จอมนางข้ามพิภพ - บทที่909 ทั้งชีวิตนี้ข้าชอบเพียงนางผู้เดียว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่909 ทั้งชีวิตนี้ข้าชอบเพียงนางผู้เดียว
กู้สวิ๋นอวี่สะดุ้งตกใจ ไม่พูดไม่จา โดยใช้ใบหน้าแสดงอาการออกมา “เจ้าเป็นใคร ทำไมข้าต้องไปกับเจ้าด้วย?”
องครักษ์ลับไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับนาง ก็กดจุดที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้ของนางโดยตรง และแบกนางไปที่ห้องทรงพระอักษรโดยตรง
“ฝ่าบาท นางก็คือคนที่วางยาพิษให้ฮองเฮาเหนียงเหนียง ข้าน้อยได้ยินกับหูตัวเองเลย!” องครักษ์ลับพูดตรงๆ
สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่เย็นชาลงทันที ความอาฆาตรอบกายแผ่ซ่านไปทั่ว และจ้องมองดูกู้สวิ๋นอวี่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธ
“ทำไม?”
กู้สวิ๋นอวี่ตกใจกลัวแทบตาย นางไม่เคยเห็นสายตาที่เย็นชาและเข้มงวดเช่นนี้ของเสด็จพี่มาก่อนเลย ไม่คุ้นเคยยิ่งนัก เหมือนกับว่าจะกลืนตัวเองลงไปทั้งเป็น
“พูดสิ!” เป่ยหมิงฉี่หมดความอดทนแล้ว
กู้สวิ๋นอวี่ตัวสั่นด้วยความตกใจ จากนั้นก็ร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจขึ้นมาทันที “เสด็จพี่ เจ้าดุข้า ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าไม่เคยดุข้าเลย!”
“ข้าไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระของเจ้า!” เป่ยหมิงฉี่คำรามด้วยความโกรธ
“เสด็จพี่ ข้าไม่ได้ทำ เขาเป็นคนใส่ร้ายข้า——-”
“พอได้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมพูดความจริง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าละกัน ปลดตำแหน่งองค์หญิงของกู้สวิ๋นอวี่ ลดระดับให้เป็นสามัญชน ส่งไปยังชายแดน ทั้งชีวิตก็ห้ามเข้าเมืองหลวง! ” เป่ยหมิงฉี่พูดอย่างเผด็จการ
กู้สวิ๋นอวี่ตกตะลึงไปหมด และมองดูคนตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ “เสด็จพี่ เจ้าจะปลดข้าหรือ ทำไม ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้?”
“เพราะเจ้าวางยาพิษให้เฟิงซี!”
ประโยคที่เย็นชา ทำให้กู้สวิ๋นอวี่ไม่สามารถหักล้างได้ แต่นางไม่เต็มใจ
“ไม่ใช่ข้า ข้าไม่เคยทำ!” กู้สวิ๋นอวี่ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ
เป่ยหมิงฉี่เดินเข้ามาอย่างเร็ว บีบคอของกู้สวิ๋นอวี่ และมองดูนางจากที่สูง สีหน้าที่เคร่งขรึมไร้ความอบอุ่นแม้แต่นิด
“เขาคือองครักษ์ลับของข้า ติดตามข้ามาตั้งแต่ตอนอายุห้าขวบ แถมยังเป็นองครักษ์ลับที่ข้าเชื่อใจที่สุดด้วย เขาบอกว่าได้ยินกับหูตัวเองก็ไม่ผิดแน่นอน”
เมื่อก่อนเจ้าจะก่อกวนไร้สาระอย่างไร ข้าก็สามารถทนได้ แต่มีเพียงแต่เรื่องที่เจ้าทำร้ายเฟิงซีนี้ ข้าไม่มีวันยอม นางเป็นฮองเฮาของข้า ใครก็ห้ามทำร้ายนาง! ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นคนรนหาที่ตายเอง! ”
ทุกคำเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและไร้ความปรานี
กู้สวิ๋นอวี่หายใจลำบาก เมื่อสบกับดวงตาสีแดงของเสด็จพี่ในระยะใกล้เช่นนี้ ทำเอานางตกใจกลัวจนตัวสั่นทันที
“เสด็จพี่ เจ็บยิ่งนัก เจ้าปล่อยข้า?” กู้สวิ๋นอวี่ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง อยากจะเอามือของเป่ยหมิงฉี่ออก แต่มือของเขามีแรงเยอะมาก เอาไม่ออกเลย
กู้สวิ๋นอวี่รู้สึกเพียงว่าตัวเองกำลังจะหายใจไม่ออกแล้ว แต่เป่ยหมิงฉี่ตรงหน้ากลับไม่มีความเห็นอกเห็นใจหรือสงสารแม้แต่น้อย
เขาที่เย็นชาเช่นนี้ ทำให้กู้สวิ๋นอวี่กลัว ยิ่งโกรธแค้นและคับข้องใจ
“เหตุใดในสายตาของเสด็จพี่มีแต่รั่วเฟิงซี นางมีอะไรดี ข้าเทียบกับนางไม่ได้ตรงไหน?” กู้สวิ๋นอวี่ถามอย่างไม่เต็มใจ
“เพียงเพราะนางคือเฟิงซี ทั้งชีวิตนี้ข้าชอบเพียงนางผู้เดียว และรักเพียงนางผู้เดียว ฮองเฮาของข้าก็ต้องเป็นเพียงนางเท่านั้น! ส่วนเจ้า ก็เป็นได้แค่น้องสาวข้าเท่านั้น!” เป่ยหมิงฉี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม สะบัดกู้สวิ๋นอวี่ทิ้งอย่างรังเกียจ
กู้สวิ๋นอวี่ล้มลงกับพื้น ฝ่ามือไปเสียดสีกับพื้นพอดี ความเจ็บปวดนั้นทำเอานางสีหน้าซีดลงทันที และขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เมื่อครู่นางนึกว่าตัวเองจะถูกเสด็จพี่บีบคอตายไปจริง และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะรั่วเฟิงซี
กู้สวิ๋นอวี่เหมือนได้ยินเสียงใจสลายของตัวเอง นางไม่เต็มใจที่ตัวเองจะต้องพ่ายแพ้เช่นนี้
“น้องสาว ที่แท้ในใจของเสด็จพี่ข้าเป็นเพียงน้องสาว ต่อให้เจ้าชอบรั่วเฟิงซีและจะทำไม ตอนนี้นางได้ตายไปแล้ว
ข้าไม่ได้เสด็จพี่ แต่ข้าก็จะไม่มีวันทำให้รั่วเฟิงซีได้สมหวังอย่างแน่นอน ต่อให้ตายก็ไม่ ถูกต้อง ข้าเป็นคนวางยาพิษให้รั่วเฟิงซีเอง
นางไม่คู่ควรที่จะเป็นฮองเฮา ไม่คู่ควรได้รับความเคารพจากใต้หล้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้นางแย่งเสด็จพี่ไป! ” กู้สวิ๋นอวี่ปล่อยให้เรื่องมันแย่ลงกว่าเดิมไป โดยไม่คิดที่จะแก้ไข
เป่ยหมิงฉี่โกรธมาก ชักดาบที่อยู่ข้างๆ และฟันมา
แสงดาบเย็นส่องวาบมา กู้สวิ๋นอวี่กรีดร้องด้วยความตกใจ รู้สึกแก้มเย็นและเจ็บมาก นางยื่นมือออกไปสัมผัสโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเลือดสีแดงสดที่ได้รับบาดเจ็บ คนทั้งคนก็ตกใจกลัวจนอึ้งเลย
“อา หน้าข้า หน้าข้าพังหมดแล้ว เสด็จพี่เจ้าพังหน้าข้า!” กู้สวิ๋นอวี่ตะโกนด้วยความโกรธ กุมใบหน้าที่เปื้อนเลือดด้วยความเจ็บปวด
สิ่งที่ผู้หญิงรักมากที่สุดคือโฉมหน้าของตัวเอง ต่อให้ตายก็ไม่ยอมเสียโฉม แต่เสด็จพี่กลับทำกับตัวเองเช่นนี้
กู้สวิ๋นอวี่ในขณะนี้รู้สึกอายมาก และผิดหวังมาก นางเกลียดเป่ยหมิงฉี่ เขากลับทำให้ตนเองเสียโฉมเพื่อรั่วเฟิงซี
“ในเมื่อเสด็จพี่ไรน้ำใจ ก็อย่าหาว่าข้าไร้คุณธรรม!” กู้สวิ๋นอวี่พูดพร้อมกับคว้าดาบสั้นในแขนเสื้อออกมาและแทงไปที่เป่ยหมิงฉี่
สิ่งที่นางไม่ได้ ต่อให้ทำลาย ก็ไม่มีวันอ่อนมือ
เพียงแต่ว่าดาบสั้นของนางยังไม่ทันแตะโดนเป่ยหมิงฉี่ ก็ถูกเป่ยหมิงฉี่ขับข้อมือเอาไว้ และชิงดาบสั้นในมือนางมา และฆ่าปาดคอ
เลือดกระเซ็นไปทั่วพื้น กู้สวิ๋นอวี่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็เสียชีวิตในทันที
“เด็กๆ นำศพของนางไปทิ้งไว้ที่หลุมศพอนาถา!” เป่ยหมิงฉี่ทำเสียงเชอะด้วยความโกรธ
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“กำจัดกู้สวิ๋นอวี่ทิ้ง คนต่อไปก็คือหยู่อ๋อง ไปเถอะ ไปที่ห้องโถงใหญ่!” เป่ยหมิงฉี่ยกเท้าและเดินออกไป
ภายในห้องโถงใหญ่
หยู่อ๋องมองดูฝูงชนที่วุ่นวาย และส่งสายตาให้ขุนนางภายในกี่คนนั้น
ขุนนางไม่กี่คนนั้นได้รับคำสั่ง ก็รีบพูดว่า “ข้าว่าเรื่องที่ฮองเฮาถูกพิษนั้นก็คือคำเตือนของสวรรค์ ฝ่าบาททรงแต่งงานกับฮองเฮาที่เป็นมีลางร้าย คงต้องนำพาหายนะมาสู่แคว้นเป่ยลี่อย่างแน่นอน”
“นั่นนะสิ ฝ่าบาทยังเด็กเกินไปที่จะดูแลทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ ข้าว่าหยู่อ๋องยังเหมาะสมกว่าเยอะเลย”
“ข้าเห็นด้วยกับหยู่อ๋อง หยู่อ๋องเคยปกครองแคว้นเป่ยลี่ร่วมกับฝ่าบาทผู้ล่วงลับไปแล้ว หากจะเทียบความสามารถและฝีมือนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าฝ่าบาทองค์ก่อน”
“หรือว่าทุกท่านจะทนดูฝ่าบาททรงทำให้แคว้นเป่ยลี่ล่มจนไปงั้นหรือ ก่อนหน้านี้ที่แคว้นต้าเยียนมาโจรตีแคว้นเป่ยลี่ก็เป็นเพราะฝ่าบาททรงหาเรื่องใส่ตัว”
“ลูกสาวของรั่วเฉิงเซี่ยงถูกจวินซื่อจื่อตัดลิ้น ในฐานะฝ่าบาทแห่งแคว้นเป่ยลี่ไม่เพียงแต่ไม่สถิตยุติธรรมให้กับราษฎรของตัวเอง แต่กลับต้อนรับจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยเข้ามาในวังแล้วให้พวกเขาอยู่อย่างกินดีดื่มดี ซึ่งทำให้แคว้นเป่ยลี่เสียหน้ายิ่งนัก!”
เหล่าขุนนางรีบขัดคอขึ้นมาทันที ต่างก็กล่าวหากับการกระทำของเป่ยหมิงฉี่ ขุนนางต่างๆได้ยินต่างก็เริ่มหวั่นไหว
เพราะ หลังจากที่เป่ยหมิงฉี่ขึ้นครองบัลลังก์ การปฏิรูปที่เฉียบขาดนั้นได้ทำลายผลประโยชน์ของข้าราชการจำนวนมากจริง และทุกคนต่างก็กล้าโมโหแต่ไม่กล้าพูด
“ข้าเห็นด้วยกับที่หยู่อ๋องมาแทนที่ฝ่าบาท!” จู่ๆ ขุนนางคนหนึ่งก็พูดขึ้น
คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ และมีคนไม่น้อยนักที่พูดคล้อยตาม
หยู่อ๋องฟังเสียงของทุกคน ก็รู้สึกพอใจมาก “ทุกคนเงียบก่อน ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะมาแทนที่ฝ่าบาทเลย เพียงแต่ว่าข้าติดตามฝ่าบาทองค์ก่อนมาเป็นเวลาหลายปี และเข้าใจการปกครองของแคว้นเป่ยลี่มากกว่า หากแคว้นเป่ยลี่มีความต้องการอะไรก็ตาม ข้าก็จะทำภารกิจอันพึงปฏิบัติโดยไม่สามารถบอกปัดได้อย่างแน่นอน ทุกคนต่างก็เป็นข้าราชการที่ติดตามฝ่าบาทองค์ก่อนมานาน ข้าเองก็ย่อมต้องปฏิบัติเป็นอย่างดีอยู่แล้ว!”
คำพูดนี้ทำเอาเหล่าข้าราชการเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดจิตสุดใจ พึงพอใจเป็นอย่างมาก ต่างก็เข้าข้างหยู่อ๋อง
“ในเมื่อเช่นนี้ พวกข้าก็ไปหาฝ่าบาทพร้อมกัน ให้เขาสละราชสมบัติให้หยู่อ๋อง!” ขุนนางคนหนึ่งเสนอ
“ไม่ต้องหาแล้ว ข้ามาแล้ว!” เสียงที่เผด็จการและเย็นชาดังมาจากนอกห้องโถง เป่ยหมิงฉี่เดินเข้ามาอย่างเร็ว