จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 675 จับตัวคนควบคุมจวินหย่วนโยวได้แล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 675 จับตัวคนควบคุมจวินหย่วนโยวได้แล้ว
“พวกเราก็คิดไม่ถึงว่าเป็นเขา ผ่านการประมือมาหลายครั้ง ข้าแน่ใจนักว่าเป็นเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนทำพิษกู่ใส่ตัวเซ่อเจิ้งอ๋องหรือไม่” หยุนถิงตอบ
สีหน้ากู้จิ่วเยวียนเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นที่แคว้นเทียนจิ่วมีกบฏภายใน ผิงหนานอ๋องนำกองทหารเข้าวังมาโดยพลการ
ตอนนั้นเขามัวแต่พยายามเข้าไปช่วยฝ่าบาท พอถึงพระราชวัง ฝ่าบาทนอนหายใจรวยริน ด้านข้างมีเพียงผิงหนานอ๋อง
ผิงหนานอ๋องบอกว่าเขามาช่วยฝ่าบาท แต่กู้จิ่วเยวียนไม่เห็นศัตรูอยู่ในท้องพระโรงเลย มีแต่ฝ่าบาทที่สลบไสลไม่ได้สติ
ตอนนั้นกู้จิ่วเยวียนคิดเพียงแต่ว่าช่วยฝ่าบาทก่อน เลยรีบช่วยฝ่าบาทออกไป จากนั้นให้หมอหลวงรักษาฝ่าบาท ต่อมาฝ่าบาทฟื้นแล้ว ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก กู้จิ่วเยวียนตอนนั้นรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
บัดนี้มาคิดๆดู กู้จิ่วเยวียนสูดลมหายใจสะท้านเยือก ตกตะลึงไปเลย
ตอนนั้นผิงหนานอ๋องอยากทำร้ายฝ่าบาท กลับมาเจอตนไปขวางไว้พอดี เขาถึงทำไม่สำเร็จ ดังนั้นเขาเลยเจ็บแค้น หากเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างก็ประจวบเหมาะแล้ว
หยุนถิงเห็นสีหน้ากู้จิ่วเยวียนบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ รู้ว่าเขาเริ่มครุ่นคิดแล้ว ไม่พูดอะไรมาก หมุนตัวไปห้องข้างๆเอง
“ซื่อจื่อเฟย ท่านมาแล้ว ซื่อจื่อยังไม่ฟื้นเลย” รั่วจิ่งบอก
“ข้าทำเอง ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” หยุนถิงเดินเข้ามา
“ซื่อจื่อเฟยเกรงใจไปแล้ว ข้าดูแลซื่อจื่อเป็นเรื่องสมควรแล้ว เช่นนั้นข้าออกไปก่อน มีอะไรท่านค่อยเรียกข้านะ” รั่วจิ่งเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หยุนถิงเดินเข้าไปหาจวินหย่วนโยว สงสารนักเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเขา เธอยื่นมือไปกุมมือจวินหย่วนโยวไว้
“ท่านพี่ ครั้งนี้ข้าจะช่วยท่านถอนหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตในตัวอย่างสุดกำลังไม่ยั้งมือเลย จะไม่ให้ท่านทุกข์ทรมานเช่นนี้อีก”
น้ำเสียงหนักแน่น เข้มงวดยิ่งนัก
ทันใดนั้นหยุนถิงพลันได้ยินเสียงอินทรีทอง เธอสีหน้าตึงเครียด รีบปล่อยมือที่กุมมือจวินหย่วนโยวออก ลุกขึ้นออกไป และเห็นอินทรีทองตัวหนึ่งบินวนอยู่กลางอากาศ
“หาเจอคนผู้นั้นแล้วใช่หรือไม่?” หยุนถิงถาม
อินทรีทองพยักหน้า บินวนอีกรอบ ก่อนจะบินจากไป
หยุนถิงกำลังจะเรียกหลงยี โม่เหลิ่งเหยียนก็รีบพุ่งเข้ามาหา มือหนึ่งคว้าเอวหยุนถิงทันที ใช้วิชาตัวเบานางเหาะขึ้นกลางอากาศไล่ตามอินทรีทองไป “ข้าพาเจ้าไปเอง”
“หลิงเฟิง ดูแลพวกซื่อจื่อให้ดี!” หยุนถิงทิ้งไว้คำหนึ่ง และออกไปไกลแล้ว
ในที่ลับ หลงยีเรียกองครักษ์เงามังกรหลายคนตามไปอารักขาซื่อจื่อเฟยทันที
พวกเขาตามอินทรีทองมา จนถึงภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ฟ้ายังไม่สว่าง ด้านหลังภูเขามืดไปเป็นแถบ อาศัยแสงจันทร์เลือนรางสามารถเห็นว่าเป็นป่าใหญ่แห่งหนึ่ง
อินทรีทองพลันหยุดลงที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าที่ห่างไปไม่ไกล โม่เหลิ่งเหยียนพาหยุนถิงเหาะไป
“เจ้าว่าคนผู้นั้นอยู่ด้านล่าง?” หยุนถิงถามเสียงเบา
อินทรีทองพยักหน้า หยุนถิงเข้าใจในบัดดล “ได้ ขอบใจมาก ลำบากเจ้าแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ” พูดพลางควักเนื้อแห้งออกมาถุงหนึ่งจากในอกเสื้อ
อินทรีทองอ้าปากคาบไว้ กระพือปีกอย่างดีใจก่อนจะกางปีกบินไปต้นไม้ใหญ่ด้านข้างกินเนื้อแห้งต่อ
“สถานการณ์ด้านล่างไม่แน่ชัด ตอนนี้ยิ่งเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ป่าดำมืดไปทั้งแถบ หากมีง
พิษหรือสัตว์ร้ายก็จะไม่ปลอดภัยอย่างมาก พวกเราค้างคืนบนต้นไม้ดีกว่า รอฟ้าสางค่อยลงไป” โม่เหลิ่งเหยียนเสนอ
“ได้” หยุนถิงรีบควักผงกำมะถันใส่ตนเองเล็กน้อย ก่อนยื่นให้โม่เหลิ่งเหยียน
พวกหลงยีที่ตามมารีบเข้ามาทันที พอได้ยินว่าผู้ที่ควบคุมซื่อจื่ออยู่ด้านล่าง พวกหลงยีเคียดแค้นยิ่งนักแต่ไม่ได้วู่ว่าม ฟังคำสั่งหยุนถิงพากันหลบขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ
เวลาค่อยๆผ่านไป ไม่นานฟ้าก็สาง
พวกหยุนถิงรีบกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ทันที ทุกคนแยกย้ายกันตามหา
ไม่นานโม่เหลิ่งเหยียนก็พบว่าห่างไปไม่ไกลมีถ้ำ หยุนถิงไม่ได้รีบเข้าไปทันที แต่มองทิศทางลม และควักขวดหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อสาดผงยาไปในอากาศ รอครู่หนึ่งถึงได้พาทุกคนไป
ถ้ำไม่ใหญ่มาก ในนั้นยังจุดกองไฟไว้ รอบด้านเรียบง่ายยิ่งนัก มีโต๊ะไม้ ถาด ชามเก่าคร่ำอยู่ ยังมีกระบอง ไม้ เสื้อผ้าอยู่
บนพื้นหญ้าที่ห่างไปไม่ไกล มีคนหนึ่งนอนอยู่ คนผู้นั้นอยู่ในชุดดำ หันหลังให้พวกเขา มองไม่เห็นใบหน้าเขา
หยุนถิงสีหน้าเย็นชา ส่งสัญญาณมือให้หลงยี
องครักษ์เงามังกรหลายคนเข้าใจ รีบกระจายไปห้อมล้อมไว้ซ้ายขวา คนหนึ่งไปที่ทางเข้าถ้ำ อีกคนไปในถ้ำ กลัวเขาจะหนีออกทางออกอื่น
โม่เหลิ่งเหยียนคว้าแขนหยุนถิงไว้ทันที ให้นางอยู่ด้านหลังตน คนอื่นพากันขยับเข้าใกล้
หมอตี๋ที่นอนอยู่บนพื้นสีหน้าซีดเผือด หน้าผากมีเหงื่อผุดเต็มไปหมด เขาที่กำลังทรมานนักพลันได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังตนเบิกตากว้างขึ้นทันที ดวงตาดำขลับฉายแววเหี้ยมเกรียม
ในตอนที่กระบี่ยาวในมือหลงยีจะแทงลงไป หมอตี๋พลันลุกขึ้น ถีบใส่ทันที
หลงยีหลบทันที หมุนตัวจะแทงอีกครั้ง
พอคนอื่นเห็น ก็รีบเข้ามาช่วยกัน พากันโจมตีใส่หมอตี๋
“เจ้ารอที่นี่อย่าไปไหน!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดจบ จากนั้นเข้าไปช่วยด้วย
หยุนถิงไม่ได้ขยับ เธอไม่มีกำลังภายใน ไปก็มีแต่จะเป็นภาระ มีหลงยีกับโม่เหลิ่งเหยียนอยู่ หยุนถิงวางใจ
หมอตี๋ต่อสู้อย่างดุเดือด โต้ตอบ แต่ละกระบวนท่าถึงชีวิต แต่พวกหลงยีเองก็ใช่ย่อย ทำให้เขาเองก็ไม่ได้เปรียบอะไรเลย
ประกายคมดาบกระบี่ฟาดฟันกัน ดุเดือดยิ่งนัก
ไม่นานหมอตี๋ก็เสียเปรียบ หลายวันก่อนเขาลอบโจมตีหยุนถิงโดนยิงเข้าที่ไหล่ได้รับบาดเจ็บ จนถึงตอนนี้ยังไม่หายเลย หาหมอกี่คนก็ไม่มีประโยชน์ กระทั่งตนใช้มีดสั้นแหวกแผลยังเอาสิ่งนั้นออกมาไม่ได้ บัดนี้เขาไข้ขึ้นอย่างหนัก อ่อนเพลียไปทั้งร่าง เรี่ยวแรงค่อยๆหายไปด้วย เริ่มตาลายตาพร่า
หมอตี๋ไม่ทันระวัง โดนแทงเข้าที่ท้องหนึ่งที
“น่าตายนัก!” หมอตี๋ด่าออกมา จากนั้นก็สาดผงหนึ่งมา
พวกหลงยีหันหน้าหนีโดยพลัน หมอตี๋รีบหนีทันที
หยุนถิงไหนเลยจะยอมให้เขาหนี เข็มเงินในมือพลันซัดออกมาทันที หมอตี๋หลบไม่ทัน โดนเข้าไปอีกเข็ม เจ็บจนสีหน้าซีดเผือด ทำท่าจะล้มลงพื้น
เขารีบเอนพิงกำแพงข้างๆ ควักขลุ่ยในเอวออกมาเป่า
เสียงซวบซาบดังขึ้นจากจากด้านนอกถ้ำ หยุนถิงรู้ทันทีไม่ได้การแล้ว “ทุกคนระวัง!”
พอพูดจบ นกฝูงหนึ่งพุ่งเข้ามา โจมตีหยุนถิงทันที
“หยุนถิง ระวัง!” โม่เหลิ่งเหยียนรีบพุ่งเข้าไปทันที กระบี่ยาวในมือสะบัดรำ สกัดกั้นนกพวกนั้นไว้
พวกหลงยีรีบพุ่งเข้ามาทันที เพียงนกมีมากเกินไป โจมตีพวกเขาจากทุกทิศทาง พวกหลงยีได้แต่สะบัดกระบี่ยาวอย่างสุดชีวิต
หยุนถิงรีบเป่านกหวีดทันที ไม่นานอินทรีทองก็บินเข้ามา กระพือปีกพุ่งเข้ามาทันที
พอนกพวกนั้นเห็นพากันตะลึงอึ้งไปเลย รีบบินหนีอย่างอลหม่าน แต่อินทรีทองไม่ให้โอกาสพวกมันหนีเลยสักนิด พอกระพือปีก นกพวกนั้นก็โดนซัดลอยกระเด็น
หมอตี๋เคียดแค้นยิ่งนัก อินทรีทองน่าตายนี่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ เขารู้ดีว่าวันนี้ตนมิใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้ กำลังคิดหาโอกาสหลบหนี
โม่เหลิ่งเหยียนฟันเข้ามาทันที เท้าของหมอตี๋โดนฟันไปหนึ่งแผล เจ็บจนเขายืนไม่อยู่ ล้มลงไปกับพื้นทันที
กระบี่ยาวในมือโม่เหลิ่งเหยียนพาดไปที่คอเขาทันที “ยังคิดหนีอีก!”