จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 499 อาจารย์ก็คุกเข่าเหมือนกัน
ใบหน้าของเฉินซ่าวหวาเหมือนปกคลุมไปด้วยน�าค้างแข็งชั้นหนึ่ง ทันที
ประกายในตาของเขาเหี้ยมโหดเหมือนสัญญาณของสัตว์ป่าที่ถูก ยั่วโมโหจะเบิดอารมณ์
“นายน้อยเฉิน ในห้องนั้นไม่รู้ว่ามีเด็กบ้ามาจากไหน อวดดีมาก ไม่ใช่แค่ไม่ยอมเดินมา แต่ยังบอกว่าภายในสามนาทีนี้ ให้คุณไปโขก ศีรษะขอโทษ ไม่อย่างนั้น ผลภายหลังรับผิดชอบเอง” หม่าเจิ้นฟูมฟาย รอยประทับฝ่ามือบนหน้ามันเจ็บจริงๆ นะ
เขาเคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้เสียที่ไหน
หม่าหมิงอวี้เห็นลูกชายของตัวเองถูกตบแบบนี้ ก็โมโหทันที “เป็น ใคร? กล้าอวดดีขนาดนี้ กล้าลงมือทําร้ายคนกลางวันแสกๆ แบบนี้…”
หม่าเจิ้นทั้งเจ็บทั้งโมโห ฟ้องงึมงํา “ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่สาวัตรซูเกรงใจเขามาก…น่าจะเป็นคุณชาย ของผู้นําในเมืองอะไรละมั้ง วางท่าสุดๆ”
เฉินซ่าวหวาลุกขึ้นแค่นเอ่ยเสียงเย็น “ให้ฉันไปโขกหัวขอโทษ? ฮี่ๆ อวดดีจริงๆ ต่อให้เป็นคุณชายของผู้นํามณฑลก็ตายแน่แล้ว…” เขาหัน ไปมองชายชราผมขาวที่อยู่บนโซฟา “อาจารย์เรื่องนี้อาจารย์จะสนใจ หรือไม่?”
ชายชราผมขาวไม่ลืมตา เอ่ยราบเรียบ “เฮ่ออวี่ เฮ่อเฟย เธอสอง คนไปดูเป็นเพื่อนศิษย์น้องของพวกเธอหน่อยก็แล้วกัน อย่าให้มีใคร ตายเป็นพอ” เขาที่หน้าตามีเมตตา คําพูดที่พูดออกมากลับชวนให้คน หวาดผวา
ชายหนุ่มเสื้อขาวสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซ้ายขวาต่างโค้งคํานับ พร้อมกัน เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ครับ”
เฉินซ่าวหวาหัวเราะ เดินออกไปนอกห้องส่วนตัวทันที
ชายหนุ่มทั้งสองตามติดอยู่ข้างหลัง
คนอื่นๆ แค่เห็นก็รู้ว่าน่ากลัวจะมีเรื่องเกิดขึ้น
ท่าทางลูกศิษย์ของเทพเซียนผู้เฒ่าจะลงมือแล้ว เรื่องที่น่าสนุก ขนาดนี้จะพลาดได้อย่างไร
หม่าเจิ้นกุมใบหน้า ตามติดไปพร้อมกับเพื่อนกเฬวรากทั้งหลาย พวกคนกลางคนอย่างหม่าหมิงอวี้ก็ลุกขึ้น คนตระกูลซูเมื่อได้เห็นก็รีบ เดินตามออกไปเช่นกัน
“อย่าได้เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นเชียวนะ” แม่ซูอวี้ถงร้อนใจ กระวนกระวาย ดึงมือสามีรีบตามไป
“ฉันว่านะ หวางซืออู่คนนี้ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย ฉันบอกให้พี่สองบอก เขาแล้วนี่ ยังไม่รู้จักถอย แถมยังก่อเรื่องแบบนี้อีก…” น้าสองของ ซูอวี้ถงพูดอย่างโมโห
พ่อของซูอวี้ถงถลึงตามอง “นี่โทษเสี่ยวหวางได้อย่างไร?” เป็นเฉิน ซ่าวหวาที่วางท่าข่มขู่ ในเหตุการณ์แบบนี้ยังให้คนเดินมาคารวะเหล้า นี่ มันรังแกกันชัดๆ
แต่คําพูดที่เหลือเขาก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน เรื่องวันนี้วุ่นวายมาจนถึงขั้นนี้ อยู่เหนือการควบคุมแล้ว คนกลุ่มหนึ่งมาถึงหน้าประตูห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ตึง!
เฉินซ่าวหวายกขาขึ้นถีบประตูห้องส่วนตัวทันที เดินอาดๆ เข้าไป
เดินเข้าไปแค่ได้เห็น ในตาก็ยิ่งลุกไปด้วยไฟ จิตสังหารกลุ่มหนึ่ง เก็บเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ที่แท้ ข้างโต๊ะในห้องส่วนตัว ซูอวี้ถงกําลังจับมือถือแขนกับเด็ก หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตางดงาม ยิ้มระรื่นกระซี้กระซิก สายตาเต็มไป ด้วยความความรู้สึกลึกซึ้ง ยิ้มทั้งน�าตา มีท่าทางเย็นชาสกัดคนเอาไว้ พันลี้แบบก่อนหน้านี้แม้เพียงเศษเสี้ยวเสียที่ไหน ตอนนั่งอยู่ข้างๆ เขา ไม่ใช่ท่าทางแบบนี้เลย เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือชายชู้หวางซืออู่นั่นกระมัง? เสี้ยวขณะนี้เฉินซ่าวหวาเกิดความคิดจะลงมือฆ่า เขาจะต้องฆ่าหวางซืออู่ อีกทั้งจะต้องลงมือต่อหน้าซูอวี้ถงด้วย ฆ่าไอ้ชายชู้ชั่วนี่ ให้นังผู้หญิงแพศยาคนนี้เจ็บปวดทุกข์ทรมานไป ตลอดชีวิต “นังสารเลว สั่งให้ไปเรียกคนมา แกกลับไปไม่กลับ?” เฉินซ่าวหวา จ้องซูอวี้ถง ถามซักไซ้ด้วยตาที่ลุกท่วมด้วยเปลวไฟ “ถงถง ทําไมเธอ…” น้าสองเข้ามา พอเห็นสถานการณ์ก็ลนลานไป ในทันที นี่มาจับมือถือแขนอยู่ด้วยกัน แถม ‘นายน้อยซ่าว’ ยังมีเห็นเข้า อีก นี่อธิบายไม่ได้แล้ว
คนอื่นๆ ที่ตามเข้ามาเห็นภาพนี้ คนตระกูลซูนั้นแอบร้องในใจว่า แย่แล้ว ส่วนพวกหม่าเจิ้นแสยะยิ้มสะใจบนความทุกข์ของคนอื่นทันที
หวางซืออู่ลุกขึ้นมาทันที แล้วปกป้องแฟนสาวของตัวเองไว้ข้าง หลัง มองเฉินซ่าวหวาที่กําลังโมโหพลางเอ่ยขึ้น “คุณเป็นใคร? ไม่ทัน เคาะประตูก็บุกเข้ามา ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย เชิญคุณออกไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ…”
เฉินซ่าวหวาหัวเราะร่า สายตาเต็มไปด้วยรอยดูถูก “ไอ้โง่”
เขาก็ขี้เกียจพูดกับคนตายในสายตาตัวเองให้มาก แต่กลับพูด พลางหัวเราะเสียงเย็นกับซูฮั่นเหว่ยที่นั่งอยู่อีกทางหนึ่ง “สารวัตรซู คุณ มาเรียกคนแบบนี้หรือไง? หึๆ ดูหลานสาวตัวเองแอบคบกับชายชู้? ผม ว่าตําแหน่งสารวัตรของคุณคงจบแล้ว”
น้าสองใบหน้าร้อนลนเอ่ยขึ้น “พี่สอง พี่ทําไม…พี่ทําไมเลอะเลือน แบบนี้เล่า” พยายามส่งสัญญาณเต็มที่ ให้พี่ชายของตัวเองรีบหาวิธีจบ ปัญหา หาคําอธิบาย ร้อนใจดั่งไฟสุมอก
ซูฮั่นเหว่ยกลับเมินเฉยอยู่ข้างๆ หม่าเจิ้นในใจแค้นที่เมื่อครู่ตอน ตัวเองถูกควบคุม ถูกหวางซืออู่ตบเอา ใจแค่คิด ก็ราดน�ามันลงไปบน กองเพลิง “สารวัตรซู เมื่อครู่คุณไม่ได้บอกว่าสนับสนุนซูอวี้ถงคบกับ
หวางซืออู่หรอกหรอ? เหอะๆ ตอนนี้นายน้อยเฉินมาแล้ว คุณจะอธิบาย อย่างไร?”
ซูฮั่นเหว่ยไม่ปรายตามองเขาแม้แต่น้อย แต่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ หลี่มู่
ตอนนี้ ความตื่นตะลึงในใจของเขายังไม่สลายไป
ฝันก็ยังฝันไม่ถึงว่าบ้านหวางซืออู่จะมีความสัมพันธ์กับหลี่มู่เทพ เซียนองค์นี้ อีกทั้งท่าทางยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง พูดตามตรง เมื่อครู่ ตอนเปิดประตูเข้ามาในเสี้ยววินาทีที่เห็นหลี่มู่ เขาก็ตะลึงงันไปแล้ว
ผ่านจากการเดินทางไปวัดหรานเติง ซูฮั่นเหว่ยรู้ดีถึงความน่ากลัว ของหลี่มู่ ไม่ใช่แค่เป็นเทพเซียนแค่นั้น แต่ยิ่งเป็นคนที่แม้แต่หัวหน้า หน่วยยังต้องเคารพนอบน้อมด้วย
หลายวันมานี้ ภาพศพที่กองอยู่เต็มพื้นประหนึ่งนรกอสุรายังลอย อยู่ในหัวของเขา อีกทั้งฆ่าคนมากขนาดนั้น หัวหน้าหน่วยยังทําท่า เหมือนสมควร สมเหตุสมผลแล้ว กระทั่งว่าภายหลัง ตอนที่ลงจากเขา หัวหน้าหน่วยผู้นั้นยิ่งกําชับเขาแล้วกําชับเขาอีกว่า ไม่ว่าในเขตเมือง เป่าจีจะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้ล่วงเกินหลี่มู่ เทพเซียนองค์นี้เป็นอันขาด
ขนาดแม้แต่พี่สาวคนนั้นของตัวเองเวลาพูดถึงหลี่มู่ก็ทําท่าทาง แบบลับสุดยอด หวาดเกรงเป็นอย่างมาก และยังหาเวลามากําชับกับ
เขาเป็นการส่วนตัวหลายครั้ง เตือนเขาว่าตําแหน่งของหลี่มู่สูงส่ง ต่อให้ เป็นผู้นําในระดับสูงสุดสามสี่ท่านนั้นยังต้องให้ความสําคัญ… นี่ยิ่งทําให้ซูฮั่นเหว่ยหวาดกลัวยําเกรงขึ้นไปอีก ดังนั้น เห็นน้องสาวคนที่สามของตัวเองและคนตระกูลซูอื่นๆ ส่ง สัญญาณมาให้ตน เขาก็ทําเหมือนไม่เห็น รักษาความนิ่งเงียบเอาไว้ ส่วนคําซักไซ้ของเฉินซ่าวหวา? เขาก็ทําเป็นเหมือนไม่ได้ยินเหมือนกัน เทพเซียนต่อสู้กัน เขาไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ คอยเฝ้า สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ก็แล้วกัน และท่าทีเช่นนี้ของเขา เมื่ออยู่ในสายตาของเฉินซ่าวหวา แน่นอน ว่าเหมือนราดน�ามันลงบนกองเพลิง เขาก็ขี้เกียจจะพูดให้มากความอีก ต่อไป ยกมือชี้ไปทางหวางซืออู่แล้วเอ่ย “เฮ่ออวี่ ลงมือ ฆ่ามันซะ” เฮ่ออวี่ลังเลเล็กน้อย “เมื่อกี้อาจารย์บอกว่า…” “ฉันจะอธิบายกับอาจารย์เอง” เฉินซ่าวหวาเอ่ยอย่างเหี้ยมโหด “ตอนนี้ ฉันจะให้ไอ้เศษสวะนี่ตายต่อหน้าฉัน…ลงมือ” ซูอวี้ถงรีบดึงมือของหวางซืออู่ จะปกป้องชายคนรักของตน
ตอนนี้ ในที่สุดหลี่มู่ก็เอ่ยขึ้น
“ท่าทางคําพูดของฉันจะมีคนไม่ใส่ใจแฮะ”
ก่อนหน้านี้เขาบอกให้คนในยุทธจักรบอกออกไปว่า ใครกล้าก่อ เรื่องชั่วในเมือง ฆ่าไม่เว้น ผลสุดท้ายตอนนี้ก็มีขั้วอํานาจในยุทธจักรจะ ฆ่าคนกลางวันแสกๆ…ท่าทางบทเรียนสั่งสอนที่ให้กับคนในยุทธจักรจะ ยังไม่พอสินะ
ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่เอ่ยปาก อันที่จริงเพราะอยากจะดูว่าคนในยุทธ จักรพวกนี้จะกําเริบเสิบสานอวดดีถึงขั้นไหน
ตอนนี้ดูแล้ว…ต่อให้ตายก็ชดใช้ความผิดไม่ได้
หลี่มู่มองเฉินซ่าวหวา เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “แบบนี้แล้วกัน ฉัน ให้โอกาสนาย คุกเข่าลงขอโทษดีๆ ฉันจะไม่เอาความรับผิดชอบจาก สํานักนาย มิฉะนั้น นาย และสํานักของนายจะต้องหายไปเพราะ ความคิดสังหารของนายวันนี้”
เฉินซ่าวหวาตอนนี้สายตาถึงจะมองมาที่หลี่มู่ กวาดตาตั้งแต่หัว จรดเท้า หัวเราะเสียงเย็นเอ่ยอย่างเหี้ยมโหดขึ้นว่า “เมื่อครู่เป็นแกใช่ ไหมที่บอกให้ฉันมาคุกเข่าโขกศีรษะคํานับ? ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย…เฮ่อ เฟย หักขามัน ให้มันคุกเข่ายืนขึ้นมาไม่ได้”
คนหนุ่มเสื้อขาวชื่อเฮ่อเฟยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ลงมือมายังหลี่มู่ ทันที
เมื่อกี้อาจารย์บอกแล้วว่าอย่าให้มีคนตาย ส่วนจะทําคนพิการไปกี่ คน ในใจของเขาไม่มีความกดดันใดๆ แม้แต่น้อยอยู่แล้ว
ทว่า เขาเพิ่งจะลงมือ เรื่องน่ากลัวก็เกิดขึ้น
พลังกดดันไร้รูปร่างอันแข็งแกร่งมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันแผ่กดมาที่ ร่างของเขา น่ากลัวจนถึงขั้นคาดไม่ถึง ขาทั้งสองของเขาอ่อนยวบ ไม่ เหลือที่ให้ต้านทานเลยแม้แต่น้อย คุกเขาลงไปกับพื้นทันที เสียงกร๊อบ ดังขึ้น กระดูกที่เข่าหักแบบแหลกละเอียด
“อ๊าก ขาของฉัน…” เขาร้องน่าสังเวชเหมือนหมูถูกเชือด
อะไร?
ชายหนุ่มอีกคนที่ชื่อเฮ่ออวี่(น่าจะเป็นเฮ่ออวี่นะคะ เฮ่อเฟยขาหัก ไปแล้ว)พลังไม่ธรรมดา ใจเต้นตุบ ตั้งสติกลับมาทันที รู้ว่าเจอกับยอด ฝีมือเข้าแล้ว พลิกมือแตะด้ามกระบี่ยาวที่แขวนอยู่ที่เอว คิดจะชัก กระบี่โจมตี
หลี่มู่แค่ปรายตามองไปแวบหนึ่ง
เฮ่ออวี่รู้สึกแค่ว่าพลังประหนึ่งเขาไท่ซานกดทับลงมา เขาคุกเข่าลง บนพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว เขากระแทกพื้นอิฐแหลก กระดูกแตกละเอียดไป ไม่รู้ต่อกี่ท่อน ร้องน่าสังเวชเหมือนหมูถูกเชือดเช่นกัน
อะไร?
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จวบจน ‘ลูกศิษย์เทพเซียน’ สองคนนี้ล้มลง ในตอนนี้ คนทั้งหลาย ในห้องส่วนตัวถึงจะตั้งสติกลับมาได้ เหตุการณ์เหมือนว่า…จะค่อนข้าง แปลกประหลาด?
เฉินซ่าวหวาตื่นตระหนกตกใจ
อย่างไรเสียเขาติดตามศิษย์พี่ศิษย์น้อง เคยเห็นเหตุการณ์ บางอย่างบ้าง ปฏิกิริยาก็เร็วขึ้นอีกนิด เหงื่อแตกพลั่กทั่วร่างทันที ตระหนักได้ทันใดว่าเจอกับตอเบอเร่อเข้าแล้ว ไม่พูดอะไรแม้แต่ ประโยคเดียว หมุนตัวคิดจะหนี…
“หนีรอดหรือ?”
หลี่มู่ยกมือ ดูดร่างเขามากลางอากาศ แล้วอัดลงไปกับพื้นทันที
กร๊อบ
เฉินซ่าวหวาคุกเข่าลงบนพื้น กระดูดเข่าแหลกละเอียด เจ็บจนร้อง เสียงหลง “อ๊าก อ๊ากกก…อาจารย์ ช่วยผมด้วย…ช่วยด้วย” ความ เจ็บปวดมหาศาลทําให้เขาหน้าบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป เหงื่อชุ่มโชกทั่วกาย ตอนนี้เริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ แล้ว
“หนวกหูจริง” หลี่มู่แค่ยกมือ
เฮ่อเฟย เฮ่ออวี่และเฉินซ่าวหวาทั้งสามคนก็ส่งเสียงใดๆ ออกมา ไม่ได้ทันที
พวกเขาปากเที่ยวร้องสะเปะสะปะ หน้าตาแตกตื่นหวาดกลัว ดิ้น รน
“ให้โอกาสแล้วไม่รู้จักแก้ตัว” หลี่มู่เอ่ย “ตายก็สมควรแล้ว…”
ยังพูดไม่ทันจบ
“โปรดยั้งมือด้วย”
เสียงหนึ่งดังลอยมา ก็เห็นเทพเซียนผู้ชราผมขาวหน้าเด็กที่หลับตา หล่อเลี้ยงจิตใจมาโดยตลอดคนนั้นพุ่งมา รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ประหนึ่ง ลมกรด พุ่งเข้ามาในห้องส่วนตัว
หลี่มู่ปรายตามองไปแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น “แกก็คุกเข่าด้วย เหมือนกัน”
กร๊อบ
เทพเซียนชราบุคลิกท่าทางงดงามสง่าโดดเด่นก็เหมือนหลานชาย ที่เชื่อฟังเป็นที่สุด คุกเข่าลงบนพื้นทันที เสียงกร๊อบดังขึ้น กระดูกเข่าก็ แตกเป็นชิ้นไปไม่รู้ต่อกี่ชิ้น
ตาของทุกคนแทบจะหลุดมาอยู่บนพื้นทันที
เมื่อครู่เทพเซียนชราผู้นี้ส่งกระแสจิต ร่างรวดเร็วราวสายฟ้า ตามมาในชั่วเสี้ยวพริบตา เหมือนผู้สูงส่งในหนังในละครจริงๆ แต่ สุดท้ายเล่า หลี่มู่พูดประโยคเดียวก็ลงไปคุกเข่าบนพื้นอย่างว่าง่าย เหมือนกับสุนัขต้อนแกะแบบนั้น…นี่มันจะเหลวไหลเกินไปแล้ว
ส่วนเฉินซ่าวหวา เฮ่อเฟย และเฮ่ออวี่ทั้งสามคนที่ก่อนหน้านี้ยังดิ้น รนไร้เสียง เมื่อเห็นภาพนี้ก็เหมือนลืมความเจ็บปวด มองอาจารย์ของ ตัวเองอย่างตะลึงอ้าปากค้าง ไม่อาจเชื่อสายตาตัวเองได้เลย
อาจารย์…ก็คุกเข่าแล้ว?
…………………………………………