จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 752 ข้าอยากกอดเจ้านี่นา
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 752 ข้าอยากกอดเจ้านี่นา
“เสด็จพี่ให้เจ้าหมดแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน?” โม่ฉือชิงสีหน้าตกตะลึง
โม่หลานเริ่มกระดากอาย “ฝ่าบาทบอกว่า เขาไม่อยากช่วยเจ้าจัดการความยุ่งเหยิง เกิดวันไหนเจ้าอยากได้คืนกลับไป เขาจะดูไม่ดีเอา”
“คำพูดนี้เหมือนเสด็จพี่จะพูดอยู่ ไม่ไว้หน้าข้าเลยนี่นา โม่หลาน ต่อไปข้ากลายเป็นยาจกแล้วนะ ยิ่งไม่มีสิทธิ์ชอบเจ้าเข้าไปใหญ่!” โม่ฉือชิงทำหน้าผิดหวัง
“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นคนโลภมากงั้นรึ?” โม่หลานมองค้อนเขา
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เจ้ารักพวกพ้อง ใจกว้าง ปกป้องพวกพ้อง และทุ่มสุดตัวเพื่อมิตรสหายที่สุด ข้าแค่รู้สึกว่า ตอนเป็นเฉินอ๋อง เจ้าก็ไม่ชอบข้า ตอนนี้ข้ากลายเป็นยาจก เจ้าคงยิ่งไม่ชอบข้าแน่” โม่ฉือชิงพูดน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
โม่หลานมองออกถึงการพังทลายและผิดหวังของเขา รู้สึกสงสาร เหมือนอย่างที่หยุนถิงบอกเลย เมื่อก่อนนางไม่รู้จักความรัก มองไม่เห็นหัวใจตนเอง
แต่พอได้ยินว่าโม่ฉือชิงโดนลอบฆ่า นางวิ่งแทบเหาะมาตลอดทาง หวั่นใจมาตลอด
ความเป็นห่วงอย่างนั้นนางมิเคยมีมาก่อน
โดยเฉพาะในเวลานี้ที่จี้อวี๋มักมาบอกตนว่าเป็นอย่างไรกับเฉินอ๋องแล้วบ้าง โม่หลานโกรธแทบบ้า ไปถามหยุนถิงถึงรู้ว่านั่นเรียกว่าหึง
ที่แท้ โม่ฉือชิงได้เข้ามาอยู่ในใจนางแล้วอย่างไม่ทันรู้ตัวเลย
พอตอนนี้เห็นโม่ฉือชิงท่าทางหมดอาลัยตายอยาก โม่หลานทนไม่ไหวโพล่งออกไปว่า “โง่เง่า ฝ่าบาทบอกว่า ของพวกนั้นของเจ้าน่ะให้ข้าไว้เป็นสินสอด”
“สินสอด?” โม่ฉือชิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะได้สติ เขาตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก “ดังนั้น โม่หลานเจ้าตกลงแล้วใช่หรือไม่?”
โม่หลานแก้มแดงขึ้นหลายส่วน “ใช่ ข้าตกลงแล้ว”
วินาทีต่อมา โม่ฉือชิงยกมือขึ้นกอดโม่หลานหมับทันที “ดียิ่งนัก โม่หลาน ในที่สุดเจ้าก็ตกลงแล้ว ในที่สุดเจ้าก็ยอมแต่งงานกับข้าแล้ว โม่หลาน ฮะฮะ—-“
เพราะว่าตื่นเต้นเกินไป โม่ฉือชิงกอดโม่หลานแน่นจนโดนแผล เจ็บจนเขาแยกเขี้ยว แต่ยังคงดีใจและตื่นเต้นอยู่
“โง่จริง อย่าโดนแผลสิ รีบปล่อยเลย!” โม่หลานบอกอย่างสงสาร
“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด หลายปีขนานี้ในที่สุดเจ้าก็รับปากแล้ว ชาตินี้ข้าจะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!” โม่ฉือชิงกอดนางแน่นขึ้นไปอีก
เพียงแต่ทำเช่นนี้แผลก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น แต่เขาไม่สนใจแล้ว ความเจ็บแค่นี้เทียบกับการที่โม่หลานยอมแต่งงานกับตนนั้น เทียบกันไม่ติดเลยสักนิด
โม่หลานสีหน้าหน่ายใจ มองดูโม่ฉือชิงยิ้มเหม่อ นางไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
โม่หลานช่วยทายาให้เขาต่อไป แต่โม่ฉือชิงกอดตนไว้ นางไม่อาจทายาได้
“ปล่อย ข้าจะช่วยทายาให้เจ้า!”
“ไม่ปล่อย ทาไปอย่างนี้แหละ” โม่ฉือชิงให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ ยิ้มเหม่อมองโม่หลานอยู่อย่างนั้น
“โง่เง่า หากยังไม่ปล่อยมืออีก ข้าจะอัดเจ้าแล้วนะ!” โม่หลานเริ่มเดือด
“อัดเถอะ หากไม่อัดจนตาย ข้าก็ยังไม่ปล่อยเจ้าหรอก!” โม่ฉือชิงหน้าด้านพูดต่อ
โม่หลานหน่ายใจ “โม่ฉือชิง เจ้าทำอย่างนี้ ข้าจะโกรธแล้วนะ”
คำพูดเดียวทำโม่ฉือชิงปล่อยมือทันที “อย่าโกรธนะ ข้าผิดไปแล้วมิได้รึ ข้าอยากกอดเจ้าไว้นี่ กอดเจ้าไว้ทั้งชีวิตไม่ปล่อยมือเลย”
“อย่าพูดจาเหลวไหล พูดให้ดีๆ” โม่หลานอ้อมไปด้านหลังโม่ฉือชิงทันที
โม่ฉือชิงรีบถอดเสื้อผ้าออก โม่หลานเห็นรอยเขียวม่วงไปทั้งแถบบนแผ่นหลังเขา ใบหน้าตึงเครียดขึ้นหลายส่วน ไอ้พวกบ้านั่นสบายไปละ หากให้ตนเจออีกต้องจัดอัดจนพ่อแม่มันก็จำไม่ได้เลย
ถึงโม่ฉือชิงจะเจ็บ แต่ในใจหวานปานกินน้ำผึ้งเข้าไป “พ่อบ้าน เจ้าไปดูสิว่าฤกษ์งามยามดีที่สุดน่ะเมื่อไหร่ ยิ่งเร็วยิ่งดี ข้าจะแต่งชายาเอกแล้ว!”
พ่อบ้านที่เดินเข้ามามองโม่หลานฉับพลัน “ท่านอ๋อง ฤกษ์งามยามดีที่สุดคือวันแต่งงานของหลีอ๋องและองค์หญิงรองแห่งแคว้นเป่ยลี่ นั่นเป็นวันดีที่ชินเทียนเจียนทำนายออกมา”
(ชินเทียนเจียน ขนนางที่รับผิดชอบงานเฝ้าสังเกตดวงดาวเพื่อคำนวณและประกาศใช้ปฏิทินหลวง)
“จริงด้วย ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน เช่นนั้นพวกเราสมรสพร้อมกับพี่ชายรองเลยนะ ดีหรือไม่?” โม่ฉือชิงถามโม่หลาน
โม่หลานยิ่งกระดากหนักขึ้น “ไม่ต้องเร็วขนาดนี้กระมัง”
“ไม่เร็ว ไม่เร็วเลยสักนิด ข้าชอบเจ้ามาหลายปีแล้ว ยากนักกว่าเจ้าจะรับปาก จะชักช้าอีกไม่ได้ พ่อบ้านเจ้าไปจัดเตรียมสินสอดนะ ข้าจะไปสู่ขอที่จวนแม่ทัพ!” โม่ฉือชิงสั่งการ
“ได้เลย!” พ่อบ้านไปจัดการอย่างอารมณ์ดี
ไม่รู้ว่าท่านอ๋องของตนใช้วิธีอะไร ถึงได้ทำให้คุณหนูใหญ่โม่ยอมรับปากจนได้ ในที่สุดท่านอ๋องก็สมหวังเสียที
พอเห็นพ่อบ้านไปแล้ว โม่หลานถึงเอ่ยขึ้น “โม่ฉือชิงเจ้าบ้าไปแล้วรึ วันนี้จะไปสู่ขอที่บ้านข้าเลย ข้ายังไม่ได้บอกท่านพ่อท่านพี่เลยนะ?”
โม่ฉือชิงยุดมือโม่หลานไว้ “ไม่ต้องให้เจ้าบอก ข้าบอกเอง ทั้งหมดยกให้ข้าจัดการ ตอนนี้ข้าอยากรีบแต่งเจ้าเข้าบ้าน”
โม่หลานหน้าแดงจนถึงคอ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
พ่อบ้านจัดการได้ไวมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ซื้อของจากร้านค้นทั้งหมดในเมืองหลวงได้แล้ว และให้คนส่งของพวกนั้นไปจวนแม่ทัพเลย
เพราะว่าที่ค่ายทหารยังมีงาน โม่หลานเห็นโม่ฉือชิงไม่เป็นอะไรมากเลยกลับค่ายทหารต่อ
นางพึ่งก้าวออกไป พ่อบ้านก็กลับมาพอดี “ท่านอ๋อง สินสอดซื้อมาหมดแล้ว ข้าให้คนส่งไปที่จวนแม่ทัพเลย ล้วนแต่แพงที่สุดทั้งนั้น ดีที่สุดทั้งนั้น”
“ดีมาก ทำงานได้ดี”
โม่ฉือชิงรีบขึ้นรถม้า มุ่งตรงไปยังจวนแม่ทัพทันที
แม่ทัพเฒ่าโม่กำลังฝึกกระบี่ในสวน ก็ได้ยินคนรับใช้มารายงานว่า เห็นคนมากมายหามกล่องมาที่หน้าประตู
แม่ทัพเฒ่าโม่ตกใจ รีบไปดู พบกล่องสีแดงมากมายวางเต็มหน้าประตู มีเป็นร้อยๆกล่องเลย
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”
“ยินดีด้วยแม่ทัพเฒ่าโม่ ยินดีด้วยแม่ทัพเฒ่าโม่! บ้านท่านจะมีงานมงคลแล้ว นี่เป็นสินสอดที่จะมาสู่ขอคุณหนูใหญ่โม่!” พ่อบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
“สินสอด โม่หลานของข้าจะแต่งกับใคร เหตุใดข้าไม่รู้?” แม่ทัพเฒ่าโม่ตะลึงอึ้ง
“แน่นอนว่าเป็นเฉินอ๋อง นี่พ่อบ้านของเฉินอ๋องซื้อเองทั้งหมด ให้ส่งมาที่จวนแม่ทัพเลย ข้าน้อยส่งของมาถึงแล้ว ไม่รบกวนแม่ทัพเฒ่าแล้วนะ” คนผู้นั้นพูด พลางเรียกคนจากไปทันที
แม่ทัพเฒ่าโม่เห็นกล่องหลายร้อยกล่อง ผ้าไหมผ้าแพร เพชรนิลจินดา เครื่องหยกเครื่องประดับ ของโบราณภาพวาดอักษร—
แมทัพเฒ่าโม่กำลังปวดหัว ก็เห็นรถม้าของเฉินอ๋องมาพอดี
เฉินอ๋องรีบลงจากรถม้า “ลูกเขยคารวะท่านพ่อตาขอรับ!”
“ใครเป็นพ่อตาเจ้า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ โม่หลานรับปากเจ้าแล้วรึ เจ้าให้คนส่งของเหล่านี้มาเพราะอยากโดนคนหัวเราะเยาะขบขันงั้นรึ?” แม่ทัพเฒ่าโม่พูดสีหน้าตึง
หลายปีมานี้ โม่หลานไม่ยอมรับปากมาตลอด ตอนนี้จู่ๆโม่ฉือชิงก็ทำเช่นนี้ แม่ทัพเฒ่าโม่รู้สึกหงุดหงิดนัก
“ท่านพ่อตา โม่หลานรับปากแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงไม่มามอบสินสอดฉุกละหุกเช่นนี้ดอก อีกอย่างสมบัติทั้งหมดของข้า เสด็จพี่ก็ยกให้โม่หลานหมดแล้ว บอกว่าเป็นสินสอด ข้ารู้สึกว่าจะอย่างไรก็ต้องมาสู่ขออย่างเป็นทางการ ถึงจะเรียกว่ามีความจริงใจ ดังนั้นจึงหวังว่าท่านพ่อตาจะไม่หาว่าข้ากระทำการฉุกละหุกไปนะ” โม่ฉือชิงอธิบาย
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ด้วยรึ?” แม่ทัพเฒ่าโม่มองมาอย่างสงสัย
“แน่นอน” โม่ฉือชิงรีบเล่าเรื่องที่ตนปฏิเสธสมรสพระราชทาน และยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ออกมา
ทำเอาแม่ทัพเฒ่าโม่ซาบซึ้งนัก “สมเป็นเฉินอ๋อง ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ ในที่สุดเจ้าก็รับนังหนูนั่นไปเสียที ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก ตอนนี้พวกเรามาตกลงกันเรื่องฤกษ์งามยามดีจัดงานแต่งงานกันเถิด!”