“ เสด็จพ่อเพคะ ลูกผู้ชายตรัสแล้วอย่าคืนคำสิเพคะ ” องค์หญิงซูเม่ยค้านขึ้น สองแขนของนางโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ใบหน้างามมีรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข นั่นทำให้ผู้เป็นบิดาพอคาดเดาอะไรได้บ้าง
“ ลูกเต็มใจเช่นนั้นหรือ ”
“ ลูกเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นสิ่งตอบแทนให้กับชายผู้กล้าหาญ จอมทัพผู้แข็งแกร่งนามว่าเหิงซื่อหลุนผู้นี้เพคะ ”
“ ข้ามิได้เห็นนางเป็นเพียงสิ่งตอบแทน แต่ข้าได้มอบดวงใจของข้าให้แก่นางไปแล้วและนางเองก็ใจตรงกับข้าเช่นกัน ” แม่ทัพเหิงเอ่ยขึ้น
“ เจ้าว่าอะไรนะ ” ท่านเจ้าเมืองถามออกมาอย่างไม่เชื่อหู
“ เรารักกันเพคะเสด็จพ่อ ลูกกับแม่ทัพเหิงรักกัน ” นางบอกผู้เป็นบิดาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่ายามนี้จะสงสัยใคร่รู้และมีคำถามร้อยพัน หากคงมิใช่เวลาที่จะพูดคุย
“ ถ้าเช่นนั้นก็… ตามสบายนะ ” ท่านเจ้าเมืองว่าแม้ในใจจะแสนห่วงใยคนเป็นลูกมากก็ตามที
“ ข้าคงต้องขอตัวก่อน ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยสั้น ๆ แต่ท่านเจ้าเมืองเรียกไว้
“ เดี๋ยว ” ก่อนสาวเข้าไปใกล้และกระซิบข้างหูแม่ทัพหนุ่ม
“ ทะนุถนอมลูกสาวข้าด้วย อย่าได้รุนแรงกับนางนัก ”
“ ข้ารับปาก ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องห่วง ”
“ ยามนี้เจ้าคงต้องเรียกข้าว่าเสด็จพ่อแล้ว ” นั่นทำให้แม่ทัพเหิงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข
“ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน ที่ท่านให้โอกาสชายผู้ต่ำศักดิ์ ”
“ ไม่เลย จิตใจของเจ้าสูงส่งเหลือเกิน เหิงซื่อหลุน ขอให้ดูแลลูกสาวข้าให้ดีเช่นที่เจ้าดูแลเมืองหงโจวมาตลอด ”
“ ข้าสัญญา ” เขากล่าวคำมั่นสั้น ๆ ด้วยแววตาและน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนเดินจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมองค์หญิง ซูเม่ยในวงแขน
มิใยที่เหล่าขุนนางจะซุบซิบนินทาตามหลัง ทว่าท่านเจ้าเมืองตวาดเสียงดัง
“ หุบปากไร้ประโยชน์ของพวกเจ้าได้แล้ว หลังจากนี้ข้าจะสะสางบัญชีการเมืองและขุนนาง ผู้ใดอยู่อย่างไร้ประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน ข้าจะพิจารณาให้ออกแล้วแต่งตั้งคนใหม่ที่เหมาะสม ข้าอ่อนข้อต่อพวกเจ้านานเกินไปแล้ว ” นั่นทำให้พวกเขาหุบปากฉับทันควัน ร้อน ๆ หนาว ๆ ไปตามกัน
“ ท่านจะพาข้าไปไหน ”
องค์หญิงซูเม่ยเอ่ยถาม อีกฝ่ายจ้องมองนางด้วยดวงตาเยิ้มฉ่ำราวจะกลืนกิน
“ ที่ไหนก็ได้ที่พี่สามารถกลืนกินเจ้าได้ทั้งวันทั้งคืน ” นั่นทำให้นางใบหน้าร้อนวูบ ต้องหลบสายตาแทงทะลุถึงหัวใจนั้นพัลวัน
“ เจ้าพร้อมหรือไม่ ”
“ หากข้าบอกว่าไม่พร้อมท่านจะยอมหยุดหรือ ” นางถามกลับ ทำให้เขาหัวเราะร่วน
“ เรื่องอะไรจะยอม พี่อุตส่าห์รีบรบ รีบชนะ รีบกลับมาเพื่อทวงสัญญาที่เจ้าให้ไว้ ” นางพิจารณาทั่วใบหน้าหล่อเหลานั้น หนวดเครารกครึ้ม ใบหน้าคร้ามเข้มขึ้นด้วยแดดเผา รอยแผลใหม่และรอยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วอาภรณ์
“ ท่านเจ็บตรงไหนหรือไม่ ท่านพี่ ”
“ เป็นห่วงพี่หรือ ” เขาถามเสียงนุ่ม
“ ห่วงสิ ตอนท่านไปรบข้าร่ำไห้ทุกวันเลย ” คำตอบนั้นทำให้เขาหัวเราะร่วน
“ หญิงแกร่งผู้ที่กล้าขู่ข้าวันนั้นไปไหนกันเล่า ”
“ ข้าก็ทำทีเก่งกล้าไปอย่างนั้น เดินออกมาก็น้ำตาไหลไม่หยุดแล้ว ” นางสารภาพตามตรง เขาก้มลงจูบที่หน้าผากของนางอย่างแสนรักใคร่
“ ไม่เห็นต้องห่วง ข้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าคุ้มครองข้าอยู่เสมอ ” เป็นจังหวะเดียวกับที่เลี้ยวเข้าสู่ตำหนักบรรทมของนาง นางกำนัลและองครักษ์ทั้งหลายเปิดทางให้ เขาเดินเข้าสู่ห้องบรรทมก่อนวางนางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วถอดเกราะเหล็กออก ตามด้วยเสื้อคลุมจนเห็นท่อนบนกำยำเปลือยเปล่า ท่อนแขนขวามีผ้าสีแดงผูกเอาไว้ นั่นทำให้นางเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ
“ นี่ท่านผูกตู้โตวของข้าเอาไว้ที่แขนเช่นนั้นหรือ ”
“ ตลอดเวลา ”
“ แขนอีกข้างของท่านมีบาดแผล ”
“ ก็แค่คมทวน เจ็บไม่มากไปกว่ามดกัด ”
“ แต่ว่า… ”
“ ยามนี้พี่ต้องการเจ้ามากกว่าสิ่งใด ” เขาว่าก่อนจะเปลื้องท่อนล่างจนเปลือยเปล่า นางหลับตาปี๋ทันทีนั่นทำให้เขาหัวเราะร่วน ก่อนที่นางจะรู้สึกถึงมือสากที่ลูบเบา ๆ บนซีกแก้มข้างหนึ่ง
“ หลับตาทำไม ”
“ ขะ… ข้าอาย ”
“ อายทำไม ทั้งเห็นทั้งอมทั้งเลียมาหมดแล้ว ”
“ ท่านพี่ พูดอะไรก็ไม่รู้ ”
MANGA DISCUSSION