จอมนางข้ามพิภพ - บทที่817 เพราะข้าใส่ใจเจ้า จึงสนเจ้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่817 เพราะข้าใส่ใจเจ้า จึงสนเจ้า
อ๋องเก้าตกตะลึง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้ากีดขวางเรื่องอะไรเจ้า ข้าไม่ได้ให้เจ้าวางแผนคิดร้ายหยุนถิงสักหน่อย?
ชางหยุนสี่กัดฟันและพูดว่า “ก็เพราะเจ้านะสิ นกเขาไม่ขันแล้วยังกล้ามาเกี่ยวดองกับข้าอีก ตัวเองนกเขาไม่ขันแล้วยังจะปิดบัง ทำให้ข้าเกือบเอาชีวิตทั้งชีวิตนี้ของข้าไปเสี่ยง
ดังนั้นข้าถึงได้รับความกรุณาของหยุนถิง ถึงได้ถูกหยุนหลีเหยียดหยามในขณะนี้ เป็นเพราะเจ้าไอ้สารเลวนี้ เป็นความผิดเจ้าหมดเลย! ”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินสิ่งนี้ ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูละครสนุกๆ
สีหน้าของอ๋องเก้าแย่ยิ่งนัก เขาในฐานะท่านอ๋องคนหนึ่งกลับถูกคนอื่นบอกเรื่องน่าอาบอายเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน แน่นอนว่าก็ต้องรู้สึกเสียหน้ามากอยู่แล้ว
“ชางหยุนสี่เจ้าหุบปาก ตอนนี้ข้านะหายดีแล้ว หายดีนานแล้ว!”
“ต่อให้เจ้าจะหายดีเพียงใด ข้าก็ไม่ชอบเจ้า!” ชางหยุนสี่พูดด้วยความรังเกียจ
“คนหยิ่งยโสและโอ้อวดเช่นนี้ ต่อให้เจ้าแต่งเข้ามาโดยไม่ต้องเสียค่าสินสอดอะไรข้าก็ไม่เอา!” อ๋องเก้าพูดอย่างเหยียดหยาม
“รนหาที่ตายชัดๆ!” ชางหยุนสี่ดึงแส้ข้างเอวออกมาทันที
อ๋องเก้าไม่เป็นวรยุทธ ดังนั้นจึงถูกเฆี่ยนทันที เจ็บยิ่งนัก “อ๊าก ไอ้หญิงบ้าเอ๊ยกล้าเฆี่ยนข้าหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าตีผู้หญิงนะ เจ้าอย่าได้ใจไปเลย!”
“เจ้าตี เจ้าสู้ข้าไหวหรือ วันนี้ข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตายเลย!” แส้ของชางหยุนสี่ฟาดมาอีกครั้ง
อ๋องเก้ารีบหลบ “พวกเจ้ายังจะมั่วยืนทำอะไรกัน รีบไล่นังบ้านี้ไปเร็วสิ ช่วยด้วย เด็กๆ!”
หยุนหลีและคนอื่นเพียงแค่มองดู ใครก็ไม่ออกมือช่วย
ส่วนเหล่าองครักษ์ของแคว้นเป่ยลี่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นองค์หญิงสี่ของแคว้นชางเยว่ ออกมือก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
เจว๋เฟิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะไปห้าม หันมองโม่เหลิ่งเหยียน “คำนับซวนอ๋อง ฝ่าบาทของข้าให้พวกข้ามาช่วย พวกข้าได้สร้างเรือสิบกว่าลำด้วยกำลังของคนทั้งแคว้นตามรูปวาดเรือรบที่ซื่อจื่อเฟยมอบให้ และขนมาทีเดียวแล้ว!”
“ดี นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้ ทำได้ดีมาก!” โม่เหลิ่งเหยียนโม่เหลิ่งเหยียนกล่าว
ขณะที่หลายคนกำลังคุยกันอยู่ จู่ๆบนท้องฟ้าก็มีเสียงอินทรีทองดังขึ้น โม่เหลิ่งเหยียนเงยหน้าขึ้นและพบว่าเป็นอินทรีทอง ใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชาของเขาก็ฉายแววดีใจ
อินทรีทองบินวนกลางท้องฟ้าไปสองสามรอบ จากนั้นก็ร่อนลงตรงหน้าโม่เหลิ่งเหยียน
เมื่อชางหยุนสี่เห็นอินทรีทอง ก็ตกตะลึงทันที “ทำไมอินทรีทองตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้ก็ถูกฆ่าไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
หยุนหลีกลอกตา “นี่คือพี่น้องของอินทรีทองตัวนั้น แผ่นดินนี้ไม่ได้มีอินทรีทองเพียงตัวเดียวสักหน่อย!”
เดิมทีอ๋องเก้าที่วิ่งหนีอยู่ พึ่งเคยเห็นอินทรีทองอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ดีใจยิ่งนัก และรีบวิ่งไปทันที “โห คุณพระช่วย ให้ข้าดูอินทรีทองตัวนี้หน่อยเร็ว!”
เพียงแต่ว่าเขายังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ สายตาอันแหลมคมของอินทรีทองก็มองมา และจู่โจมเขาโดยตรง
ทำเอาอ๋องเก้าตกใจกลัวจนกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่ทันได้วิ่งหนี ก็ถูกอินทรีทองจิกก้นสักแล้ว เจ็บจนอ๋องเก้าแยกเขี้ยวยิงฟัน จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
ชางหยุนสี่รู้สึกสะใจในทันที “สมน้ำหน้า!”
จากนั้นอินทรีทองจึงค่อยบินกลับมา นำจดหมายในปากให้โม่เหลิ่งเหยียน กระพือปีกและบินจากไป
โม่เหลิ่งเหยียนมองดูลายมือที่คุ้นเคยของหยุนถิง ระหว่างคิ้วนั้นมีความอบอุ่นเล็กน้อย และรีบเปิดอ่าน
“พี่ใหญ่ข้าเขียนไรมา?” หยุนหลีเอนตัวเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ว่าหยุนหลีไมได้สังเกตเห็นว่า ตัวเองอยู่ใกล้ซวนอ๋องมากเกินไป หัวก็พิงไปเอนบนแขนเสื้อของโม่เหลิ่งเหยียนแล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
เสวี่ยเชียนโฉวบังเอิญเห็นฉากนี้พอดี สีหน้าก็เย็นชาลงทันที ก้าวไปข้างหน้าและดึงหยุนหลีไปข้างๆ
“ดูก็ดู อยู่ใกล้ขนาดนั้นทำไม?”
“ข้าก็กังวลพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ?” หยุนหลีตอบ
“พี่ใหญ่เจ้าเขียนจดหมายมา ซวนอ๋องกต้องบอกกับทุกคนอยู่แล้ว” เสวี่ยเชียนโฉวกล่าว
“ท่านอา เจ้าสนข้าทำไม!” หยุนหลีไม่พอใจเล็กน้อย
“เพราะข้าใส่ใจเจ้า จึงสนเจ้า ” เสวี่ยเชียนโฉวไม่ได้ซ่อนความรักที่มีต่อหยุนหลีสักนิดเลย
และแล้วประโยคนี้ ก็ทำให้หยุนหลีเปลี่ยนจากโกรธมาเป็นดีใจ “ท่านอาอย่างล้อเล่นไปเลย พวกข้ากำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่”
“ข้าก็คุยเรื่องสำคัญอยู่!” เสวี่ยเชียนโฉวแก้ไขให้ถูกต้อง
คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆต่างก็แบะปาก แหมเหม็นความรักจังเลย
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนตึงเครียด “หยุนถิงส่งจดหมายมาโดยให้พวกข้านำอาหารไปวางที่เมืองฉือ เพื่อสะดวกต่อคนของฮวาเชียนจั่น เจ้าอุทยานเสวี่ยกับหยุนหลี พวกเจ้าพาคนคุ้มกันอาหารไปที่นั่น อ๋องเก้ากับองค์หญิงสี่รับผิดชอบความปลอดภัยของทะเล!”
“ได้!” เสวี่ยเชียนโฉวก็ต้องเต็มใจอยู่แล้ว
ฉลาดเยี่ยงเขา ก็ดูออกอยู่แล้วว่าซวนอ๋องกำลังให้เวลาเขากับหยุนหลีได้อยู่อย่างตามลำพัง
“ซวนอ๋อง ข้าไม่อยากไปกับไอ้คนไร้ประโยชน์?” ชางหยุนสี่กล่าว
“ข้ายังไม่อยากอยู่กับเจ้าเลย” อ๋องเก้าโต้กลับ
ดวงตาที่เยือกเย็นและเย่อหยิ่งของโม่เหลิ่งเหยียนมองมา “ไม่ก็ทำตาม ไม่ก็ไปให้พ้น ตรงนี่ไม่ใช่ที่ที่ให้พวกมาปั้นยศหรือใส่อารมณ์!”
ประโยคที่เย็นชา ทำเอาชางหยุนสี่กับอ๋องเก้าไม่กล้าปฏิเสธทันที ทำได้เพียงรับคำสั่ง
โม่เหลิ่งเหยียนพาคนไปจัดเตรียมการป้องกัน บนจดหมายหยุนถิงบอกว่าคืนนี้นางจะมา ไม่รู้ว่านางจะมาเมื่อไหร่
ทางนี่ หยุนถิงรอจนถึงเที่ยงคืน เปลี่ยนเป็นชุดสีดำ และตรงไปที่ลานของอูเหอ
ในห้องมืดสนิท อูเหอไม่ได้จุดเทียน แต่เขาตื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่แผ่วเบานั้น
“เจ้ามาจริงๆด้วย!”
หยุนถิงยิ้มมุมปาก “เจ้าเมืองอูฉลาดมาก เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะโกหกหรือจงใจยุให้รำ ตำให้รั่วหรือ?”
“ผู้ที่กล้าใส่ร้ายฮูหยินเจ้าทะเล ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็กล้าทำ บอกว่า เจ้าเป็นใครกันแน่ รู้อะไรบ้าง?” อูเหอมองมาอย่างเฉียบขาด
“ฮูหยินเจ้าทะเลฆ่าครอบครัวข้า หลังจากสืบสวนมาหลายปี ข้าค้นพบความลับหนึ่ง ฮูหยินเจ้าทะเลในตอนนี้ไม่ใช่ฮูหยินเจ้าทะเล แต่เป็นเซียวหลันปลอมตัว!” หยุนถิงพูดตรงไปตรงมา
อูเหอได้ยินคำนี้ ก็ตัวแข็ง “เซียวหลัน เจ้าหมายถึง?”
“ใช่แล้ว อดีตภรรยาของเจ้า ตั้งแต่ที่เจ้าเปลี่ยนนิสัยไปอย่างมากนั้น ตบตี ด่าว่าและเหยียดหยามนาง ทำให้นางตายทั้งเป็น ดังนั้นนางถึงได้ยอมเสี่ยงและขังฮูหยินเจ้าทะเลเอาไว้แล้วมาแทนที่ของหล่อน
และทุกปีที่เจ้ามาเมืองเทียนหลง ฮูหยินเจ้าทะเลก็จะประทานอาหารให้แด่เจ้าอยู่เสมอ เจ้าคงไม่ได้คิดว่านางให้ความสำคัญกับเจ้าจริงสินะ นางก็แค่แก้แค้นเจ้า และวางกู่ใส่ในอาหาร จุดประสงค์ก็คือเพื่อควบคุมเจ้า และให้เจ้าตายทั้งเป็น! ”
ขณะที่หยุนถิงพูด ก็หยิบพับไฟหนึ่งออกมาและจุดเทียน และห้องก็สว่างขึ้นทันที
อาหารบนโต๊ะนั้น ไม่ได้แตะต้องแม้แต่นิด หยุนถิงดูออกในทันที และหยิบผงยาที่เตรียมไว้ออกมาโรยลงบนอาหารทันที
ในไม่ช้า บนอาหารเหล่านั้นก็มีจุดสีขาวเล็กๆ ปรากฏขึ้นเป็นจำนวนมาก และจุดสีขาวพวกนั้นก็ค่อยๆ เชื่อมต่อเข้าด้วยกันด้วยความเร็ว และในที่สุดก็กลายเป็นหนอนสีขาวจำนวนมากที่เล็กเท่าเส้นผม หากไม่สังเกตดูดีๆ ดูไม่ออกอย่างแน่นอน
อูเหอที่อยู่ข้างๆ ตกตะลึง “นี่ พวกนี้คือหนอนกู่?”
เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ตัวเองกินอาหารพวกนั้นทุกปี จู่ๆ อูเหอก็รู้สึกคลื่นไส้ และหันไปอาเจียนทันที
เพียงแต่ว่ามื้อเย็นเขาไม่ได้กินอะไร ก็แค่คลื่นไส้ แต่อาเจียนอะไรไม่ออก
“ถูกต้อง พวกนี้คือหนอนกู่ คิดว่าคงเป็นเพราะเซียวหลันกลัวเจ้าจะสังเกตเห็น ดังนั้นที่ใส่ให้เจ้าล้วนเป็นหนอนกู่ตัวอ่อน หนอนกู่เหล่านี้ดูดกินเลือดเนื้อในร่างกายเจ้าแล้วเติบโต ท้ายที่สุดเจ้าก็จะตายไป” หยุนถิงกล่าวและยื่นมือออกไปเพื่อช่วยอูเหอจับชีพจร เป็นเหมือนที่ตัวเองคาดเดาเอาไว้เลย
“ช่วงนี้เจ้ามีอาการเวียนศีรษะ ขาทั้งสี่ไร้เรี่ยวแรง และหายใจลำบากในช่วงหลังเที่ยงคืน ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งมากหรือไม่?”
อูเหอมองดูด้วยความตกตะลึง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”