก้อนหิน”
“ผมใช้ชีวิตผ่านมาหลายปี ได้เห็นอะไรมากมาย แต่ผมกลับรู้สึกราวกับตัวเองเป็นเพียงคนนอก มีบางครั้ง การมีชีวิตอยู่ก็คือความทุกข์ทรมานแบบหนึ่ง”
ตึง
หานหยู่เยนตกใจขึ้นมา เธอร้องขึ้น “โล่เฉินคุณพูดบ้าอะไรน่ะ ตายไม่ตายอะไรกัน ชีวิตต้องใช้ให้ดีๆ มีภรรยาที่สวยอย่างฉันอยู่คุณยังจะอยากตายอยู่อีก!”
“คุณยอมรับว่าเป็นภรรยาผมแล้ว?” โล่เฉินถามด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม
“ไม่”
หานหยู่เยนปากยื่น แต่กรอบตากลับเปียกชื้นขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของตนถึงได้เศร้าอย่างยิ่ง
เธอสูดจมูก ก่อนจะเปลี่ยนคำถาม “ก่อนที่จะมาบ้านของฉัน คุณคงโดดเดี่ยวอย่างยิ่งใช่ไหม?”
"ใช่ ผมโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง"
โล่เฉินหลับตาลง
ตั้งแต่สมัยโบราณมา ภาพต่างๆ ค่อยๆ ผุดขึ้นในจิตใจของเขา
เขาโดดเดี่ยวไหม?
ห้าพันปี ได้รู้เห็นมามากมาย สมควรที่จะรู้สึกเต็มตื้นอย่างยิ่ง แต่ในหัวใจของเขากลับมีความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ได้อยู่
“โล่เฉิน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?ขอโทษด้วยเป็นฉันไม่ดีเอง ดันไปพูดเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกเศร้าใจ” หานหยู่เยนรู้จักรับผิดอย่างยิ่ง กรอบตาเธอแดงก่ำ
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร"
โล่เฉินเอ่ยต่อ "การพบกับคุณปู่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือบางทีพวกเราอาจถูกลิขิตให้เป็นคู่กันก็ได้"
“ชิ น้ำเน่า”
หานหยู่เยนแอบเช็ดตาแล้วพึมพำกับตัวเอง “ทำไมคุณปู่ถึงให้เราแต่งงานกันนะ เรื่องนี้ฉันคิดไม่ออกเลย บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ยังไม่ทันได้เรียนรู้กันก็แต่งงานเข้ามา คุณปู่ตอนยังมีชีวิตอยู่ก็รักเอ็นดูฉันไม่น้อยเลย ไม่น่าจะทำร้ายฉัน”
“คุณรู้ว่าคุณปู่ไม่ทำร้ายคุณ อย่างนั้นท่านก็คงให้สมบัติแก่คุณน่ะแหละ”
“สมบัติ?คุณ?” หานหยู่เยนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นอกจากหน้าตาที่ไม่เลวของคุณแล้ว อืม ฉลาดอยู่หน่อย ยังมี…..”
ยิ่งพูด หานหยู่เยนก็ค้นพบว่าข้อดีของโล่เฉินนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดเธอก็ปิดปากลง ท่าทางอารมณ์เสียอย่างมาก
โล่เฉินเอ่ยหัวเราะ “โครงการปินหูไม่ใช่ผมหรือที่ช่วยคุณเอามาได้ คุณถึงได้โบยบินในตระกูลหาน อย่างนี้ผมจะไม่ใช่สมบัติได้อย่างไร”
หานหยู่เยนเคาะคางของตน เธอพยักหน้าน้อยๆ "คุณพูดมีเหตุผล เป็นเพราะคุณตอนนี้ทุกอย่างถึงค่อยๆ ดีขึ้นมา ก็ได้ ถือว่าคุณเป็นสมบัติ แต่ว่านี่ออกจะเปล่งแสงช้าไปหน่อยรึเปล่า”
“สามปีเชียวนะ คุณพระ!”
“สามปีมานี้พวกเราลำบากอย่างยิ่ง พอนึกคิดขึ้นมาก็แทบจะเป็นฝันร้ายเสียด้วยซ้ำ”
โล่เฉินรู้สึกขบขันกับท่าทางตลกของหานหยู่เยน สายตาของเขาอ่อนโยนอย่างยิ่ง “วางใจเถอะ วันคืนของพวกเรามีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ จะต้องมีสักวันหนึ่งที่คุณค้นพบว่าผมนี่แหละคือสมบัติที่แท้จริงของคุณ และเปล่งประกายเพียงเพื่อคุณเท่านั้น”
"ฮึก ขนลุก"
หานหยู่เยนยกผ้าห่มมาคลุมและปิดไฟ “นอนแล้วนอนแล้ว อย่าลืมพรุ่งนี้….ไม่ นี่มันตีหนึ่งกว่าแล้ว วันนี้จะต้องไปน้ำพุร้อนเทียนฉือนะ หวังว่าจะได้มีวันหยุดที่สวยงามสักวัน”
“ตอนเช้าอย่าลืมปลุกฉันนะ”
ท่ามกลางความมืด
หานหยู่เยนนอนไม่หลับ เธอกัดริมฝีปากสีแดงสดอย่างต่อเนื่อง
สมบัติของฉัน?
แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคิดว่าจะเป็นคุณ แต่ตอนนี้… ฉันหวังว่าจะเป็นคุณ