จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 847 ถิงเอ๋อร์ เราคลอดอีกคนดีไหม
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 847 ถิงเอ๋อร์ เราคลอดอีกคนดีไหม
โม่ฉือหานถึงได้ตระหนักขึ้นมาได้ว่าตัวเองเสียมารยาทไป สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ข้าได้ยินว่าพวกเจ้ากลับมาแล้ว ฝ่าบาทก็อยู่ด้วย ก็เลยเข้ามาดูหน่อย คำนับฝ่าบาท!”
ขณะที่พูด เขาก็คำนับฮ่องเต้
“ลุกขึ้นมาเถิด ในเมื่อหลีอ๋องมาแล้ว ก็เข้ามานั่งด้วยกันเถิด บุญคุณความแค้นในอดีตล้วนผ่านไปหมดแล้ว วันนี้หาได้ยากที่พวกเจ้ากลับ!” ฮ่องเต้ตรัสไกล่เกลี่ยให้ลงเอยกันด้วยดี
วันนี้หากปล่อยให้หลีอ๋องกับจวินหย่วนโยวทะเลาะวิวาทกันขึ้นมา มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศหรอกหรือ
“ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสเช่นนี้แล้ว งั้นข้าก็ไม่ถือสาหาความกับเขาแล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา หันหลังเดินกลับไปนั่งข้างกายหยุนถิง
พ่อบ้านให้องครักษ์ยกเก้าอี้เข้ามาทันที โม่ฉือหานเดินเข้าไปนั่งลง
“หลีอ๋องมาที่จวนซื่อจื่อวันนี้ ด้วยเรื่องอันใด?” หยุนถิงกล่าวถามอย่างเย็นชา
“พี่รอง คำพูดที่ท่านให้คนมาถ่ายทอดที่จวนข้าวันนี้ ข้าไม่รับปากหรอกนะ ข้าเอาอกเอาใจโม่หลานยังไม่ทันด้วยซ้ำ ข้าไม่ควบคุมนางหรอก อีกอย่างข้าก็ไม่มีปัญญาควบคุมด้วย” จู่ๆโม่ฉือชิงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปากขึ้นมา
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา คนอื่นๆล้วนมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คำพูดของท่านหมายความว่าอย่างไร อะไรคือท่านควบคุมข้า?” โม่หลานไม่เข้าใจ
“ก็คือวันนี้พี่รองให้คนไปแจ้งที่จวน หากข้าไม่สามารถควบคุมเจ้าได้ เขาจะสั่งสอนเจ้าแทนข้าเอง” โม่ฉือชิงรีบอธิบายทันที
โม่ฉือหานที่อยู่ด้านข้างจ้องมองมาด้วยความโกรธ เจ้าสี่คนนี้นี่เรื่องไหนไม่ควรพูดก็พูดเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ ถึงกับเอ่ยขึ้นมาเวลานี้ นี่มันหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือ
เวลานี้ โม่ฉือหานรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยจริงๆที่ส่งคนไปคุยกับเจ้าทึ่มคนนี้
โม่หลานโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที หนึ่งหมัดจู่โจมเข้ามาทางโม่ฉือหาน “หลีอ๋องเจ้าคนต่ำช้า ถึงกับยุยงให้เฉินอ๋องทะเลาะกับข้า นี่เจ้ากำลังยุแยงตะแคงรั่วอยู่ ดูสิว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร”
โม่ฉือหานรีบหลบออกไปทันที กำลังจะตอบโต้ แต่กลับถูกฮ่องเต้ตวาดด้วยความโกรธ “พอได้แล้ว พวกเจ้าไม่เห็นว่าข้าอยู่ด้วยหรือ พวกเจ้าอยากสู้กันก็ออกไปสู้ข้างนอก อย่าทำให้เด็กสองคนตกใจ ยิ่งไม่ใช่โอกาสในคืนนี้!”
โม่หลานถึงได้ยอมล้มเลิกไป “หลีอ๋อง แน่จริงหลังอาหารมื้อนี้แล้วเราสองคนสู้กันตัวต่อตัว เจ้ากล้าไหม?”
“เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น!” โม่ฉือหานกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“โม่หลานเจ้าอย่าโกรธไปเลย เป็นความผิดข้าเองที่พูดจาไม่มีกาลเทศะ ความจริงพี่รองเขาก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เจ้าอย่าสู้กับพี่รองเลยนะ!
พี่รองท่านก็เหมือนกัน โม่หลานเป็นหวางเฟยของข้า น้องสะใภ้ของท่าน ท่านจะลงมือกับน้องสะใภ้ได้อย่างไร ถ้าอย่างไรก็ช่างมันเถอะ?” โม่ฉือชิงสอบถามทั้งสองฝ่าย
“หุบปาก!” โม่หลานกับโม่ฉือหานเอ่ยปากพร้อมกัน
โม่ฉือชิงตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก ตัวเองช่างปากพล่อยจริงๆ ทำไมต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วย
“ท่านอา ข้าอยากกินห่านย่าง” เสียงที่ไร้เดียงสาของจวินเสี่ยวเหยียนดังมา ทำลายความกระอักกระอ่วนนี้
“ตกลง อาคีบให้เจ้า” โม่เหลิ่งเหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อห่านหนึ่งชิ้นวางเอาไว้ในจานที่อยู่ตรงหน้าของจวินเสี่ยวเหยียนทันที แถมยังช่วยนางแกะกระดูกออกอย่างเอาใจใส่
จวินเสี่ยวเหยียนหยิบขึ้นมาทันที กินมันอย่างมีความสุข
โม่ฉือหานเห็นภาพฉากนี้ จู่ๆในใจก็รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย
หากตัวเองไม่ได้หย่ากับหยุนถิง ลูกสาวของพวกเขาก็คงจะโตประมาณนี้ และน่ารักเช่นนี้ใช่ไหม
คิดถึงตรงนี้ โม่ฉือหานหยิบถ้วยสุราที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาเงยหน้าดื่มลงไปจนหมด
ไม่รู้ว่าทำไม หยุนถิงถึงได้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยว อ้างว้างจากตัวของโม่ฉือหาน
นางต้องรู้สึกผิดไปแน่ๆ คนใจดำอำมหิตอย่างหลีอ๋องจะมีอารมณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“หยุนถิงเจ้ากินเยอะๆหน่อย ดูสิเจ้าผอมลงไปแล้ว” ซูชิงโยวคีบอาหารให้นางด้วยความเอ็นดูสงสาร
“ขอบคุณพี่สะใภ้มาก เมื่อครู่ข้าเห็นท้องของท่านเริ่มใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อยอีกแล้ว นี่คือตั้งครรภ์แล้วใช่ไหม?” หยุนถิงเอ่ยปากถาม
แก้มของซูชิงโยวมีสีแดงสดใสแว๊บผ่านไปเล็กน้อย มองไปทางหยุนไห่เทียนที่อยู่ด้านข้างโดยสัญชาตญาณ
“น้องพี่ ชิงโยวพูดเสมอว่าซือถิงคนเดียวโดดเดี่ยวเกินไป เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนเป็นเพื่อนกันได้ ดีมากแค่ไหน ดังนั้นเราก็เลยตัดสินใจว่าจะมีลูกกันอีกคน” หยุนไห่เทียนอธิบาย
“ได้เลย ลูกคนเดียวค่อนข้างเหงาไปหน่อย งั้นข้าเป็นคนตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ เป็นเช่นไร?” หยุนถิงถาม
“ย่อมได้อยู่แล้ว เดินทีข้าก็ปรึกษากับพี่ใหญ่เจ้าแล้ว ว่าจะให้เจ้าตั้งชื่อให้เด็กคนนี้” ซูชิงโยวกล่าวด้วยความยินดี
“ตกลง เช่นนั้นข้าต้องคิดให้ดีๆแล้ว”
“หยุนถิง ของบ้านข้าเจ้าก็ช่วยตั้งให้ด้วยนะ” ฉินจิ้งอี๋กล่าวด้วยสีหน้าเขินอาย ยื่มมือไปลูบท้องโดยสัญชาตญาณ
หยุนถิงปลื้มปีติ “เจ้าก็มีแล้วหรือ?”
“อืม สองเดือนแล้ว ยังดูไม่ออกเลยว่าตั้งครรภ์”
“จ้าวเคอ ร้ายกาจนี่นา” หยุนถิงยกนิ้วโป้งให้กับจ้าวเคอ
จ้าวเคอหน้าแดงขึ้นมาทันที “เราก็คิดว่าลูกจะได้มีเพื่อนเช่นกัน”
“ไม่เลว ไม่เลว ข้าต้องคิดชื่อเอาไว้หลายๆชื่อแล้ว” หยุนถิงหัวเราะออกมาเบาๆ
ได้ยินคำพูดนี้ สายตาของจวินหย่วนโยวที่อยู่ด้านข้างมองไปทางหยุนถิงเงียบๆ คนอื่นเขามีหมดแล้ว พวกเขาก็ควรพิจารณาหน่อยแล้วใช่ไหม
อาหารมื้อนี้ทุกคนกินกันอย่างมีความสุขเหลือล้น หลังจากที่กินอิ่มและดื่มจนพอใจแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป เพราะรู้ว่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวและคนอื่นๆกลับมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นทุกคนจึงดื่มมากไป
แม้แต่โม่หลานที่เดิมทียังบอกว่าหลังจากมื้ออาหารแล้วจะสู้ตัวต่อตัวกับหลีอ๋อง แต่แล้วตัวเองกลับเมาจนเดินก็ยังไม่มั่นคง โม่ฉือชิงถูกคนหามกลับไปโดยตรง
โม่ฉือหานมองดูทุกคนจากไป เขาก็กลับไปเช่นกัน ไม่ได้นั่งรถม้า แต่เดินไปบนถนนที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวตามลำพัง
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว บรรดาชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันหมดแล้ว เวลานี้บนถนนไม่มีคนแม้แต่คนเดียว แสงจันทร์ที่พร่ามัวทอดเงาของโม่ฉือหานให้ยาวออกไป
ดูโดดเดี่ยวและอ้างว้างเช่นนั้น
และทางด้านหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว หลังจากที่ทุกคนทยอยจากไปแล้ว ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์พาจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนไปพักผ่อน คืนนี้หยุนถิงดื่มมากไปหน่อย เดินก็เดินไม่มั่นคงแล้ว ถูกจวินหย่วนโยวอุ้มกลับไปที่เรือน
บนเตียงนอน หยุนถิงดึงผ้าห่มมาห่ม “อยู่บ้านดีกว่าจริงๆ เตียงนี่ผ้าห่มนี่ช่างใกล้ชิดสนิทใจที่สุดจริงๆ ในที่สุดคืนนี้ก็สามารถนอนหลับสนิทเสียที
จวินหย่วนโยวให้คนตักน้ำร้อนมา ช่วยหยุนถิงเช็ดทำความสะอาดด้วยตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่สบายให้ชุดหนึ่ง จากนั้นถึงได้ล้างหน้าล้างตาให้ตัวเอง
ทำทุกอย่างนี้เสร็จ จวินหย่วนโยวถอดชุดชั้นในออกและนอนลงไปข้างกายของหยุนถิง เข้าไปใกล้หูของนาง
“ถิงเอ๋อร์ ถ้าอย่างไรเราคลอดกันอีกคนดีไหม”
หยุนถิงที่สะลึมสะลือส่ายหน้า “ไม่เอา มันเหนื่อยเกินไป ท่านไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข้าคนเดียวเลี้ยงพวกเขาสองคนตอนเด็กๆมันเหนื่อยแค่ไหน มันลำบากแค่ไหน หากไม่ใช่เพราะอยู่ในชนเผ่ามีคนคอยช่วยเหลือ ข้าจะกินข้าวยังยากเลย”
จวินหย่วนโยวฟังด้วยความเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง มือที่กอดหยุนถิงของเขากระชับแน่นยิ่งขึ้น “ถิงเอ๋อร์ขอโทษด้วย ตอนนั้นเป็นเพราะข้าไม่ดีเอง เพราะข้าไม่ได้ปกป้องพวกเจ้าให้ดี ข้าไม่ได้ทำหน้าที่สามีที่ดี ไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ดี
เป็นเพราะไม่ได้เติบโตไปพร้อมกับเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียน ดังนั้นข้าจึงรู้สึกตำหนิตัวเอง และรู้สึกผิดมาโดยตลอด ปล่อยให้เจ้าเหนื่อยขนาดนั้นเป็นความผิดของข้าเอง
หากให้กำเนิดอีกคน ข้าจะต้องดูแลเขาอย่างดีแน่นอน เจ้าไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ข้าจะจัดการเองทุกอย่าง ถือเป็นการชดเชยที่ข้าติดค้างเจ้า เสี่ยวเทียนและเสี่ยวเหยียนในตอนนั้น”
หยุนถิงหันหน้ามองไปทางจวินหย่วนโยว “ท่านพี่ ความจริงท่านไม่ต้องตำหนิตัวเอง ข้ารู้ว่าตอนนั้นท่านทำสุดกำลังแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ตอนนี้เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนก็ชอบท่านทั้งคู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
“แต่ว่าเสี่ยวเหยียนไม่ชอบข้า” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความหดหู่และคับข้องใจ
หยุนถิงยิ้มอย่างไม่จริงใจเล็กน้อย “พูดขึ้นมาแล้วก็แปลก ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเสี่ยวเหยียนถึงได้ติดโม่เหลิ่งเหยียนเช่นนี้ ถ้าอย่างไรวันไหนท่านลองถามนางดู”
“เจ้าหมอนี่อย่าคิดจะมาแย่งแก้วตาดวงใจของข้าเชียว” จวินหย่วนโยวบ่นพึมพำ
“แก้วตาดวงใจของท่านดูเหมือนจะไม่เอาใจใส่ท่านแล้ว” หยุนถิงหัวเราะออกมา