จอมยุทธ์พลิกผันยุทธภพ - ตอนที่ บทนำ
บทนำ
ในยุทธภพอันกว้างใหญ่แห่งนี้มันกว้างขวางอย่างไร้จุดสิ้นสุด บางทีคนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจสำรวจได้ทั่วยุทธภพ
ใช่.. ที่นี่สถานที่อันกว้างขวางแทบจะหาจุดสิ้นสุดไม่นี้ถูกเรียกว่า ยุทธภพอนันตกาล.. ยุทธภพที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ
เพราะว่าดินแดนแห่งนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังวิญญาณ’ พลังวิญญาณคือพลังอันไร้รูปลักษณ์ไร้ลักษณะ
ไม่มีใครสามารถจำแนกได้ว่ามันมาจากไหน มันมีต้นกำเนิดมาจากอะไร.. แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับมันคือมันสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้
และนั่นก็คือความเป็นจริง
และสิ่งเหล่านี้ผู้คนมักจะเรียกมันว่า ‘ลมปราณ’
และแน่นอนว่าในดินแดนแห่งนี้มีสำนักฝึกตนอยู่มากมายนับไม่ถ้วย พวกเขาล้วนแย่งชิงเพื่อไต่เต้าขึ้นไปเป็นหนึ่งในใต้หล้า
ในอดีตกาลมีจอมยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ในเมื่อตัวเขาไม่สามารถเป็นจอมยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าได้
เช่นนั้นเขาจะสร้างสำนักขึ้นมา.. สำนักของเขาเอง สำนักที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหาร
และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่นักพรตรุ่งเรืองที่สุด พวกเขาต่างพากันสร้างสรรค์สำนักแบ่งการปกครองแตกต่างกันออกไป
ซึ่งเป้าหมายพวกเขานั่นย่อมแน่นอนว่าต้องการที่จะก้าวเข้าไปจุดสูงสุด.. ของยุทธภพ ผู้ที่ปกครองทุกสรรพสิ่ง
ดินแดนแห่งนี้มีสำนักมากมายเกินกว่าจะนับได้.. แต่ทว่ากลับมีการแบ่งแยกระดับสำนักอย่างชัดเจน
ซึ่งเหนือทุกผู้คนต่ำกว่าเพียงท้องฟ้ายังมีสำนักที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองที่สุด.. สำนักของมันเป็นสำนักที่ปกครองดินแดนนี้อย่างแท้จริง
ใช่มันเป็นสำนักของคนที่ไม่อาจครอบครองยุทธภพได้ตัวคนเดียวจึงสร้างสำนักของมันขึ้นมาเอง.. และใช่.. สำนักของมันในตอนี้คืออันดับหนึ่งในยุทธภพอย่างแท้จริง
และ…เมื่อเกิดการแย่งชิงอย่างรุนแรงปรารถนาที่จะขึ้นเป็นที่หนึ่งเช่นนี้มันต้องก่อให้เกิดสงครามยิ่งใหญ่ทั่วทุกมุมในทวีปต่างอาบไปด้วยทะเลเพลิง
และนั่นก็เป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัย…
โดยไม่มีใครทราบ ไม่มีใครรู้… พลังวิญญาณทั้งหมดทั่วดินแดนต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรก
ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ทุกสำนักบนยุทธภพ แม้แต่สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดเองก็ได้รับผลกระทบ
ตบะพวกเขาไม่อาจพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้ และ…ในตอนนั้นเองภายในสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีการก่อกบฏเกิดขึ้น
ส่งผลให้สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดแยกออกเป็นสี่สำนัก.. สี่สายการฝึก.. ทำให้ยุทธภพแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งสำหนักที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพอีกต่อไป
แต่เป็นสี่สำนัก..และด้วยการสูญสิ้นลมปราณทำให้ตบะพวกเขาไม่พัฒนาพวกมันจึงยุติการทำสงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพื่อลดการสูญเสียมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามในยุทธภพที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแบบนี้ก็ยังคงมีความขัดแย้งอยู่ดี
ซึ่งทางสำนักเบื้องบนจึงต้องระงับ..และทำสัญญาสงบศึกพร้อมกับปกครองสำนักเบื้องล่างให้อยู่ภายใต้กฎของพวกเขา..
และ..ในโลกที่ไม่มีการก้าวหน้าของตบะ สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงการฝึกปรือโดยใช้แร่วิญญาณที่สะสมอยู่ในดินแดเร้นลับต่างๆ
ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลเสียต่อทั้งตบะลมปราณและร่างกาย อย่างไรก็ตามนี่ก็มีเพียงวิธีเดียวที่พวกเขาทำได้..
และ..
ในสำนักแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนอนันตกาลนี้..
หากเทียบสำนักนี้กับสี่สำนักใหญ่ สำนักนี้คงไม่ต่างอะไรไปจากมดตัวหนึ่งเลยก็ตาม.. แต่หากพูดกันตามหลักของนักพรตทั่วไป
สำนักนี้คือสำนักที่แข็งแกร่งมากๆ แห่งหนึ่ง.. เป็นสำนักที่มีจอมยุทธ์มากมายหลายหมื่นหลายแสนคนเลยก็ว่าได้
สาเหตุที่สำนักนี้เป็นหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่ง..เพราะสำนักนี้ปกครองดินแดนเร้นลับขนาดใหญ่ที่สามารถหาแร่วิญญาณได้นั่นเอง
ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ.. สำนักนี้ยังสามารถเก่งขึ้นได้อีกนั่นเอง
รออีกสักร้อยสองร้อยปี บางทีพวกเขาอาจจะพัฒนาจากสำนักระดับล่างสุดของยุทธภพสู่ระดับที่เหนือกว่าก็เป็นได้
สำนักนี้มีชื่อสำนักว่า สำนักเพลิงมรกต
ศิษย์ภายในสำนักนี้แบ่งออกเป็นสีต่างๆ ..
โดยต่ำที่สุดหรือก็คือคนรับใช้ อนุญาตให้เพียงขุดแร่วิญญาณและเอานำมามอบส่งสำนักตามที่กำหนดหากไม่สามารถหามาได้ทันกำหนดก็จะถูกลงโทษ
ซึ่งคนรับใช้ในสำนักนี้มีมากที่สุด.. ซึ่งคนรับใช้จะถูกนับว่าเป็นศิษย์แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นพวกเขาจะถูกเรียกว่า ‘พวกสีเทา’
ใช่แล้ว ไม่มีใครยินดีเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นศิษย์สำนักนี้ด้วยซ้ำ
ต่อมา.. เมื่อฝึกจนถึงขั้นที่สามารถกักเก็บลมปราณไว้ในตัวได้แล้วจะถูกเรียกว่า ศิษย์ชุดเหลือง
ซึ่งก็ตามที่บอกเปรียบเหมือนศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักแล้วนั่นแหละเข้าถึงวิชาต่างๆ ของสำนักได้.. จำนวนของศิษย์ชุดเหลืองนั้นมีเยอะรองแค่จากพวกชุดเทา
ต่อมาคือศิษย์ชุดฟ้า.. เป็นเหมือนศิษย์ฝ่ายในของสำนักที่ได้รับความสำคัญจากพวกผู้อาวุโสประจำสำนัก
ซึ่งศิษย์ชุดฟ้านี้มีน้อยมากในสำนักนี้ บางทีอาจจะมีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้นเองจากคนหลายแสนคน..
และยังมีศิษย์โดยตรง.. ศิษย์โดยตรงไม่ได้ถูกแบ่งแยกโดยสีของอาภรณ์แล้ว เพราะศิษย์โดยตรงก็คือศิษย์ที่ถูกผู้อาวุโสของสำนักสนใจและเลือกให้มาฝึกวิชากันตัวต่อตัว!
ซึ่งแน่นอนว่าศิษย์โดยตรงนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ถึงแม้ผู้อาวุโสในสำนักจะมีเยอะมากหลายร้อยคนแต่คนที่ได้เป็นศิษย์โดยตรงกลับมีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ
เหตุผลนั้นง่ายดาย เพราะว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสทุกคนที่อยากจะมีลูกศิษย์..
และเหนือกว่าลูกศิษย์ทุกอย่างที่ว่า..คือศิษย์มรกต..
เป็นชื่อที่มอบให้แก่อัจฉริยะในสำนักที่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
นามที่เหมือนกับแบกรับชื่อของสำนักเอาไว้นั้นเพียงแค่พวกเขาปรากฏตัวแผ่บารมีก็สามารถทำให้ศิษย์ทุกสายก้มหัวคารวะดุจผู้อาวุโสของสำนัก!
อย่างว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนก็ยังไม่กล้าออกคำสั่งกับศิษย์มรกตนี้ด้วยซ้ำ..
และนี่คือระดับชั้นของสำนักเพลิงมรกตแห่งนี้!
หนึ่งในห้าสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านใต้ของเขตทุรกันดาร
…………..