จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 502 สถานการณ์ - เกิดเหตุไม่คาดคิด
ระยะทางจากเมืองเป่าจีจนถึงฐานยิงดาวเทียมจิ่วเฉวียนห่างกันไม่ เกินหนึ่งพันกิโลเมตร
แต่หลี่มู่ใช้วิชาดาบเหินหาวเดินทางถึงห้าชั่วโมงเต็ม
ตามความเร็วในการบินเดิมของเขา ห้าชั่วโมงสามารถเดินทางข้าม ไปได้กว่าสองหมื่นลี้
ดังนั้นนี่จึงถือว่าแปลกประหลาดขึ้นมาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นตลอดเส้นทางนี้ หลี่มู่ยังตรวจสอบดูรอบหนึ่งอย่าง ระมัดระวังเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่ต่อให้เปิดเนตรสวรรค์ ก็ยังไม่ สามารถมองออกถึงสาเหตุ
ข่าวที่ทางการประกาศมาก่อนหน้านี้ แจ้งว่าเป็นเพราะจุดดําของ ดวงอาทิตย์ปะทุขึ้น ทําให้ขั้วแม่เหล็กโลกส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์นํา ทางของพาหนะการบิน ดังนั้นจึงไม่สามารถออกบินได้ แต่ว่ามันก็ เหมือนจะยังไม่ถูกต้องนัก เพราะดาบถลาลมของหลี่มู่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ ไฟฟ้าเพื่อนําทางเลย
การแสดงออกที่สัมผัสได้โดยตรงมากที่สุดก็คือ เพียงแค่ออกห่าง จากพื้นดินขึ้นสู่อากาศ ช่องว่างระยะห่างจะถูกพลังลึกลับบางอย่าง หรือกฎเกณฑ์บางอย่างดึงให้ยาวออกมามากขึ้น ความลี้ลับของมัน กระทั่งหลี่มู่ก็ยังมองไม่ออก ค่อนข้างน่าพรั่นพรึงพอสมควร
ระยะห่างหนึ่งพันลี้(ด้านบนเขียนเป็นกิโลเมตร น่าจะพิมพ์ผิด ครับ) ถูกดึงยืดออกมาเป็นสองหมื่นกว่าลี้ เป็นระยะทางที่มากขึ้นถึง ยี่สิบเท่าเต็มๆ
ซึ่งนี่หมายถึง อุปกรณ์การบินใดๆ บนดาวโลก น�ามันที่ใช้สําหรับ เดินทางจะต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงยี่สิบเท่า หรือก็คือต้องเร่งความเร็ว เพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่า จึงจะสามารถเดินทางได้เหมือนแต่ก่อน
ซึ่งนี่มันเป็นไปไม่ได้
และสิ่งไม่คาดคิดที่แสนลึกลับนี้ก็ส่งผลให้ เครื่องบินได้กลายมา เป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานมากที่สุดและไม่ปลอดภัยมากที่สุด ถูก รถไฟความเร็วสูงรวมไปถึงรถยนต์ที่วิ่งบนทางด่วนสะบัดทิ้งไว้ที่ปลาย แถวเรียบร้อย
หลี่มู่ก็เคยคิด หากพูดจากเรื่องเวลา การเปลี่ยนแปลงแสน ประหลาดเช่นนี้ ปรากฏขึ้นหลังจากที่ ‘ฮาร์บินเจอร์’ กลับมายังดาวโลก บอกได้ยากว่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘ฮาร์บินเจอร์’ หรือไม่
เมื่อถึงช่วงเช้าตรู่ หลี่มู่ได้พบกับทหารหญิงซูชั่วที่มารอรับอยู่ก่อน หน้าในโรงแรมหนงเขิ่นในเขตเมืองจิ่วเฉวียน
“จากการจัดการของหัวหน้า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะมาเป็น เลขาลับของเธอ” ซูชั่วทําวันทยาหัตกับหลี่มู่
นางอยู่ในเครื่องแบบทหารอากาศสีน�าเงินเทา ตัดเย็บสมส่วน รูปร่างเผยให้เห็นสัดส่วนงดงาม ภายใต้ความขับเด่นของเครื่องแบบ ทหาร ดอกไม้งามแห่งกองทหารคนนี้ก็มีความงามแห่งความองอาจที่ ผู้หญิงทั่วไปไม่มี
หลี่มู่พยักหน้า
เช่นนี้ก็ดี
บางเรื่องที่เขาจะทํา จําเป็นต้องติดต่อกับฝ่ายทหาร มีคนคุ้นเคย อย่างซูชั่วอยู่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้ อย่างน้อยก็ยังสามารถ ติดต่อสื่อสารได้สะดวกขึ้นบ้าง
เห็นได้ชัดว่า ฝ่ายทหารก็ค่อนข้างให้ความสําคัญกับตนเอง พอสมควร
“ท่านผู้นําหลายคน เดิมทีอยากจะมาพบเธอด้วยตนเอง แต่จาก สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังคงยุ่งยากซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการ
ต่างประเทศหรือว่าฝ่ายทหาร ล้วนกําลังรับกับแรงกดดันมหาศาล ดังนั้นจึงไม่สามารถปลีกตัวมาได้ หวังว่าเสี่ยวมู่จะเข้าใจในจุดนี้” ซูชั่ว พยายามใช้ถ้อยคําพูดอย่างระมัดระวัง
หลี่มู่ยิ้ม เอ่ยกลับมา “เข้าใจแน่นอน ผมก็ไม่คิดที่จะเอาตัวเองไป เป็นคนวิเศษวิโสอะไรแบบนั้น โดยเฉพาะในด้านนี้….เอาล่ะ ตามแผน ของฝ่ายทหาร ต่อจากนี้ผมต้องทําอะไรหรือ?”
ซูชั่วตอบ “เธอจะไม่ไปที่เขาฉีเหลียน เพื่อดูสถานที่ที่อาจารย์หลี่ ปรากฏตัวขึ้นครั้งนั้นก่อนหรือ?”
หลี่มู่สั่นศีรษะเอ่ยตอบ “ไม่รีบ”
ถ้าหากซินแสเฒ่าทิ้งสิ่งของหรือเบาะแสเอาไว้จริงๆ คนอื่นไม่มี ทางที่จะทําลายได้อยู่แล้ว สุดท้ายก็ต้องเจออยู่ดี ซินแสเฒ่าหายตัวไป ตั้งนานขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร จัดการเรื่องของฝ่ายทหารให้ เรียบร้อยเสียก่อนก็แล้วกัน ความมั่นคงของประเทศชาติ นี่ถึงจะเป็น เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดที่แท้จริง
ซูชั่วเอ่ยต่อ “เสี่ยวมู่เธอมีเจตนาที่ดีจริงๆ…เช่นนั้นฉันจะแนะนํา สถานการณ์ปัจจุบันนี้เสียก่อน จากเรื่องของ ‘ฮาร์บินเจอร์’ พื้นที่รัศมี ห้าสิบลี้รอบฐานยิงดาวเทียมทั้งหมดถูกบังคับใช้เคอร์ฟิว ทําให้ประเทศ ได้รับแรงกดดันมหาศาล….”
นางอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันคร่าวๆ ออกมา จากนั้นจึงลง รายละเอียด “สองวันก่อนหน้า ฝ่ายทหารทําตามผลการเจรจาขั้นแรก ของนานาประเทศ ได้จัดแบ่งสมาชิกทีมนักสํารวจวิทยาศาสตร์ของ ‘ฮาร์บินเจอร์’ ส่งกลับไปยังประเทศของพวกเขา แต่ว่าได้เกิดปัญหา บางอย่างขึ้น ระหว่างทางเหล่าสมาชิกกลุ่มนักสํารวจวิทยาศาสตร์ ภายใต้การคุ้มครองของฝ่ายทหารประเทศตนเอง ยังไม่ทันจะออกจาก เมืองจิ่วเฉวียน ก็พบกับการโจมตีอันน่ากลัว แคลร์ถูกสังหาร วิคเตอร์ กับซูซานยังไม่ทราบชะตากรรม สถานการณ์เลวร้ายลงในพริบตา สมาชิกที่เหลืออย่างพวกแอนดรูว์ จึงต้องกลับมายังฐานยิงดาวเทียม อย่างจําใจ ตอนนี้ รัฐบาลแต่ละประเทศมีท่าทีไม่พอใจต่อเรื่องที่สมาชิก ได้รับการบาดเจ็บล้มตายขึ้นในแดนประเทศเรา หวังว่าจะมีคนของ ประเทศเราคุ้มกันพวกเขาออกจากเขตในไปได้
ขณะที่พูดถึงเรื่องนี้ ซูชั่วรู้สึกเสียใจขึ้นมา
แคลร์ที่ถูกสังหาร แล้วยังวิคเตอร์กับซูซานที่หายสาบสูญไป ล้วน เป็นสมาชิกของกลุ่มนักสํารวจวิทยาศาสตร์จาก ‘ฮาร์บินเจอร์’ ทั้งสิ้น เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนางมา ความสัมพันธ์ก็ไม่เลวนัก แต่กลับต้อง พบกับเรื่องเช่นนี้ ในฐานะเพื่อน ในใจของนางรู้สึกทั้งโกรธแค้นและ เสียใจ
หลี่มู่นั้นยังจดจํารูปร่างหน้าตาของทั้งสามคนนี้ได้ ไม่คิดว่าจะเกิด เรื่องเช่นนี้ขึ้นเลย
“หลังจากที่มีการเคลื่อนย้ายสมาชิกจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นใช่ไหม?” หลี่มู่ถามขึ้น
ซูชั่วพยักหน้า
หลี่มู่เอ่ยต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรจะเป็นความรับผิดชอบของ แต่ละประเทศไปสิ ทําไมต้องให้พวกเรามาแบกรับความรับผิดชอบ ด้วย? หรือว่าประเทศที่สมาชิกเหล่านี้สังกัดอยู่ไม่มียอดฝีมือมาปกป้อง พวกเขาเลย?”
“แต่ละประเทศได้ส่งยอดฝีมือออกมาเหมือนกัน ทว่าล้วนบาดเจ็บ ล้มตายจํานวนมาก” ซูชั่วเอ่ยขึ้น “ดูจากเบาะแสและรายงาน มีสุดยอด ยอดฝีมือที่น่ากลัวมาก หลบซ่อนอยู่ในเงามืด ลอบสังหารสมาชิกของ แต่ละประเทศ”
“สุดยอดยอดฝีมือ? แข็งแกร่งระดับไหนกัน?” หลี่มู่ถามขึ้น
ซูชั่วตอบ “อย่างน้อยบนโลกใบนี้ ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่อยู่ระดับสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นยังถนัดวิธีการลอบสังหารอีกด้วย ประกอบกับมีพวกพลัง ประหลาดมาร่วมด้วย จึงไม่สามารถป้องกันไว้ได้…แน่นอนว่า ไม่ใช่คู่มือ ของเสี่ยวมู่หรอก แต่ก็ดูถูกไม่ได้เลย”
หลี่มู่ครางอืม ไม่พูดอะไร
ซูชั่วพูดต่อ “ที่สําคัญที่สุดก็คือ ภายในของแต่ละฝ่ายเป็นไปได้ว่ามี หนอนบ่อนไส้อยู่ อีกฝ่ายเข้าใจถึงการย้ายสมาชิกของพวกเราเป็นอย่าง ดี เส้นทางการหลบหนีของสมาชิกแต่ละประเทศ มีพลังสูงหรือต�า”
หลี่มู่ขมวดคิ้ว
พอเกี่ยวข้องกับหนอนบ่อนไส้เรื่องนี้ ก็คงต้องปวดหัวอย่างไม่ต้อง สงสัย
“ยังตรวจสอบอะไรออกมาได้อีกบ้าง?” หลี่มู่ถามต่อ
ในใจของเขา ร่างแผนการรับมือขึ้นคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึง ต้องยิ่งถามข้อมูลเยอะหน่อย…นี่ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่าตึงมือ แต่กลับ ตรงกันข้ามเสียด้วยซ�า สําหรับหลี่มู่แล้ว การเผชิญหน้ากับสถานการณ์ ใดๆ ต้องการเพียงแค่พลังในการทําลายเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่ เด็ดขาด ทุกอย่างก็เป็นเพียงกากเดน
เขาคิดอย่างละเอียด ว่าจะใช้วิธีเช่นไรจึงจะสามารถจัดการปัญหา ปัจจุบันได้อย่างรวดเร็วที่สุด ออกแรงครั้งเดียวแล้วสบายไปตลอด
ซู่ชั่วเอ่ยต่อ “มีสัญญาณที่แสดงออกอย่างชัดเจน สุดยอด ผู้ก่อการร้ายที่แข็งแกร่งจากตะวันออกกลางบางส่วน ได้แทรกซึมเขา
มาในเขตเขาฉีเหลียนแล้ว นับตั้งแต่ที่ฟ้าดินเริ่มเปลี่ยนแปลง ในกลุ่ม ผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ มีผู้แข็งแกร่งระดับสุดสูงออกมาหลายคน นี่น่าจะ เกี่ยวข้องกับโลกแห่งจิตวิญญาณที่พวกเขาบ้าคลั่งกันอยู่…ในนั้นสุด ยอดผู้แข็งแกร่งทั้งสามที่มีฉายา ‘อูฐทราย’ ‘ดาบโค้ง’ ‘น�ามันดิบ’ พลัง น่ากลัวที่สุด สามารถจัดอยู่ในยี่สิบอันดับแถวหน้าของโลก ทําเอาแต่ละ ประเทศปวดหัวเป็นแถบ เคยจับกลุ่มพันธมิตรเพื่อจะล้อมปราบ แต่ก็ ไม่เคยสําเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นยังสูญเสียกําลังพลไปอีก ดูจากรายงานแล้ว ‘อูฐทราย’ และ ‘ดาบโค้ง’ เป็นไปได้ว่าทําการแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่ เขาฉีเหลียนแล้ว เรื่องที่สมาชิกถูกโจมตี ก็เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับ พวกเขา”
ระหว่างพูด นางได้ยื่นอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นหนึ่งออกมา ในนั้นมีข้อมูล รูปภาพ วิชาที่ถนัด เทคนิคการสู้รบ ลักษณะนิสัยของผู้แข็งแกร่งที่มี พลังอยู่ในขอบเขตทั่วโลกบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด
หลี่มู่กวาดตาดูคร่าวๆ ก็พบว่าข้อมูลนั้นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่ หนึ่งคือผู้แข็งแกร่งในประเทศ ส่วนที่สองนั้นครอบคลุมไปถึงผู้ แข็งแกร่งระดับสุดยอดที่น่ากลัวจากตะวันออกกลางอีกหกสิบแปดคน ค่อนข้างละเอียดลออ
เขาอ่านไปหนึ่งรอบก็จําได้ทั้งหมดแล้ว
“พวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ เป้าหมายในการแทรกซึมก็คือ ‘ฮาร์บิน เจอร์’ หรือ?” หลี่มู่ถามขึ้นลอยๆ “คนเหล่านี้เริ่มหันมาสนใจแผ่นฟ้า นอกพิภพกันตั้งแต่เมื่อไร?”
ซูชั่วเอ่ยต่อ “พวกเขาเข้าใจว่า ‘ฮาร์บินเจอร์’ นั้นได้ซ่อนความลับ การชําระล้างบาปของโลกเอาไว้ เป็นรางวัลที่เทพนอกพิภพส่งมาให้ พวกเขา จําเป็นต้องมีพวกเขาเข้ามาควบคุม”
หลี่มู่เอ่ยต่อ “ถ้าเป็นเช่นนี้ เรื่องเกี่ยวกับ ‘ฮาร์บินเจอร์’ ก็รั่วไหล ออกไปแล้วจริงๆ?”
ซูชั่วผงกศีรษะ ตอบว่า “กลุ่มองค์กรที่มีพลังเพียงพอและประเทศ ระดับสูงบนโลกนี้ล้วนรู้กันหมดแล้ว เรื่องนี้เดิมทีก็ยากที่จะปิดบัง จะ โทษการรักษาความลับของฝ่ายทหารก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรเสียวันนั้นที่ ‘ฮาร์บินเจอร์’ ฝ่าชั้นบรรยากาศโลกเข้ามาก็ได้เกิดเสียงลั่นสะเทือนฟ้า ทําเอาฝ่ายจับตาของแต่ละประเทศสะดุ้งโหยงกันหมด ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงนี้ ยังมีประเทศบางส่วนจงใจปล่อยข่าวอย่างลับๆ ตอนนี้คนที่มี อํานาจเพียงพอก็รู้กันแล้ว ว่าใน ‘ฮาร์บินเจอร์’ ซ่อนพลังที่มาจากนอก พิภพเอาไว้ ขั้วอํานาจแต่ละฝ่ายก็เหมือนกับแมลงเม่าที่โถมเข้ากองไฟ เดินตามกันเป็นพรวนเหมือนฝูงเป็ด”
“แล้วทางฝ่ายทหารมีท่าทีอย่างไร?” หลี่มู่คืนอุปกรณ์ไฟฟ้าแก่ซู ชั่ว ถามต่อ “ต้องการให้ผมปกป้องสมาชิกเหล่านั้นออกนอกประเทศ?”
ซูชั่วสั่นศีรษะตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น การคุ้มกันสมาชิกเหล่านี้ ทาง ประเทศมีความสามารถที่จะจัดการ ส่งยอดฝีมือสํานักในประเทศ บางส่วนไปทําได้ ซึ่งยังต้องเจรจาหารือกับประเทศนั้นๆ อยู่ เรื่องที่ เร่งด่วนที่สุดตอนนี้ คือการใช้วิธีการที่เร็วที่สุด จัดการพวกผู้ก่อการร้าย อย่าง ‘อูฐทราย’ ‘ดาบโค้ง’ ที่ซ่อนอยู่ในความมืด รวมไปถึงพวกทหาร รับจ้างยอดฝีมือระดับสูงที่ลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ผ่านด่านตรวจเพื่อ ดําเนินการทําลายหรือโค่นล้มให้สิ้นซากไป”
หลี่มู่พยักหน้าตอบว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก ขอแค่พวกเขาเข้ามา ภายในเขตประเทศ เวลาสามวัน ผมก็สามารถจัดการถอนรากถอนโคน พวกเขาได้หมดโดยไม่เหลือแม้แต่คนเดียวได้”
ซูชั่วตกตะลึง เอ่ยขึ้นว่า “สามวัน?”
“ทําไมหรือ? เวลาช้าไป?” หลี่มู่ถามขึ้น
“ไม่ๆๆ จริงๆ แล้วสามารถจัดการพวกเขาได้ภายในครึ่งเดือน ทาง ฝ่ายทหารก็พอใจมากแล้ว” ซูชั่วรีบร้อนอธิบาย
“ถ้าฝ่ายทหารสามารถล่อคนเหล่านี้เข้ามารวมกันภายในรัศมีพันลี้ เวลาก็ยิ่งสั้นลงอีก ครึ่งวันก็สามารถจัดการให้สิ้นซากได้แล้ว” หลี่มู่เอ่ย ต่อ
ซูชั่วสูดลมหายใจลึก เอ่ยว่า “ฉันต้องกลับไปรายงานกับฝ่ายทหาร ใหม่อีกครั้ง ต้องจัดการปรับกลยุทธการรบบางส่วน….เพียงแต่ว่า เสี่ยว มู่ เธอรับมือไหวจริงหรือ?”
“หนึ่งร้อยเปอร์เซนต์” หลี่มู่ตอบ
ซูชั่วเอ่ยต่อ “ดีเลย ฉันจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้”
นางติดต่อช่องสัญญาณลับหนึ่งต่อหน้าหลี่มู่ ถ่ายทอดข้อมูล ออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง โทรศัพท์ทางการทหารที่ทําขึ้นโดยเฉพาะของซูชั่ว ก็ได้รับข้อความหนึ่ง หลังจากอ่านแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “จริงด้วย ผู้ บัญชาการฟ่านบอกว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกกับเสี่ยวหมู่ เรื่องที่ เกิดขึ้นในโรงแรมสวนนิเวศไป่เหอก่อนหน้านี้ หลังจากที่หลิงเฮ่อจื่อได้ กลับไป ได้แพร่กระจายออกไปทั่วยุทธจักรแล้ว ในตอนนี้บู๊ลิ้มใน ประเทศล้วนวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวเธออย่างร้อนแรง ถึงแม้ประเทศจะ ดําเนินการไปบางส่วนเพื่อควบคุมให้ผลปฏิกิริยาความสั่นสะท้านนี้อยู่ ในขอบเขตที่แน่นอน ไม่แพร่งพร่ายข่าวสารที่เกี่ยวข้องออกสู่สังคม แต่ ว่าในเจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์ ปฏิกิริยาของสํานักวิญญาณแท้และสํานักชม ดาราค่อนข้างรุนแรง จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทั้งสองสํานักกําลังวางแผน จะสร้างงานชุมนุมบู๊ลิ้มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพื่อทวงความ ยุติธรรมกับเธอ”
หลี่มู่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
พวกเจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น จริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ในสายตาเขา เลย
“ในเมื่อพวกเขาคิดไม่ตกเช่นนี้ ก็ให้พวกเขามาหาผมก็แล้วกัน” หลี่มู่ตอบ
ซูชั่วรู้ว่าจะต้องได้รับคําตอบมาเช่นนี้ ก็เลยเสริมเข้าไปอีกหนึ่ง ประโยค “ครั้งนี้ ประเทศชาติหวังจะยืมจุดนี้เพื่อพลิกสถานการณ์ เข้า จัดระเบียบขั้วอํานาจบู๊ลิ้มเพื่อให้มาอยู่ในความควบคุมของรัฐบาล และ คงไม่นานนัก พวกคนจากเจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์และสํานักที่ค่อนข้างมี ความสําคัญหน่อย ก็คงจะเข้ามาในเขตเขาฉีเหลียน ไม่แน่ว่าเมื่อถึง ตอนนั้น เธอและพวกเขาได้มาเจอกัน คนจากสํานักเหล่านี้อาจจะ ร่วมมือกันสร้างความลําบากให้แก่เธอ”