เขาต่อประโยคให้ จนจบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า ใบหน้างามแดงก่ำ
“ ข้าไม่ได้เรียกท่านด้วยความคิดถึง ข้าเพียงแต่นึกกลัวองค์ชายจิ้งฝู แล้วนึกถึงท่านที่เข้ามาช่วยไว้ได้ทันพอดี ”
นางแก้ตัว เขาจ้องมองใบหน้าหวานนั้นราวจะกลืนกิน
“ แม้เจ้ามิได้เอ่ยถ้อยคำใด ๆ ออกมา แต่หัวใจของเจ้ามันร่ำเรียกข้า ซูเม่ย ”
พูดจบเขาก็ช้อนคางของนางขึ้นให้สบตาเขา
“ ข้าจึงต้องรีบมา เพราะหัวใจของข้ามันก็ร่ำหาแต่เจ้าเช่นเดียวกัน ” ก่อนเขาจะก้มลงมาใกล้จนปากจะประกบกัน อยู่แล้ว ทว่าคราวนี้นางหันหน้าหนีและเขาเองก็ไม่ฝืนใจนางด้วย
“ รังเกียจข้าหรือ ” นางส่ายศีรษะ
“ ข้าแค่… กลัวไปหมด ” เขามองนางด้วยสายตาอ่อนโยน
“ ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว หากมีข้า เจ้าจะปลอดภัย ”
“ เช่นนั้นคืนนี้สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำอะไรข้าอีก ”
“ หืม ” เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ
“ และข้าเชื่อว่าบุรุษผู้กล้าหาญเช่นแม่ทัพเหิงซื่อหลุนคงรักษาคำพูด ”
“ แต่ข้า… ”
“ ข้าง่วง ท่านนอนข้าง ๆ คอยปกป้องข้านะ ข้าจะได้รู้สึกปลอดภัยและนอนหลับอย่างสบายใจ ” เป็นคำขอที่แม่ทัพเหิงงุนงงเป็นอย่างมาก แต่ที่งงกว่าก็คือตนเองนั้นยอมทำตาม
เขาอุ้มนางวางลงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอมอ่อนโยนก่อนจะผ่อนร่างตามไปนอนข้าง ๆ นางขยับเข้าหาแผงอกกว้างของเขา ซุกใบหน้าเข้าไปในนั้นราวลูกแมวน้อยอิงแอบอกแม่แมว มือน้อย ๆ ของนางจับหนึ่งมือใหญ่ของเขาแล้วนำเอามาไว้แนบแก้ม
“ หลับฝันดีนะ ท่านพี่ซื่อหลุน ” เสียงหวานเอ่ยบอกงึมงำเขาก้มลงประทับจูบบนศีรษะของนางเบา ๆ
“ ฝันดี เม่ยเอ๋อร์ของข้า ”
ก่อนที่นางจะหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว อาจจะเพราะความเหนื่อยอ่อนที่พึ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา แต่เมื่อมีคนที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มานอนอยู่ข้าง ๆ นั่นทำให้นางวางใจลงได้ ทิ้งให้ซื่อหลุนนอนลืมตาโพลงอยู่เพียงลำพัง ก่อนหัวเราะขำตัวเองออกมาเบา ๆ
ความตั้งใจแรกที่มาที่นี่ก็ด้วยอยากสานต่อจูบอันร้อนเร่าเมื่อกลางวัน อยากกลืนกินนางให้สาสมใจถวิลหา แต่กลับต้องมานอนกอดกล่อมให้นางหลับใหลในอ้อมอก
นี่เขาหัดเป็นบุรุษผู้แสนอบอุ่นตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
*****************************************
สามราตรีผันผ่าน ณ ลานซ้อมรบแห่งหงโจว
“ ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านเจ้าเมืองส่งคนมาเชิญท่านไปร่วมงานเลี้ยงรับรองคณะทูตจากเจี้ยนจิง ครั้งนี้ท่านเจ้าเมืองกำชับมาว่าเป็นการขอร้องและห้ามท่านปฏิเสธขอรับ ” เหิงซื่อหลุนละสายตาจากเหล่าทหารของเขาที่กำลังฝึกรบ นั่งฟังรายงานด้วยใบหน้าเรียบเฉย หากภายในใจกระตุกเล็ก ๆ เมื่อทราบว่าเจี้ยนจิงส่งคนมาอีกแล้ว
“ ที่ผ่านมา ข้าร่วมเข้าเฝ้านับครั้งได้ในท้องพระโรง และข้าก็ไม่เห็นประโยชน์ของการไปนั่งโง่ ๆ แล้วฟังพวกขุนนางเหล่านั้นพูดจาพินอบพิเทาเอาอกเอาใจท่านเจ้าเมืองเพื่อหมายได้ความดีความชอบ ข้าจะอาเจียน ”
“ ท่านเจ้าเมืองทรงคาดเดาว่าการมาครั้งนี้ของคณะทูตเจี้ยนจิงนั้นอาจข้องเกี่ยวกับการเมืองการทหาร จึงอยากจะเชิญท่านแม่ทัพไปเพื่อหารือและเป็นประจักษ์พยานขอรับ ” ทหารหนุ่มเอ่ยตามความจริง แม้จะหงุดหงิดใจอยู่บ้างแต่แม่ทัพเหิงก็พยักหน้ารับแทนคำตอบ
ณ ท้องพระโรง
เจ้าเมืองเหรินต้าฝงในเครื่องแบบเต็มยศนั่งอยู่ประจำที่ เบื้องล่างนั้นเป็นเหล่าที่ปรึกษา ขุนนาง ทหารชั้นผู้ใหญ่ต่างอยู่กันพร้อมหน้า
ร่างสูงใหญ่ของเหิงซื่อหลุนก้าวเข้าสู่ท้องพระโรงอาด ๆ แล้วเอ่ยคารวะท่านเจ้าเมือง
“ เหิงซื่อหลุนคาราวะท่านเจ้าเมือง ” เจ้าเมืองเหรินแย้มยิ้มยินดีที่ได้เห็นเขา
“ ไม่ต้องมากพิธีหรอกแม่ทัพเหิง เชิญนั่งประจำที่แล้วดื่มสุราสักจอกเถิด ”
“ ขอบคุณท่านเจ้าเมือง ” แม่ทัพหนุ่มกล่าวก่อนเดินไปนั่งประจำที่ โดยมิได้ชายตามองเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่จ้องมองเขาตาขวาง บางคนเบ้ปากอย่างไม่พอใจที่เขาไม่รู้จักคำนับทักทายพวกตนที่ถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโสและมีบรรดาศักดิ์
MANGA DISCUSSION