จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 888 ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 888 ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ
โชคดีที่หงหลิงระวังตัว แสร้งทำทีกลับห้องไปพักผ่อน จากนั้นอาศัยตอนจวนตระกูลหยุนอลหม่านวุ่นวาย แล้วหลบหลีกคนรับใช้ของจวนตระกูลหยุนมายังด้านนอกห้องซูชิงโยว
ไม่คิดว่าซูชิงโยวจะชั่วร้ายอำมหิตเพียงนี้ หากมิใช่ได้ยินเองกับหู หงหลิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ซูชิงโยวและหยุนซูจะวางแผนเรื่องตนเช่นนี้
การที่นางติดตามเจ้าห้า เพราะเห็นแก่ฐานะของเขา คิดว่าถ้าได้แต่งเข้าตระกูลหยุนคงจะสามารถเชิดหน้ายืดอก เป็นเกียรติให้ตระกูล และเหยียบย่ำเก๋อฉีและเก๋อฮูหยินลงใต้ฝ่าเท้าได้
แต่บัดนี้หยุนห้าจะต้องถูกเนรเทศไปชายแดน ต่อให้ตีนางให้ตายก็ไม่ยอมไปชายแดนกับเขาแน่ แบบนั้นมิโดนเก๋อฉีและเก๋อฮูหยินหัวเราะเยาะจนตายรึ
พอได้ยินเสียงฝีเท้าในห้อง หงหลิงหมุนตัววิ่งจากไปทันที และวิ่งไปหลบอยู่มุมห้อง พอเห็นหยุนซูรีบร้อนออกมา นางยิ่งแน่ใจในสิ่งที่ได้ยินทั้งคู่พูดกัน
หงหลิงที่กลับถึงห้องตนเอง นอกจากเคียดแค้นแล้วยังสงสัยด้วย มันรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เจ้าห้าเป็นหนอนหนังสือที่มืออ่อนปวกเปียกคนหนึ่ง ทำไมจู่ๆถึงก่อกบฏได้ล่ะ? แถมจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยไปแคว้นเป่ยลี่นานขนาดนี้ เหตุใดพวกเขาเร่งกลับมาในวันที่สองหลังจากคุณชายห้าเกิดเรื่องได้ล่ะ—–
พอคิดโดยละเอียดแล้วก็หวาดกลัวนัก หงหลิงมักรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น พอคิดถึงตรงนี้ หงหลิงดึงใบไม้แผ่นหนึ่งออกจากแขนเสื้อ อ้าปากกินลงไปทันที
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือปลอม นางก็จะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
ตกดึก หยุนซูก็มาหาหงหลิง “หงหลิง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงพี่ชายห้า ข้าได้ไปติดต่อผู้คุมไว้แล้ว กลางคืนจะพาเจ้าไปเยี่ยมเยียนเขาที่คุกหลวง”
หงหลิงสีหน้ายินดี “จริงรึ ข้าจะได้เจอคุณชายห้าแล้วจริงรึ ดียิ่งนัก ขอบคุณคุณหนูสามมาก”
“เจ้าเตรียมตัวเถิด ข้าเอาชุดกระโปรงใหม่มาให้เจ้า เจ้าใส่แล้วต้องสวยมากแน่ พี่ชายห้าเห็นเจ้าก็ต้องดีใจแน่” หยุนซูยื่นชุดในมือให้
“ไม่ได้ดอก เสื้อชุดนี้ฮูหยินเฒ่าฟู่ให้ข้ามา ถือว่าดีมากแล้ว ดีกว่าชุดที่ข้าเคยใส่เมื่อก่อนมากนัก” หงหลิงปฏิเสธ
หยุนซูได้ยินนางพูดอย่างนี้ ก็รู้สึกเห็นใจนาง ชีวิตของหงหลิงนางเองก็เคยได้ยินมาบ้าง
วินาทีนี้หยุนซูเริ่มรู้สึกสงสารละ แต่ในเมื่อพี่หญิงใหญ่พูดอย่างนี้ ต้องไม่มีทางผิดแน่ หากคืนนี้หงหลิงผ่านการทดสอบจริงๆ หยุนซูสาบานในใจว่าต่อไปจะต้องดีกับนางให้มาก
“เกรงใจอะไรข้ากันล่ะ เจ้าเป็นคนที่พี่ชายห้ารักมั่น เขาเคยบอกข้าว่า ชาตินี้จะแต่งงานกับเจ้าเท่านั้น หลายวันก่อนเขาเตรียมเรื่องต่างๆของการแต่งงาน หากมิใช่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ไม่แน่ตอนนี้เจ้าคงเป็นคนของตระกูลหยุนไปแล้ว” หยุนซูปลอบ
หงหลิงกลับคิดในใจไปว่า โชคดีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก่อน ไม่อย่างนั้นหากตนแต่งเข้ามาแล้วเกิดเรื่องขึ้น มิโดนหางเลขไปด้วยรึ
แต่ใบหน้านางกลับเต็มไปด้วยแววซาบซึ้งและตื้นตันใจ “ขอบคุณคุณหนูสาม เช่นนั้นข้าจะรับไว้ ข้าเองก็อยากให้คุณชายห้าเห็นข้าใส่ชุดสวยงามหน่อย
“ได้ ข้ารอเจ้านะ” หยุนซูพูดจบก็เดินออกไป
พอมองตามแผ่นหลังนาง ดวงตางามของหงหลิงฉายแววเหี้ยมเกรียม
ไม่นาน หงหลิงก็เปลี่ยนชุดเดินออกมา หยุนซูมองแล้วพอใจมาก ทั้งสองไปพูดกับซูชิงโยว จากนั้นก็ขึ้นรถม้ามุ่งตรงไปพระราชวังทันที
พองครักษ์หน้าประตูวังเห็นหยุนซู ก็นอบน้อมมาก รีบให้พวกนางเข้าไปทันที
ระหว่างทาง ผ่านตำหนักข้าง หงหลิงได้เห็นเงาคนหลายคนยืนอยู่หน้าประตูตำหนักข้าง
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว เรื่องที่เจ้าห้าทำเป็นโทษหนักอย่างก่อกบฏ ต่อให้จวินหย่วนโยวและหยุนถิงพวกเจ้าสองคนขอร้องก็ไม่มีประโยชน์!” ฮ่องเต้ตะคอกดังอย่างเดือดดาล
“ฝ่าบาท พี่ชายห้าไม่มีทางก่อกบฏแน่ อาศัยแค่จดหมายไม่กี่ฉบับและบทกลอนก็บอกว่าเขามีโทษ ข้าไม่ยอมรับ!” น้ำเสียงหยุนถิงเองก็ไม่ดี เดือดดาลยิ่งนัก
“อย่าคิดว่าเจ้าเป็นซื่อจื่อเฟย จะสามารถมาพูดกับข้าเช่นนี้ได้ เอาแค่ที่เจ้าไม่เห็นข้าในสายตา ข้าก็ลงโทษเจ้าได้แล้ว!” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น
“ฝ่าบาทจะลงโทษข้า ข้าก็ไม่ยอมรับอยู่ดี นอกเสียจากว่าฝ่าบาทจะหาหลักฐานใหม่ได้”
“ฝ่าบาท กระหม่อมก็ไม่ยอมรับ!” จวินหย่วนโยวบอก
หยุนซูและหงหลิงที่ห่างไปไม่ไกลอึ้งบื้อไปเลย “นั่นพี่หญิงใหญ่และพี่เขยซื่อจื่อมิใช่รึ ทำไมพวกเขาทะเลาะกับฝ่าบาทได้ล่ะ?”
หยุนซูพูดพลางจะขึ้นหน้า แต่กลับโดนองครักษ์สกัดไว้ “คุณหนูสามอย่าเข้าไป พวกท่านเข้าวังมากลางดึกอย่างนี้ แถมยังจะไปเยี่ยมที่คุกหลวง หากให้ฝ่าบาทรู้เข้า ถือเป็นโทษประหารได้เลยนะ พวกท่านอย่าให้ร้ายข้าสิ”
หยุนซูเข้าใจทันที “พี่ชายพูดถูกแล้ว ข้าเลินเล่อเอง พวกเราไม่เข้าไป ยืนดูอยู่อย่างนี้แล้วกัน”
หงหลิงตกใจจนไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยกลับมาแล้วจริงๆ และยังเถียงฝ่าบาทอีก ดูท่าคุณชายห้าจะก่อกบฏจริงเสียแล้ว
ห่างไปไม่ไกล ลูกน้องของซวนอ๋องคุมตัวคนชุดดำสิบกว่าคนเข้ามา “ฝ่าบาท นี่คือคนก่อกบฏที่จับตัวได้คืนนี้ กระหม่อมสืบสวนโดยละเอียดแล้ว พวกเขาร่วมมือกับคุณชายห้าจริงๆ”
“เหตุใดเจ้าห้าต้องก่อกบฏ ตอบมาตามความจริงซะ?” ฮ่องเต้ตะคอกดังถาม
คนชุดดำคนหนึ่งรีบตอบทันที “ทูลฝ่าบาท คุณชายห้าบอกว่าเขาไม่ได้รับความสนใจในจวนตระกูลหยุนแต่เล็ก ข้างบนมีแม่ทัพใหญ่หยุน และยังมีซื่อจื่อเฟยกดไว้ ด้านล่างมีลูกหลงอย่างหยุนเสี่ยวลิ่ว เขาไม่ได้รับความสำคัญมาตลอด หยุนเฉิงเซี่ยงเองก็ไม่ชอบหน้าเขา ดังนั้นเลยเข้าร่วมกับเราเพราะความโกรธ
“ในเมื่อสืบรู้ชัดเจนแล้ว ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว ข้าไม่มีวันยอมให้ผู้ใดก่อกบฏเด็ดขาด!” น้ำเสียงเย็นเยียบของฮ่องเต้ทรงอำนาจนัก
พอซวนอ๋องเงยหน้า องครักษ์เหล่านั้นก็ชักกระบี่ออกมาฆ่าคนพวกนั้นทันที
เลือดสดเต็มพื้นภายใต้แสงจันทร์ยิ่งดูสยดสยอง น่ากลัว
หงหลิงตกใจจนเกือบอุทานออกมา หยุนซูปิดปากนางไว้ได้ทัน “อย่าได้ร้องออกมาเด็ดขาดนะ ไม่งั้นหากพวกเราโดนพบเข้าต้องโดนฆ่าปิดปากแน่ รีบไปเถอะ”
หงหลิงสีหน้าซีดเผือด รีบพยักหน้ารัวๆ ก่อนไปยังหันกลับมามองไปไม่ไกลนัก เห็นหยุนถิงสลบลงไปเลย จวินหย่วนโยวอุ้มนางและร้องเรียกชื่อนาง—
หงหลิงไหนเลยจะกล้าอยู่ต่อ รีบตามหยุนซูออกไปทันที
ซวนอ๋องที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเห็นหงหลิงกับหยุนซูเดินไปไกลแล้วถึงเอ่ยขึ้น “คืนนี้ลำบากฝ่าบาทแล้ว”
หยุนถิงที่เดิมลุกขึ้นยืนตัวตรง สบตากับจวินหย่วนโยว และดึงหน้ากากหนังมนุษย์บนหน้าลงมา พวกเขาล้วนเป็นองครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อ ก่อนหน้านี้เคยปลอมเป็นจวินหย่วนโยวและหยุนถิงมาก่อน ดังนั้นคืนนี้เลยรับหน้าที่อีกครั้ง
ส่วนคนก่อกบฏที่แกล้งตายเหล่านั้นก็ลุกขึ้นจากพื้น มายืนด้านหลังซวนอ๋อง พวกเขาคือองครักษ์ปลอมตัวมานั่นเอง
“ให้ข้ามาร่วมแสดงละครกับเจ้ากลางดึก ข้าเองก็เห็นแก่หน้าซวนอ๋อง หากมิใช่หยุนถิงไหว้วาน ข้าไม่มีทางทำเรื่องน่าขันเช่นนี้แน่!” ฮ่องเต้บ่น
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” โม่เหลิ่งเหยียนคารวะ
“ด้วยฝีมือของหยุนถิง จะต่อกรกับบุตรีภรรยารองตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องใช้วิธีเช่นนี้ด้วยรึ?” ฮ่องเต้ไม่เข้าใจ
“หยุนถิงบอก ฆ่านางนั้นง่ายเกินไป แต่แบบนี้จะทำร้ายจิตใจเจ้าห้า หากให้นางหายไปอย่างไร้ข่าวคราว เจ้าห้าต้องลืมนางไม่ลงตลอดชีวิต
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ก็คือให้เจ้าห้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหงหลิง แบบนี้เขาถึงจะปล่อยวางได้อย่างแท้จริง และไม่เหลือความกังขาใด” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบาย
“หยุนถิงผู้นี้เอาใจใส่กับครอบครัวนัก นี่ก็เป็นจุดที่ข้าชื่นชมนางเช่นกัน!” ฮ่องเต้กำชับ
อีกด้านหนึ่งหงหลิงยังไม่ทันหายจากอาการตกใจ ก็เดินตามหยุนซูและองครักษ์ไปคุกหลวง
เดิมนางอยากเข้าไปกระตุ้นพิษในกาย แต่ภาพเมื่อครู่ทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปแล้ว หงหลิงไม่กล้าคิดอะไรมาก มือที่ซ่อนในแขนเสื้ออาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจกดจุดบางจุดในตัว
“พรืด!” หงหลิงสีหน้าทุกข์ทรมานยิ่งนัก กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ยังไม่รอหยุนซูถาม นางก็เป็นลมสลบไปเลย