จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 848 ท่านพ่อนิสัยไม่ดี ตีท่านแม่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 848 ท่านพ่อนิสัยไม่ดี ตีท่านแม่
“เจ้าตัวดีถิงเอ๋อร์ กล้าล้อเลียนข้าหรือ” จวินหย่วนโยวพลิกตัวกลับมากดหยุนถิงเอาไว้อย่างเผด็จการ ก้มหน้าลงไปจูบนาง
ราวกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ อ่อนโยนและแข็งกร้าว ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
เดิมทีหยุนถิงก็ดื่มมากไปอยู่แล้ว คนทั้งคนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ไหนเลยจะสามารถต้านทานได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เขาตักตวงตามอำเภอใจ
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวนอนหลับ ก็คือสามวัน ระหว่างนั้นการกินอาหารก็ยังให้คนส่งเข้ามา จนกระทั่งวันที่สี่ทั้งสองคนถึงได้ออกมาจากในเรือน
ทันทีที่จวินเสี่ยวเทียนเห็นพวกเขาออกมา ก็วิ่งเหยาะๆเข้าไปใช้หมัดเล็กๆทุบตีจวินหย่วนโยว “ท่านพ่อนิสัยไม่ดี ตีท่านแม่!”
จวินหย่วนโยวชะงักงัน “ข้าไปตีแม่เจ้าเมื่อไหร่กัน?”
“ท่านพ่อตีท่านแม่ ท่านแม่ร้องไห้ ฮือๆ!” ใบหน้าเล็กของจวินเสี่ยวเหยียนเคร่งขรึม กล่าวด้วยความโกรธ
ทีนี้หยุนถิงก็งุนงงไปเช่นกัน มองไปทางซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างโดยสัญชาตญาณ
ใบหน้าของเยว่เอ๋อร์แดงก่ำ ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี กลับเป็นซูหลินที่สงบเยือกเย็นกว่าเล็กน้อย “หวางเฟย ความจริงที่พวกเด็กๆพูดคือท่านกับซื่อจื่อทำอย่างว่า เด็กๆคิดถึงพวกท่าน อยากจะไปหาท่านพ่อท่านแม่ แต่แล้วไปสามครั้งก็ได้ยินเสียงหงิงๆของซื่อจื่อเฟย ดังนั้นถึงได้เข้าใจผิดไป”
หยุนถิงหน้าแดงราวกับกุ้งที่ต้มสุกในทันที จ้องมองจวินหย่วนโยวด้วยความโกรธ “เป็นเพราะท่านคนเดียว ลูกๆเข้าใจผิดหมดแล้ว”
ใบหน้าของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความสุข รีบอธิบายให้ลูกๆทั้งสองทันที “พ่อไม่ได้รังแกท่านแม่ของพวกเจ้า นั่นคือรักนาง ใช่แล้ว พ่อกลับมาครั้งนี้นำของกระจุกกระจิกมากมายมาให้พวกเจ้าด้วย จะไปดูหน่อยไหม?”
ทันทีที่ได้ยินว่ามีของดี เด็กสองคนก็ไม่ถือสาในทันที รีบตามท่านพ่อไปเอาของขวัญทันที
หยุนถิงมองอย่างหมดคำพูด เด็กๆพูดหน้าลืมหลังจริงๆด้วย ต้องโทษที่จวินหย่วนโยวทรมานตัวเองไปสามวัน ทำให้เด็กๆเข้าใจผิดไปหมดแล้ว
บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งพาสาวใช้เดินเข้ามา “ซื่อจื่อเฟย สาวใช้ของฮองเฮาเหนียงเหนียงต้องการพบท่าน!”
สาวใช้คำนับทันที “คำนับซื่อจื่อเฟย ฮองเฮาเหนียงเหนียงให้บ่าวมาเชิญซื่อจื่อเฟยเข้าวัง”
หยุนถิงมองดู นี่คือสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของเหมยเฟย แต่งตัวหรูหรากว่าเมื่อก่อนไม่น้อย บุคลิกท่าทางก็สุขุมขึ้นมาเล็กน้อย
เหมยเฟยในอดีตถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว สาวใช้คนนี้คือคนสนิทของเหมยเฟย ย่อมกลายเป็นสาวใช้ระดับหนึ่งของตำหนักฮองเฮาอยู่แล้ว
“ตกลง รอข้ากลับไปเปลี่ยนชุดก่อน” หยุนถิงกลับไปล้างหน้าล้างตา ก็ติดตามสาวใช้คนนั้นเข้าวังไป
ตำหนักบรรทมฮองเฮา
หยุนถิงกำลังจะคำนับ ก็ถูกฮองเฮาคว้าตัวเอาไว้ “ระหว่างเจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองเพื่อเอาหน้าพวกนี้ ข้าสามารถมีวันนี้ ล้วนเป็นเพราะความช่วยเหลือของเจ้าทั้งนั้น
หลายวันก่อนข้าได้ยินฝ่าบาทตรัสว่าเจ้ากับจวินซื่อจื่อและคนอื่นๆกลับมาแล้ว ความกังวลใจที่มีอยู่ในที่สุดก็คลายลง
ฝ่าบาทยังตรัสอีกว่าไปเสวยอาหารที่จวนซื่อจื่อ ข้าคิดว่าพวกเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยต้องเหนื่อยอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงรอไปหลายวันถึงได้ให้คนไปเรียกเจ้ามา
ไปที่เขตทะเลไร้ขอบครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือพบเจออันตรายอะไรไหม เจ้าก็เหลือเกินจริงๆ ต่อไปห้ามเสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกนะ?”
มองดูเหมยเฟยในอดีต ฮองเฮาในตอนนี้ สวมชุดพระราชวังสง่างามหรูหรา ทรงผมก็ยิ่งสูงเด่นน่าเกรงขาม รอยยิ้มบนใบหน้ากลับเหมือนกับในอดีต ทำให้คนรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิด
“ข้าสบายดีทุกอย่าง ทำให้เหนียงเหนียงเป็นกังวลแล้ว” หยุนถิงตอบ
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี ที่ข้าให้คนไปเรียกเจ้ามาในครั้งนี้ เพราะมีข่าวดีจะบอกเจ้า ข้าตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้อายุครรภ์สามเดือนแล้ว” ฮองเฮาเอ่ยปากกล่าวขึ้นมา
หยุนถิงมองไปทางท้องของนางโดยสัญชาตญาณ “ยินดีด้วยเหนียงเหนียง ในที่สุดก็สมความปรารถนาแล้ว!”
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้า เป็นเพราะวิธีตั้งครรภ์ที่เจ้าให้ข้า เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า!” ฮองเฮาซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
ขณะที่นางกำลังพูดอยู่ จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว หน้าอกอัดอึดทรมาน นางยื่นมือไปกุมหน้าอกเอาไว้โดยสัญชาตญาณ ขย้อนไปหลายครั้งก็ไม่สามารถอาเจียนออกมาได้
สาวใช้ยกถ้วยชาเข้ามาทันที “เหนียงเหนียงดื่มน้ำหน่อยเถิด”
ฮองเฮารับมาดื่มไปสองคำ จากนั้นก็วางถ้วยชาลง “ให้เจ้าหัวเราะเยาะแล้ว นับตั้งแต่ตั้งครรภ์ ก็มีอาการแพ้ท้องอย่างหนักมาตลอด ตอนนั้นเจ้าก็ผ่านมาเช่นนี้หรือ?”
“ตอนนั้นข้าก็อาเจียนหนักเหมือนกัน กินอะไรนิดหน่อยก็อาเจียน ตอนที่แย่ที่สุดดื่มน้ำก็อาเจียน ผ่านสองเดือนนั่นไปก็ดีขึ้นแล้ว” หยุนถิงตอบ
สาวใช้ยื่นจานบ๊วยมาให้ทันที “เหนียงเหนียงท่านกินบ๊วยหน่อยเถอะ บ๊วยมีรสเปรี้ยว ช่วยบรรเทาอาการได้”
ฮองเฮารับมา หยุนถิงชำเลืองไปเห็นมือของนังหนูคนนั้นเข้าพอดี ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ช่วงนี้ข้าชอบกินบ๊วยจริงๆ ต้องกินทุกวัน” ฮองเฮาเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นข้าจับชีพจรให้เหนียงเหนียงแล้วกัน”
ฮองเฮายื่นมือเข้ามาทันที หยุนถิงจับชีพจรให้นาง
“ซื่อจื่อเฟย หมอหลวงหลิวจากโรงหมอหลวงมาจับชีพจรให้กับฮองเฮาทุกวัน สุขภาพของเหนียงเหนียงเพียงแค่อ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้น อย่างอื่นปกติดี” สาวใช้รีบพูดทันที
“อืม” หยุนถิงจับชีพจรต่อไป เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยครู่หนึ่ง
“หยุนถิง ข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เป็นอย่างที่นางพูดจริงๆ สุขภาพของเหนียงเหนียงเพียงแค่อ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้น พักผ่อนให้มากๆ วันไหนอากาศดีก็ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ลานเป็นครั้งคราว เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ในเวลาปกติต้องกินให้มากๆ กินพวกผักและผลไม้มากๆ ส่วนพวกเนื้อสัตว์สองสามวันกินครั้งหนึ่งก็พอ โดยเฉพาะยาบำรุงของหมอหลวงหลิวพวกนั้นไม่ต้องกินแล้ว ขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีพิษสามส่วน” หยุนถิงกล่าว
“ตกลง ข้าจำเอาหมดแล้ว”
หยุนถิงพูดคุยกับฮองเฮาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจากไปนางทิ้งยาโอสถที่มีคุณค่าทางโภชนาการสองสามชนิดเอาไว้ให้นาง ถึงได้จากไป
ระหว่างทางที่หยุนถิงออกจากพระราชวัง ผ่านลานแห่งหนึ่ง ลานนั่นไม่มีขันทีคอยเฝ้ารักษาการณ์แล้ว ในลานทรุดโทรมรกร้าง ใบไม้แห้งกระจัดกระจายอยู่เต็มลาน ดูอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว
ที่นี่คือลานที่ชางหลันเย่อาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เขาจากไป ที่นี่ก็ไม่มีคนอาศัยอยู่อีก
เห็นลานนี้ในเวลานี้ จู่ๆหยุนถิงก็นึกถึงวันเวลาที่ชางหลันเย่ถูกขันทีน้อยรังแกและทำให้อับอายในตอนนั้น
ถูกส่งมาเป็นตัวประกันตั้งแต่เด็ก มีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น กลับไปที่แคว้นชางเยว่ก็ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ พี่น้องฆ่าฟันกันเอง ตอนนี้เขาประกาศตนเป็นฮ่องเต้ อยู่เหนือมวลชน ก็ถือว่าต้นร้ายปลายดี
“จากตัวประกันแห่งแคว้นจนถึงฮ่องเต้แคว้นชางเยว่ในตอนนี้ เขาก็ไม่ถือว่าเสียชาติเกิดแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยดังมา
หยุนถิงหันไปมอง ก็เห็นโม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้ามาพอดี “ซวนอ๋อง ท่านมาได้อย่างไร?”
“ข้ามารายงานฝ่าบาทเรื่องเขตทะเลไร้ขอบ เจ้าเข้าวังมาทำไม?” โม่เหลิ่งเหยียนมองมา
“ฮองเฮาเรียกพบข้า ดังนั้นก็เลยมา” หยุนถิงตอบ
“ตอนนี้ฮองเฮาตั้งครรภ์แล้ว หลังจากนี้น่าจะเรียกพบเจ้าบ่อยๆ”
“ในที่สุดฮองเฮาก็สมความปรารถนาแล้ว แต่ว่าวันนี้ข้าจับชีพจรให้นาง พบว่าชีพจรของฮองเฮาอ่อนแอเกินไป ตามหลักแล้ว นางก็เป็นคนที่ฝึกวรยุทธถึงแม้จะตั้งครรภ์ก็ไม่น่าจะอ่อนแอเช่นนี้ รบกวนซวนอ๋องส่งคนไปจับตาดูสาวใช้ที่อยู่ข้างกายฮองเฮาคนนั้นหน่อย” หยุนถิงเอ่ยปาก
นางจำได้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนนี้นังหนูคนนั้นขอร้องให้ตัวเองช่วยหรูเฟย ง่ามระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ของนางมีแผลเป็นเล็กๆหนึ่งแผล ถึงแม้จะเบาบางมาก แต่หยุนถิงก็ยังสังเกตเห็น แต่วันนี้บนมือของสาวใช้คนนี้ นางกลับมองไม่เห็น
คิ้วอันหล่อเหลาของโม่เหลิ่งเหยียนขมวดขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าสงสัย?”
“ไม่แน่ใจ หวังว่าข้าจะคิดมากไป” หยุนถิงทอดถอนใจ
“วางใจ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง รีบกลับไปเถอะ เด็กสองคนไม่ได้พบเจ้ามานานขนาดนี้ ต้องคิดถึงเจ้าแน่นอน
“ตกลง ลำบากซวนอ๋องแล้ว” หยุนถิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“กับข้าจะเกรงใจทำไม”
โม่เหลิ่งเหยียนมองดูแผ่นหลังที่จากไปของหยุนถิง ระหว่างคิ้วและตามีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังพระตำหนัก