จอมนางข้ามพิภพ - บทที่617 หยุนถิงหายตัว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่617 หยุนถิงหายตัว
“ถูกต้อง ข้าจะกลับคำ หากเจ้าออกไปตอนนี้ข้าก็ถือว่าคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มิฉะนั้นขอแค่ข้าตะโกนหนึ่งคำ ฝ่าบาทและจวินซื่อจื่อที่อยู่ด้านนอกก็จะเข้ามาทันที ถึงตอนนั้นเจ้าอยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว!” แม้ว่าเฟิ่งจาวหยีอ่อนแอ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เป็นความจริงที่ก่อนหน้านี้ได้ทำข้อตกลงกับคนคนนี้ไว้ ให้เขาช่วยจัดการหยุนถิง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหยุนถิงจะช่วยลูกของตัวเองอย่างไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่า ซึ่งทำให้เฟิ่งจาวหยีโทษตัวเอง รู้สึกผิด ซาบซึ้งและสะเทือนใจยิ่งนัก
บางทีอาจเป็นเพราะทั้งคู่ต่างก็กำลังตั้งครรภ์ และกำลังจะเป็นแม่คน ดังนั้นในเวลานี้ เฟิ่งจาวหยีถึงได้ทุ่มสุดตัว นางจะต้องช่วยหยุนถิงไว้ให้ได้
ถ้าหยุนถิงถูกคนคนนี้ลักพาตัวไปจริง อาจมีเพียงทางตายทางเดียวแน่เลย
คนคนนั้นทำหน้าโหดเหี้ยมและหมดความอดทน เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งจาวหยีจะกลับคำจริงๆ ดวงตามีร่องรอยของความชั่วร้ายและความโหดเหี้ยมแวบผ่านไป
“ได้ ในเมื่อเจ้ากลับคำ งั้นข้าก็วางนางลง!” คนคนนั้นพูดพร้อมทำท่าทางวางหยุนถิงลง แต่ทันใดนั้นมืออีกข้างกลับหยิบดาบสั้นในแขนเสื้อออกมา และแทงเข้าไปที่หน้าออกของเฟิ่งจาวหยีอย่างแรง
เดิมทีเฟิ่งจาวหยีก็อ่อนแออยู่แล้ว จะไปคิดได้อย่างไรว่าเขาจะลงมือกับตัวเองอย่างกะทันหัน ความเจ็บปวดจุกเสียดอย่างรุนแรงที่หน้าอก เฟิ่งจาวหยีมองดูดาบสั้นที่แทงเข้าหน้าออกของตัวเองด้วยความตกตะลึง
“เจ้า เจ้า——”
“ข้าเกลียดคนอื่นมาข่มขู่ที่สุด ข้าวางแผนมานานขนาดนี้ก็เพื่อจะจับหยุนถิง เจ้าคิดว่ามาข่มขู่ข้าเพียงสองสามคำข้าก็จะปล่อยคนไปหรือ อย่าคิดเพ้อเจ้อไปเลย เจ้าเป็นคนรนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็โทษข้ามิได้แล้ว!” คนคนนั้นทำเสียงเชอะอย่างเหยียดหยาม ดึงดาบสั้นออกมา และในขณะเดียวกันก็เอามืออีกข้างปิดปากเฟิ่งจาวหยี
เฟิ่งจาวหยีไม่มีแม้แต่โอกาสจะตะโกน จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเคียดแค้น จากนั้นคนทั้งคนก็ล้มลงนอนบนเตียงโดยขยับไม่ได้
นางทำได้เพียงมองดูคนคนนั้นลักพาตัวหยุนถิงไป และจากไปจากห้องลับข้างๆ เฟิ่งจาวหยีอยากตะโกน แต่ก็ตะโกนไม่ออก อยากขอความช่วยเหลือก็ขยับไม่ได้ จึงได้แต่เฝ้าดูหยุนถิงถูกเขาพรากไป
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหน้าอกของนาง เปื้อนผ้านวมผืนใหญ่จนแดงไปหมด สยดสยองสยองขวัญยิ่งนัก
นาง ตายตาไม่หลับ
จวินหย่วนโยวกับฝ่าบาทและคนอื่นๆที่รออยู่นอกประตูไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้อง เพราะชายหญิงแตกต่างกัน แถมทักษะทางการแพทย์ของหยุนถิงก็เป็นที่รู้จักกันดี ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้คิดมาก
ประมาณเวลาหนึ่งก้านธูป จวินหย่วนโยวก็ยังไม่เห็นหยุนถิงออกมา จึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย”ฝ่าบาท หรือว่าจะให้หมอหลวงหลิวเข้าไปดูหน่อย หากว่าถิงเอ๋อร์ต้องการผู้ช่วย หมอหลวงหลิวก็สามารถช่วยนางได้!”
ฝาบาทเองก็เข้าใจความคิดของจวินหย่วนโยวเหมือนกัน เขาก็กังวลเช่นกัน หลังจากรอมานานขนาดนี้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาเองก็ต้องกังวลอยู่แล้ว
“หมอหลวงหลิวเจ้าเข้าไปดูหน่อย หากหยุนถิงต้องการความช่วยเหลือใดๆ เจ้าต้องช่วยอย่างสุดกำลัง!” ฝ่าบาทสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงหลิวเข้าไปทันที
เมื่อเปิดประตูเข้าไป หมอหลวงหลิวก็ตกใจมากกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาก คนทั้งคนทรุดลงกับพื้น
“ฝ่าบาท แย่แล้วฝ่าบาท เฟิ่งจาวหยีนาง นาง——–”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หัวใจของจวินหย่วนโยวก็เต้นรัว รีบวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจฝ่าบาท
สีหน้าของฝ่าบาทเย็นชาลง แม้ว่าจะโกรธความไร้มารยาทของจวินหย่วนโยว แต่ก็มิได้ถือสาอะไร ยกเท้าแล้วเดินเข้าไป
ทว่าหลังเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้อง ฝ่าบาทก็ตัวแข็งทื่อไปหมด
บนเตียงในห้อง หน้าอกของเฟิ่งจาวหยีเต็มไปด้วยเลือด นอนนิ่งไม่ขยับ ข้างๆก็ไม่เห็นของหยุนถิง
“ทำไม ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เร็วเข้า หมอหลวงหลิวรีบไปดูเฟิ่งจาวหยี!” ฝ่าบาทออกคำสั่ง
หมอหลวงหลิวเดินไปอย่างสั่นเทา เอื้อมมือไปแตะคอของเฟิ่งจาวหยี สีหน้าของมืดครึ้มลง”ฝ่าบาท จาวหยีไม่มีชีพจรแล้ว และร่างกายก็เย็นเล็กน้อย คงตายไปพักหนึ่งแล้ว”
คำพูดนี้เหมือนดั่งสายฟ้าที่ผ่าลงมาใส่หัวใจของฝ่าบาท ฝ่าบาทเกือบจะล้มลงกับพื้น โชคดีที่ซูกงกงตาเฉียบแหลมพยุงเขาไว้อย่างรวดเร็ว”ฝ่าบาท!”
“ถิงเอ๋อร์ ถิงเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวตื่นตระหนกทันที เฟิ่งจาวหยีเป็นเช่นนี้ งั้นถิงเอ๋อร์ก็คงต้องเกิดเรื่องแล้วแน่
จวินหย่วนโยวรรีบหาไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่พบหยุนถิง ตอนนี้หัวใจของจวินหย่วนโยวบีบแน่นมาก เขารีบออกไป
“หลิงเฟิง รีบสั่งให้องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับทั้งหมดค้นวังเพื่อตามหาซื่อจื่อเฟย และส่งคนไปปิดล้อมประตูของตำหนักแต่ละแห่ง ห้ามมิให้ผู้ใดออกไป!”
หลิงเฟิงก็สีหน้าตึงเครียดเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าซื่อจื่อเฟยจะเกิดเรื่องจริงเลย เขาจึงรีบไปรวบรวมคน
“ทหาร เรียกรวบรวมกองทัพหลวงทั้งหมด ต้องหาฆาตกรที่ฆ่าเฟิ่งจาวหยีให้ได้ และยิ่งต้องหาหยุนถิงให้เจอ!” ฝ่าบาทคำรามด้วยความโกรธ
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ที่ประตูไปทำทันที
ฝ่าบาทเศร้าโศกเสียใจและยิ่งโกรธมาก”คนกันแน่ที่กล้าฆ่าเฟิ่งจาวหยีต่อหน้าต่อตาข้า และลักพาตัวหยุนถิงไป?”
จวินหย่วนโยวไม่มีเวลามาตอบ รีบตามคนไปหาคน เขาเดินเร็วมาก และในขณะที่เดินก็ดึงสัญญาณที่อยู่ข้างเอวและปล่อยขึ้นไปบนฟ้า
ควันสีขาวระเบิดกลางอากาศ ในที่สุดก็กลายเป็นดอกไม้ไฟรูปดาว
ทันทีที่สัญญาณออกมา องครักษ์ลับและองครักษ์คนอื่นๆที่อยู่ในเมืองหลวงของจวินหย่วนโยว และยังมีกองทัพขนหงส์ที่อยู่ในเมืองหลวงของหยุนถิง ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆเห็นสัญญาณ ต่างก็หยุดงานในมือทั้งหมด เอาอาวุธไว้แล้วไปที่พระราชวัง
โม่เหลิ่งเหยียนในค่ายทหารกำลังฝึกกองทัพแทนหยุนไห่เทียน เมื่อเห็นสัญญาณกลางอากาศ สีหน้าของเขาก็เย็นชาลง นัยน์ตาที่มืดทึบของเขาก็คมชัดและตื่นตระหนกในทันที เขาไม่อาจสนใจเรื่องการฝึกทหารได้อีก โม่เหลิ่งเหยียนก็รีบขี่ม้าและตรงไปยังเมืองหลวงทันที
นี่คือสัญญาณฉุกเฉินของจวนซื่อจื่อ หรือว่าหยุนถิงเกิดเรื่องแล้ว?
ใจของโม่เหลิ่งเหยียนอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก กังวลมาก และเฝ้าภาวนาในใจว่าอย่างเกิดอะไรขึ้นกับหยุนถิงเด็ดขาด หวังว่าจะเป็นเขาตกใจไปเปล่าๆเอง
จวนหลีอ๋อง
โม่ฉือหานกำลังจัดการกับเรื่องต่างๆ และเมื่อได้องครักษ์คนสนิทรายงานสัญญาณนั้น สีหน้าก็จริงจังมาก
เขาคบค้าสมาคมกับจวินหย่วนโยวมาเป็นเวลาหลายปี แม้จะไม่รู้ความเชื่อมโยงระหว่างองครักษ์เงามังกรอย่างแน่ชัด แต่ก็รู้ว่านั่นเป็นสัญญาณด่วนที่สุดจากจวนซื่อจื่อ
“หรือว่าหยุนถิงเกิดเรื่องแล้ว?” โม่ฉือหานนึกถึงเช่นนี้ ก็รีบทิ้งสาส์นที่กราบทูลในมือทันที และเดินตรงไปยังทิศทางของสัญญาณ
พระราชวังในขณะนี้ องครักษ์ลับ องครักษ์เงามังกรของจวนซื่อจื่อ กองทหารหลวงของหลวงต่างก็ออกตัวกันหมด ค้นหาไปทีละตำหนัก และเฝ้าประตูวังทั้งหมดไว้ ไม่ต้องพูดถึงคนเลย แม้แต่แมลงวันตัวหนึ่งก็ยังไม่สามารถออกไปได้ กล่าวได้ว่าล้อมผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น
จวินหย่วนโยวนำผู้คนค้นหาสถานที่ที่น่าสงสัยไปทีละแห่งด้วยตนเอง เดินจนฝ่าเท้าปวดเมื่อยไปหมด แต่เขาก็มิได้หยุดลง และยิ่งไม่กลัวหยุดลง
สามารถลักพาตัวหยุนถิงไป และฆ่าเฟิ่งจาวหยีไปต่อหน้าต่อตาตัวเองเช่นนี้ โดยไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ เห็นได้ชัดว่าฝีมือของอีกฝ่าบนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด แถมเหนือกว่าตัวเอง
เมื่อคิดถึงว่าหยุนถิงยังตั้งครรภ์อยู่ จวินหย่วนโยวก็กังวลยิ่งนัก และยิ่งเกลียดความสะเพร่าของตัวเอง หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้เขาก็ควรตามเข้าไป ตอนนี้ถิงเอ๋อร์หายตัวไป จวินหย่วนโยวเสียใจภายหลัง และโทษตัวเอง รู้สึกผิด เป็นห่วง จนเขาตบหน้าตัวเองสองครั้ง
“ซื่อจื่อ ท่านอย่าโทษตัวเองไปเลย ซื่อจื่อเฟยเป็นคนดีคนดีผีคุ้ม ต้องไม่เป็นไรแน่นอน” หลิงเฟิงพูดปลอบโยน
เฟิ่งจาวหยีถูกฆ่าตาย ถิงเอ๋อร์จะไม่เป็นไรได้อย่างไร ผียังไม่เชื่อเลย จวินหย่วนโยวเดินต่อไป และเห็นเหมยเฟยที่เดินตรงมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเฟยเห็นจวินซื่อจื่อตื่นตระหนกเช่นนี้”จวินซื่อจื่อ เกิดอะไรขึ้น?”