จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 65 ข้ารักนางเจ้ามีความคิดเห็นหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 65 ข้ารักนางเจ้ามีความคิดเห็นหรือ
หยุนหลีมองหยุนถิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง จู่ๆ ก็รู้สึกว่านางไม่ได้น่าเกลียดชังขนาดนั้น : “ท่านพี่ เรื่องเมื่อครู่นี้เป็นข้าที่ผิดเอง ข้าไม่ควรจะพูดกับเจ้าแบบนั้น ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย”
ครั้งนี้ เป็นการขอโทษด้วยใจจริง
ยัยเด็กหยุนหลีคนนี้ไม่ได้มีแผนการอะไร เป็นคนที่ปากตรงกับใจ คิดอะไรก็พูดเช่นนั้น อันที่จริงแล้วนางไม่ได้เลวร้ายอะไร เป็นเพียงแค่บุตรสาวคนสุดท้องของจวนเฉิงเซี่ยงที่ถูกนางจ้าวรักใคร่จนเสียนิสัย บอกกับว่ามีหยุนหลิงคอยยุแหย่อยู่ข้างๆ เป็นธรรมดาที่จะถูกใช้เป็นหอก
“ในเมื่อเจ้าขอโทษข้าแล้ว เช่นนั้นเรื่องในวันนี้ก็ให้มันผ่านไป เจ้าไม่ได้ชอบดื่มชานมหรอกหรือ ต่อไปหากไปที่หอใต้หล้าเจ้าสามารถดื่มมันได้ฟรีเลยนะ เพียงแค่แจ้งชื่อข้าก็พอ” หยุนถิงกล่าวอย่างอ่อนโยน
“จริงหรือท่านพี่ ข้าไปดื่มได้ฟรีจริงๆ นะ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะดื่มจนเจ้าหมดตัวหรอกหรือ?” หยุนหลีมองเข้ามาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ข้ามีวัตถุดิบข้าจะกลัวอะไรล่ะ เจ้าจะดื่มเท่าไหร่ก็ได้ ขอเพียงแค่อย่าดื่มจนมากเกินไปก็พอ” หยุนถิงเอาป้ายขนหงส์มาแล้วเดินจากไป
กระทั่งหยุนหลีเห็นนางเดินหายไป ก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง
หยุนเฉิงเซี่ยงเห็นหยุนถิงออกมา เขาก็มองเข้าไปทันที : “ยัยหนู เอามาได้หรือไม่?”
“ท่านพ่อ เอามาได้แล้ว” หยุนถิงส่งยื่นให้
หยุนเฉิงเซี่ยงรับป้ายขนหงส์อันนั้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ : “นี่เป็นของที่แม่เจ้าทิ้งเอาไว้ให้เจ้า เจ้าจะต้องเก็บรักษามันไว้ให้ดี ต่อไปก็อย่าให้ใครอีก แล้วก็อย่าทำหายด้วย”
“ทราบแล้ว ท่านพ่อ” หยุนถิงกล่าวอย่างตื้นตันใจ
ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นโตมาด้วยกัน เมื่อโตขึ้นทั้งสองคนก็ต่างชื่นชอบกันและกัน จึงแต่งงานมีลูก เป็นความรักที่ดีอย่างมาก ทั้งสองคนมีความสุข จนคนอื่นๆ ต่างอิจฉา
อย่างไรก็ตามท่านแม่ของหยุนถิงป่วยหนัก ไม่ว่าท่านพ่อจะเชิญหมอมากี่คนแม้กระทั่งหมอหลวงก็ไม่เป็นผล สุดท้ายท่านแม่เจ็บป่วยหนักจนเสียชีวิต นี่เป็นความเจ็บปวดในใจของเฉิงเซี่ยงผู้นี้
หากไม่ใช่นางจ้าวที่เกลี้ยกล่อมหยุนถิงให้ชอบพอในตอนนั้น และปฏิบัติดีต่อนางเป็นอย่างยิ่ง หยุนเฉิงเซี่ยงก็คงไม่ยกให้นางเป็นฮูหยินหรอก
ฉะนั้นถึงแม้ว่าหยุนถิงจะไม่มีอะไรดีสักอย่าง ไม่เอาไหนและไม่มีประโยชน์ หยุนเฉิงเซี่ยงก็รักเป็นอย่างมาก
เห็นท่านพ่อของนางเป็นเช่นนี้ หยุนถิงก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร : “ท่านพ่อ ท่านแม่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ท่านอย่าเก็บมาคิดเลย กินมากๆ ดื่มมากๆ หน่อย มีเรื่องอะไรก็อย่าเก็บเอาไว้ในใจ รักษาสุขภาพเอาไว้ ยังต้องรอเป็นท่านตาอยู่นะ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า วางใจเถอะ นี่ไม่ใช่ว่าเห็นสิ่งของของนางหรอกหรือ ข้าจึงอดคิดถึงนางไม่ได้ ใช่สิ อาหารกลางวันทำเสร็จแล้วนะ ไปทานข้าวที่ห้องโถงด้านหน้ากันเถอะ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าว
“ตกลง”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวทานอาหารด้วยกันกับหยุนเฉิงเซี่ยง หยุนไห่เทียนก็มาเช่นกัน หยุนซูกับหยุนหลีก็ไปที่โถงด้านหน้าด้วย คุณชายหกและคุณชายห้าทยอยกันมานั่งประจำที่
คนอื่นไม่มา แน่นอนว่ามาแล้วหยุนถิงก็จะไม่ได้ต้อนรับ
“ยัยหนูกินเยอะๆ หน่อยนะ อาหารเหล่านี้เจ้าชอบกินที่สุดเลยนี่” หยุนเฉิงเซี่ยงพูดจบ ก็คีบนิ่งเป็ดให้หยุนถิงหนึ่งชิ้น
“ขอบคุณท่านพ่อ พวกเจ้าก็ทานเยอะๆ นะ” หยุนถิงคีบอาหารขึ้นมาทานโดยไม่เกรงใจ
“ท่านพ่อ ข้าก็อยากกินน่องเป็ดเช่นกัน” คุณชายหกกล่าวด้วยความโมโห
หากพี่ใหญ่ไม่ขวางเอาไว้ เขาจะต้องคิดบัญชีกับหยุนถิงแน่นอน อย่างไรเสียซื่อจื่อก็ยังอยู่ ระหว่างทางเมื่อครู่นี้หยุนไห่เทียนพาคุณชายหกไปพบหยุนอู๋เฟิง ดังนั้นเดิมทีแล้วคุณชายหกวางแผนที่จะหาเรื่องหยุนถิงก็รู้สึกอารมณ์เสีย
ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าแก้แค้นหยุนถิง แต่เขาก็ไม่ต้อนรับหยุนถิง
“เจ้าเองก็แขนยาวไม่ใช่หรือ คีบเองสิ” ใบหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเย็นชา
“ท่านพ่อ ข้าก็เป็นลูกของท่านนะ ทำไมท่านรักแต่ท่านพี่ล่ะ” คุณชายหกพูดฉีกหน้าออกมา
“ถิงเอ๋อร์เป็นบุตรสาวคนโตของข้า แน่นอนว่าข้าจะต้องรักนาง ทำไม เจ้ามีความคิดเห็นหรือ?” หยุนเฉิงเซี่ยงถามกลับ
“ข้าไม่กล้าหรอก” คุณชายหกกัดฟันพูด
หยุนถิงถูกท่านพ่อของตนเองทำให้ตลกขบขัน ได้พบเจอกับท่านพ่อที่เข้าข้างและรักใคร่นาง รู้สึกดีจริงๆ
“หยุนซูตอนนี้เจ้าทำงานอะไร?” จู่ๆ หยุนถิงก็เอ่ยปากขึ้นมา
มือที่ถือตะเกียบของหยุนซูแข็งทื่อ รีบตอบกลับอย่างเคารพว่า : “เรียนท่านพี่ ช่วงนี้ข้าทำงานเย็บปักถักร้อย ไม่ได้มีอะไร”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าวางแผนที่จะเปิดร้านชานมสองสามแห่ง ถึงเวลานั้นจะให้ร้านแก่เจ้าหนึ่งแห่ง ให้เจ้ามาเป็นผู้จัดการร้าน สองสามวันนี้เจ้าก็คิดถึงรูปแบบการตกแต่ง และวิธีการค้าต่างๆ”
“อย่าปักลายเขียนตัวอักษรทั้งวัน สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถหากินได้ ผู้หญิงยังต้องมีรายได้พึ่งพาตนเองได้ เช่นนี้ในอนาคตเจ้าจะได้ไม่ต้องไปพึ่งพาครอบครัวของสามี เมื่อเจ้ามีเงินเอง ไม่ว่าจะแต่งงานกับใครตนเองก็จะเป็นใหญ่สุด” หยุนถิงกล่าว
หยุนซูมองนางด้วยความตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากท่านพี่ และคาดไม่ถึงว่านางจะพูดกับตนเองเช่นนี้
“ท่านพี่ ข้า หากข้าทำได้ไม่ดีล่ะ การค้าขายของเจ้าจะไม่ล่าช้าเสียเวลาหรือ อย่างไรเสียข้าก็ไม่เคยทำมาก่อนนะ?” หยุนซูเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“ไม่เห็นจะเป็นไร ขาดทุนก็คือขาดทุน ข้าไม่ได้ขาดแคลนเงินเล็กน้อยเช่นนี้หรอก ถือว่ามันเป็นการฝึกฝีมือให้กับเจ้า ผู้หญิงตระกูลหยุนของเราจะต้องไม่เหมือนกับลูกคุณหนูผู้ร่ำรวย ที่ทำได้เพียงเล่นพิณเล่นหมากรุกคัดลายมือและวาดภาพ และผู้หญิงที่เย็บปักถักร้อย สิ่งเหล่านั้นเป็นของที่สวยแต่รูปจูบไม่หอม
ยังจะต้องเรียนรู้วิธีหาเงิน เมื่อเจ้ามีเงิน ก็จะมีฐานะโดยธรรมชาติ ถึงเวลานั้นคนอื่นจะมองเจ้าสูงส่ง ฉวยโอกาสตอนที่พวกจ้ายังไม่มีเหย้ามีเรือน รีบทำการฝึกฝน ไม่แน่ว่าตระกูลหยุนของเราอาจจะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศก็ได้” หยุนถิงกล่าวหยอกล้อ
คนพูดไม่คิด แต่คนฟังกลับคิด
มือของหยุนซูที่ถือตะเกียบอยู่สั่นเทา นางไม่รู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร
หลายปีมานี้ นางจ้าวอมเงินเดือนนางกับแม่มาตลอด แม้กระทั่งคนรับใช้ในจวนยังชักสีหน้าใส่พวกนางแม่ลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่แม่ป่วยเมื่อไม่นานมานี้ แม้แต่เงินที่จะจ้างหมอพวกเขาก็ไม่มี ทำได้เพียงแบกรับเอาไว้ ด้วยเหตุนี้แม่ของนางจึงเป็นโรคเรื้อรัง
ไม่ว่าเหตุใดจู่ๆ ท่านพี่จึงจะเลื่อนตำแหน่งให้นางอย่างกะทันหัน และไม่ว่าท่านพี่จะมีจุดประสงค์ใด ในเมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้านางแล้ว หยุนซูจะต้องคว้ามันไว้
“ตกลง ข้าจะพยายามทำให้ที่สุด จะไม่ทำให้ท่านพี่ต้องผิดหวังอย่างแน่นอน” หยุนซูพูดอย่างจริงจัง
“แน่นอนว่าข้าเชื่อใจเจ้า สองสามวันนี้ท่านพ่อช่วยบอกวิธีการทำการค้าให้กับน้องหญิงสามด้วยนะ จะได้ให้นางทำความคุ้นเคยสักเล็กน้อย” หยุนถิงกล่าว
“ได้ ตามใจเจ้า สองสามวันข้าไม่มีเรื่องในราชสำนักพอดี” หยุนเฉิงเซี่ยงเห็นด้วย และมองไปที่หยุนถิงอย่างชื่นชม
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหลังจากที่บุตรสาวคนนี้แต่งงานกับซื่อจื่อ ก็ฉลาดยิ่งขึ้น และยังรู้จักที่จะทำการค้าโดยการเปิดร้านชานม มีฝีมือความสามารถจริงๆ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่ายัยเด็กคนนี้จะทำเงินได้หรือขาดทุนในอนาคต แต่นางพูดออกมาเช่นนี้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะยืนยันการเติบโตเป็นผู้ใหญ่และวิสัยทัศน์ของนาง หยุนเฉิงเซี่ยงรู้สึกชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรจวนซื่อจื่อก็มีเงิน มันก็ไม่แย่เลย
“ท่านพี่ จ้าก็อยากไปเป็นผู้จัดการร้านเช่นกัน เจ้าช่วยเปิดร้านให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?” หยุนหลีอดไม่ได้ที่จะถาม
เพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ หยุนหลีก็ก้มหน้าลง นึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตนเองกับหยุนถิงก็เคยทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน จึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย และยังบอกนางว่าให้ดื่มชานมโดยไม่คิดเงิน นางจะได้คืบจะเอาศอกได้อย่างไรกัน
หยุนถิงมองนางที่มีท่าทีเขินอาย จึงยิ้มและกล่าวว่า : “นิสัยของเจ้าเป็นคนตรงไปตรงมา และใจร้อน ไม่เหมาะกับเป็นผู้จัดการร้านหรอก เจ้ารู้ศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่หรือ ไปเป็นผู้พิทักษ์เถอะ ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของร้าน หากว่ามีใครไปก่อกวนหรือไม่จ่ายเงิน ก็จัดการเขาให้ออกไปเลย แล้วก็ไม่ต้องไปทุกวันหรอก เวลาที่ไม่มีธุระอะไรก็ค่อยไปดูก็ได้”
“ขอบคุณท่านพี่ ข้ารับรองว่าจะดูแลร้านเป็นอย่างดี” หยุนหลีดีใจเป็นอย่างยิ่ง