จอมนางข้ามพิภพ - บทที่695 ข้าไม่วางใจเจ้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่695 ข้าไม่วางใจเจ้า
หยุนถิงตรงไปที่ห้องหนังสือ “ท่านพี่ จิ่งไป๋ถูกคนลักพาตัวไปแล้ว!”
สีหน้าของจวินหย่วนโยวตึงเครียด “เกิดอะไรขึ้น?”
“เสี่ยวลิ่วบอกว่าระหว่างทางกลับไปที่ค่ายทหาร มีคนจงใจทำให้ม้าคลั่งและวิ่งเตลิด ฉวยโอกาสลักพาตัวจิ่งไป๋ไป!” หยุนถิงตอบ
“เจ้าใจเย็นๆก่อน ถามสถานการณ์กับหลงยีก่อน หลงยี!” จุจวินหย่วนโยวตะโกน
หลงยีปรากฏตัวทันที “จวินซื่อจื่อมีเรื่องสั่งการใดหรือขอรับ?”
“สถานการณ์ของตระกูลจิ่งตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” หยุนถิงถามทันที
“เรียนซื่อจื่อเฟย เมื่อสองสามวันก่อนผู้นำตระกูลจิ่งได้เสียไปอย่างกะทันหัน ท่านรองกับท่านสามของตระกูลจิ่งพยายามจะยึดอำนาจ จิ่งฮูหยินไม่อนุญาต ร่วมมือกับลูกชายและลูกสาวจัดการกับพวกเขา ตอนนี้ตระกูลจิ่งอยู่ในความโกลาหล
ข้าน้อยได้รัับข่าวมาว่า เช้าวันนี้จิ่งฮุยประสบอุบัติเหตุ และตกอยู่ในอาการโคม่า จิ่งฮูหยินได้เชิญหมอทั้งหมดไปแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” หลงยีตอบด้วยความเคารพ
“ดังนั้นพวกเขาจับจิ่งไป๋ไปเพื่อให้เขาสืบทอดตระกูลจิ่ง หรือต้องการฆ่าเขา?” หยุนถิงพูดอย่างกังวล
เมื่อสามปีก่อน หยุนถิงพบร่างของจิ่งไป๋ที่ในป่า ตัวเต็มไปด้วยเลือด และใกล้ตายแล้วจึงได้ช่วยเขากลับมา หยุนถิงไม่เคยถามประวัติของจิ่งไป๋มาก่อน ทว่าตอนนี้ดูท่าแล้วตระกูลจิ่งจะเป็นที่ไม่ดียิ่งนัก
“อันนี้ข้าน้อยก็พูดไม่ถูก ข้าน้อยได้ยินเพียงว่าจิ่งฮูหยินผู้นี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่อาจทนต่อเรื่องที่ไม่ถูกใจนางได้
ตอนนั้นจิ่งฮูหยินรู้ว่าผู้นำตระกูลจิ่งโปรดปรานสาวรับใช้จนมีลูก จึงข่มเหงทุกข์ทรมานด้วยทุกวิถีทาง ต่อมายังส่งคนไปตามฆ่านาง
เพียงแต่ว่าต่อมาจิ่งไป๋ถูกซื่อจื่อเฟยช่วยเอาไว้ บางทีอาจเป็นเพราะกลัวอำนาจของจวนซื่อจื่อ ดังนั้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พวกเขาจจึงสงบลง
แต่ตอนนี้จิ่งฮุยลูกชายคนเดียวนี้ประสบอุบัติเหตุ จิ่งไป๋ก็เป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของผู้นำตระกูลจิ่ง คนเหล่านั้นจึงได้เล็งเป้าหมายมาที่เขา ” หลงยีอธิบาย
หัวใจทั้งดวงของหยุนถิงตึงแน่น หลังจากอยู่ด้วยกันมานาน หยุนถิงเห็นจิ่งไป๋เป็นเหมือนน้องชายของตัวเองนานแล้ว
“ท่านพี่ ข้าอยากไปตระกูลจิ่ง ตอนนั้นข้าเป็นคนช่วยจิ่งไป๋กลับมาเอง ข้าจะทนเห็นเขาเป็นอะไรไปไม่ได้” หยุนถิงกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“อืม ข้าไปกับเจ้า!” จวินหย่วนโยวพูดด้วยความกังวล
“ไม่ต้องแล้ว ร่างกายของท่านพึ่งหายดี อยู่ดูแลลูกสองคนดีกว่า ตอนนี้ตระกูลจิ่งเป็นที่ที่อันตราย และเก่งการใช้อาวุธลับ เอาลูกไปด้วยไม่ปลอดภัย ข้าเป็นห่วง!” หยุนถิงเสนอแนะ
“แต่ข้าก็เป็นห่วงเจ้า!”
“ข้าไม่เป็นไร ให้หลงเอ้อไปกับข้าก็ได้แล้ว ไม่ง่ายเลยที่ลูกๆจะได้กลับมา ท่านอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาดีๆสักหน่อย ข้าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว!” หยุนถิงสัญญา
จวินหย่วนโยวรู้ว่าสิ่งที่หยุนถิงตัดสินใจนั้น จะไม่เปลี่ยนแปลง เขาเองก็เป็นห่วงลูกที่เดินทางอย่างเหนื่อยมาเกือบครึ่งเดือนนั้น หากไปที่ตระกูลจิ่งอีกแล้วเหนื่อยจนป่วยก็ไม่ดีแล้ว
“อืม งั้นเจ้าระวังตัวด้วย!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเป็นห่วง
“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน” หยุนถิงเรียกหลงเอ้อมาทันที ทั้งสองขึ้นหลังม้าและจากไป
จวินหย่วนโยวรีบให้หลงซานพาองครักษ์เงามังกรครึ่งหนึ่งไปปกป้องอย่างลับ ๆ ทันที แค่สองคนจะพอได้อย่างไร
………………
ตระกูลจิ่ง
จิ่งไป๋ตื่นขึ้นด้วยความงุนงง และเห็นรอบๆที่ยุ่งเหยิงนั้น แถมยังมีเศษไม้จำนวนมาก ซึ่งดูเหมือนห้องเก็บฟืน
เขาจำได้ชัดเจนว่าตัวเองจะไปที่ค่ายทหารกับเสี่ยวลิ่ว ระหว่างทางก็มีม้าบ้าคลั้งตัวหนึ่งพุ่งออกมา จากนั้นเขาก็จำไม่ได้แล้ว ใครกันแน่ที่จับตัวเองมาขังไว้ในที่นี่?
จิ่งไป๋พยายามลองขยับดู แต่มือและเท้าถูกเชือกมัดเอาไว้ ไม่สามารถหลุดพ้นได้ เขากลัวแต่ไม่ได้ตื่นตระหนก หลายปีมานี้อยู่ข้างซื่อจื่อเฟยกับหยุนเสี่ยวลิ่ว จิ่งไป๋ก็ได้เรียนรู้ความสามารถต่างๆไปมากมาย
มือซ้ายของเขาไปกดกำลังมือที่มือขวา นั่นเป็นอาวุธลับที่คุณหนูหลีส่งให้เขา กำลังมีมีดใบเล็กๆปรากฏขึ้นทันที จิ่งไป๋ใช้ใบมีดตัดเชือกด้วยทันที
“อ๊ะ!” จิ่งไป๋เจ็บจนขมวดคิ้ว แต่ไม่กล้าส่งเสียงดังเกิน มืออยู่ด้านหลังมองไม่เห็น ไม่ระวังบาดโดนมือพอดี จึงได้แต่ทนความเจ็บปวดและทำต่อไป
เสี่ยวลิ่วหาตัวเองไม่เจอคงต้องกระวนกระวายมาก เขาต้องกลับไปหาซื่อจื่อเฟยอย่างแน่นอน ซื่อจื่อเฟยพึ่งกลับมา จะทำให้ซื่อจื่อเฟยกังวลและต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะตามหาตัวเองได้อย่างไร
“เด็กนั่นอยู่ข้างในนี้?” เสียงที่แหลมดังขึ้น
“เรียนฮูหยิน ใช่ขอรับ” ผู้เฝ้าพิทักษ์ที่อยู่หน้าประตูตอบ
“เปิดประตู!”
ประตูห้องเก็บฟืนถูกเปิดออก และสตรีผู้สง่างามที่สวมชุดหรูหราเดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเหยียดหยาม
ผู้ที่มาคือจิ่งฮูหยินนั่นเอง นางมองดูจิ่งไป๋ที่อยู่บนพื้นอย่างโอหังอวดดีหยิ่งยโส “เจ้าหรือลูกชายของนางแพศยานั้น?”
หน้าของจิ่งไป๋ตึงเครียด สีหน้าซีดเล็กน้อย เขารู้จักจิ่งฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนนางนั่นแหละที่เป็นคนทุกข์ทรมานแม่ของตัวเอง
เพราะผู้นำตระกูลจิ่งดื่มสุราแล้วเมา และได้ไปมีอะไรกับท่านแม่ที่เป็นสาวรับใช้ของจิ่งฮูหยิน จากนั้นก็ได้ให้กำเนิดตัวเอง ดังนั้นจิ่งฮูหยินจึงได้หาเรื่องทุกข์ทรมานพวกเขาสองแม่ลูก
เมื่อจิ่งไป๋เห็นแม่ถูกรังแก และถูกเหยียดหยาม จึงวิ่งไปหาผู้นำตระกูลจิ่ง แต่ผู้นำตระกูลจิ่งกลับบอกว่าจิ่งฮูหยินแม่นายของตระกูลจิ่ง ให้พวกเขาสองแม่ลูกหลีกเลี่ยงจิ่งฮูหยินไว้หน่อย
จิ่งไป๋ที่อายุเพียงเจ็ดขวบไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้นั้นออกมาจากปากของพ่อตัวเอง ต่อมาจิ่งฮูหยินฉวยโอกาสตอนผู้นำตระกูลจิ่งออกนอก และวางยาพิษให้พวกเขาสองแม่ลูก แต่ซุปนั้นก็ถูกคนรับใช้คนหนึ่งกินไปอย่างจับพลัดจับผลูและเสียชีวิตในทันที
แม่ของจิ่งไป๋ตกใจกลัวแทบตาย นางอดกลั้นเพื่อลูกมาโดยตลอด ตอนนี้จิ่งฮูหยินจะฆ่าพวกเขาสองแม่ลูก ดังนั้นแม่ของจิ่งไป๋จึงได้พาจิ่งไป๋จากไปในคืนนั้นทันที
เพียงแต่ว่าไม่นานจิ่งฮูหยินก็รู้แล้ว และได้ส่งนักฆ่ามาตามฆ่าเขา แม่ก็ถูกฆ่าตายเพราะเพื่อช่วยเขา
ต่อมจิ่งไป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป ก็ได้บังเอิญพบกับหยุนถิงที่เดินผ่านป่าแห่งนั้นพอดี และถูกนางช่วยเอาไว้
ตอนนี้เห็นจิ่งฮูหยิน จิ่งไป๋เต็มไปด้วยความเกลียด ความแค้น และเจตนาฆ่า
“ห้ามท่านด่าแม่ข้า แม่ข้านางไม่ใช่คนเยี่ยงนั้น!” จิ่งไป๋พูดด้วยความโกรธ
“นางเป็นหญิงแพศยา ไม่เช่นนั้นจะไปยั่วยุผู้นำแล้วคลอดเจ้าได้อย่างไร ตอนนั้นเจ้าโชคดีหนีไปได้ ตอนนี้ตกอยู่ในมือของข้าเจ้ารอตายได้เลย!” จิ่งฮูหยินพูดอย่างเกรี้ยวกราด และตบหน้าจิ่งไป๋สองทีทันที
เสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วห้องเก็บฟืน
แก้มของจิ่งไป๋แดงก่ำและบวมในทันที รู้สึกเพียงปวดแสบปวดร้อน
“แน่จริงท่านก็ตีข้าให้ตาย มิฉะนั้นสักวันหนึ่งข้าจะล้างแค้นให้แม่ข้าอย่างแน่นอน!” ดวงตาของจิ่งไป๋เต็มไปด้วยความแค้น
“ไอ้เด็กน่าเกลียด ยังกลับบอกว่าจะล้างแค้น!” จิ่งฮูหยินเอามีดออกมาจากแขนเสื้อโดยตรงและจะแทงเข้าหน้าออกของจิ่งไป๋
“ฮูหยิน ท่านรองกับท่านสามมาแล้ว เชิญท่านไป!” นอกประตู องครักษ์คนหนึ่งมาแจ้ง
จากนั้นจิ่งฮูหยินจึงค่อยหยุดลง “บ้าเอ๊ยเรื่องยุ่งยากมาอีกแล้ว ให้เจ้าไอ้ลูกของนางแพศยานี้มีชีวิตอยู่กี่สองสามวัน” พูดจบก็หันหลังจากไป
ผู้เฝ้าพิทักษ์ที่อยู่หน้าประตูปิดประตูอีกครั้ง ความแข็งแกร่งที่จิ่งไป๋ทนเอาไว้นั้น ก็ทรุดลงทันที น้ำตาไหลอาบแก้ม
จะยังไงก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าขวบ และต้องเผชิญหน้ากับจิ่งฮูหยินที่ทรงพลังเช่นนี้ ความแค้นในการฆ่าแม่นั้นมิอาจอยู่ร่วมใต้หล้าเดียวกันได้
จิ่งไป๋ไม่อาจไปสนใจความเจ็บปวดบนใบหน้าได้ และยังคงแก้เชือกที่มัดไว้ต่อ และในไม่ช้าเขาก็ตัดเชือกออกแล้ว แม้ว่าฝ่ามือจะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่มันก็ไม่สามารถเทียบกับความแค้นและความเจ็บปวดในใจเขาได้
เขาแก้เชือกที่ขาทันที โดยรู้ว่ามีคนเฝ้าอยู่หน้าประตู จิ่งไป๋มองดูรอบๆห้อง และพบด้านหลังมีหน้าต่าง เขาเดินไปอย่างระมัดระวังและเปิดออก และพบว่านอกหน้าต่างไม่มีคนเฝ้าอยู่ อาจเป็นเพราะจิ่งฮูหยินคิดไม่ถึงว่าเขาจะวิ่งหนีสินะ จิ่งไป๋ก็กระโดดออกจากหน้าต่างและวิ่งหนีทันที
แต่ทันทีที่เขาพึ่งออกมา ก็พบกับกลุ่มคนที่ลาดตระเวนพอดี จิ่งไป๋รีบซ่อนตัวในกองหญ้าข้างๆทันที ทันใดก็เห็นในกองหญ้านั้นมีงูตัวน้อยๆตัวหนึ่ง จิ่งไป๋มีแผนการขึ้นมาทันที