จอมนางข้ามพิภพ - บทที่616 อย่าทำร้ายนาง ปล่อยนางลง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่616 อย่าทำร้ายนาง ปล่อยนางลง
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชาลงทันที”ไม่ได้ ซื่อจื่อเฟยจะเข้าวังไม่ได้ นางไม่สบาย!”
คงอู๋ไต้ซือกำชับว่าพระราชวังและตระกูลหยุนต่างก็เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ตอนนี้ถิงเอ๋อร์มาถึงตระกูลหยุนแล้ว แต่ก็จะถูกเรียกเข้าวังอีก จวินหย่วนโยวอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก
หรือว่า ชั่วกัลป์ของถิงเอ๋อร์กำลังจะมาถึงแล้วจริง?
ซูกงกงทำสีหน้สลำบากใจ และคุกเข่าลงให้จวินหย่วนโยวทันที”จวินซื่อจื่อโปรดอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย วันนี้จู่ๆฉินเฟยก็ผลักเฟิ่งจาวหยีตกบันได เฟิ่งจาวหยีกำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้ผู้ใหญ่และเด็กต่างก็ตกอยู่ในอันตราย ทำให้เสียเลือดมาก หมอหลวงในวังต่างก็ไม่มีวิธี ดังนั้นฝ่าบาทจึงได้ให้บ่าวมาเชิญซื่อจื่อเฟย
เว้นแต่ซื่อจื่อเฟยจะหมดสติไป มิฉะนั้นคงต้องไปด้วยตนเองแน่นอน จวินซื่อจื่อโปรดให้ความสะดวกด้วย นั่นเป็นชีวิตคนสองชีวิต บ่าวเห็นว่าสีหน้าของซื่อจื่อเฟยแดงก่ำ ก็ยังสามารถมาเข้าร่วมงานแต่งของแม่ทัพหยุนได้ ไม่เหมือนไม่สบาย”
“ท่านพี่ ก็แค่เข้าวัง เฟิ่งจาวหยีเป็นผู้หญิง ดังนั้นหมอหลวงก็ไม่ค่อยสะดวกนัก ท่านไปกับข้า” หยุนถิงกล่าว
เขาเพียงแค่เป็นห่วงซื่อจื่อเฟยเป็นห่วงท้องของนาง อายุครรภ์เยอะแล้วไม่ปลอดภัย
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึม หากไปก็กลัว่าหยุนถิงจะไม่ปลอดภัย ไม่ไปก็ถือเป็นการขัดขืนราชโองการ แม้ว่าเขาจะไม่เกรงกลัวฝ่าบาท แต่จวนซื่อจื่อและจวนตระกูลหยุนคงต้องเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน ส่วนหยุนถิงก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวของนางมากที่สุด
“ได้ ข้าไปกับเจ้า!” จวินหย่วนโยวยอมประนอม
“ขอบคุณท่านพี่” หยุนถิงกล่าว
ซูกงกงลุกขึ้นจากพื้นทันที และมองดูหยุนถิงอย่างซาบซึ้ง”ขอบคุณซื่อจื่อเฟย”
จวินหย่วนโยวส่งสัญญาณด้วยสายตาให้หลิงเฟิง หลิงเฟิงก็เข้าใจทันทีและแจ้งให้ทุกคนที่อยู่ในที่ลับของจวนตระกูลหยุนย้ายไปที่วังกันหมด
ที่ประตูจวนตระกูลหยุน จวินหย่วนโยวพยุงหยุนถิงขึ้นรถม้า ซูกงกงก็เหลือบไปเห็นท้องที่อยู่ใต้เสื้อผ้าหลวม ๆ ของหยุนถิง และรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
“ซื่อจื่อเฟย นี่ท่าน?”
หยุนถิงยิ้มจางๆ “ข้าตั้งครรภ์แล้ว หลายเดือนแล้ว กงกงโปรดช่วยข้าปิดบังด้วย หลายปีที่ผ่านมานี้ซื่อจื่อล่วงเกินคนมาไม่น้อย ข้าไม่อยากให้คนอื่นรู้”
ซูกงกงเข้าใจทันที”ซื่อจื่อเฟยไว้ใจ บ่าวไม่เห็นอะไรเลย”
คิดไม่ถึงเลยว่าซื่อจื่อเฟยจะตั้งครรภ์แล้ว แถมยังปิดบังได้ดีขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลย ซื่อจื่อเฟยที่จะไปงานเลี้ยงวังในทุกครั้งนั้นช่วงหลายครั้งมานี้กลับไม่ปรากฏตัวเลย
“ขอบคุณ!”
ระหว่างทาง ซูกงกงยังให้คนขับรถม้าขับช้าๆหน่อย กลัวว่าจะทำให้หยุนถิงกระแทกโดน
พระราชวัง
เมื่อหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวมาถึง ก็เห็นฝ่าบาทรออยู่ข้างนอก ชี้ไปที่หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและด่าว่าสาปแช่ง”พวกไร้ประโยชน์ แม้แต่เด็กคนหนึ่งก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ ข้ามีพวกเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร?”
แพทย์ของจักรพรรดิทุกคนหน้าซีดด้วยความตกใจ และไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
“ฝ่าบาท ซื่อจื่อเฟยเสด็จมาแล้ว!” ซูกงกงวิ่งเหยาะๆ
เมื่อฝ่าบาทเห็นหยุนถิง ก็เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต”หยุนถิง เจ้ารีบไปดูเฟิ่งจาวหยี ต้องปกป้องลูกของข้าให้ได้!”
“เพคะ!” หยุนถิงเดินเข้าไปทันที
จวินหย่วนโยวอยากตามไป แต่ถูกฝ่าบาทห้ามไว้”จวินหย่วนโยว เจ้าตามไปทำอะไร ด้านในนั้นเป็นจาวหยีของข้า เจ้าผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปเหมาะสมหรือ!”
จวินหย่วนโยวมัวแต่เป็นห่วงหยุนถิง จะไปคิดอะไรเยอะขนาดนี้”ฝ่าบาททรงยกโทษให้ข้าด้วย กระหม่อมก็แค่เป็นห่วงซื่อจื่อเฟย”
“นี่คือพระราชวังของข้า และคนที่นอนอยู่ข้างในนั้นก็เป็นจาวหยีของข้า หยุนถิงก็แค่เข้าไปตรวจรักษาให้นาง มีอะไรน่าเป็นห่วง หรือว่าเจ้ากลัวข้าจะคิดร้ายหยุนถิง!” ฝ่าบาทพูดอย่างโกรธเคือง
“เป็นกระหม่อมที่เสียมารยาทไปเอง กระหม่อมรู้ผิดแล้ว โปรดฝ่าบาทลงโทษ!” จวินหย่วนโยวกล่าว
“เอาล่ะ ข้าไม่มีเวลามาลงโทษเจ้า ข้าหวังเพียงว่าหยุนถิงจะสามารถรักษาเด็กคนนี้ไว้ได้ พระราชวังไม่มีทายาทมานานแล้ว” ฝ่าบาทถอนหายใจ
จวินหย่วนโยวไม่พูดอะไรอีก มองดูห้องที่หยุนถิงเดินเข้าไป ดวงตาที่ดำสนิทนั้นจ้องมองตรงไปที่ประตูที่ปิดแน่นไว้
บางทีเขาอาจจะกังวลมากเกินไป เฟิ่งจาวหยีเกิดเรื่องแม้แต่เตียงก็อาจลงมิได้ด้วยซ้ำ ผู้ที่อยู่รับใช้ต่างก็เป็นนางกำนัลและมามา พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถิงเอ๋อร์ จวินหย่วนโยวคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกกังวลน้อยลง
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ จวินหย่วนโยวก็รู้สึกถึงความไม่สบายใจและหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก
ในห้อง
เฟิ่งจาวหยีบนที่อยู่เตียงหน้าซีดขาวและอ่อนแอมาก สาวรับใช้สองคนและมามาคนหนึ่งกำลังรับใช้อยู่ หมอหลวงหลิวก็อยู่ที่นั่นด้วย
“หมอหลวงหลิว อาการเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนถิงถาม
“กระหม่อมสามารถรักษาไว้เพียงผู้ใหญ่ หลังผ่านการล้มอย่างแรงมาเด็กคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว กระหม่อมเต็มที่แล้วจริง” หมอหลวงหลิวกล่าวโทษตัวเอง
“พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้ามาดูเฟิ่งจาวหยีเอง” หยุนถิงรีบช่วยเฟิ่งจาวหยีจับชีพจรดูทันที
หมอหลวงหลิวเหมือนได้รับการนิรโทษกรรม รีบออกไปโดยเร็วทันที นางกำนัลและมามาก็ตามออกไป
“หยุนถิง เจ้ามาดูเรื่องตลกของข้าสินะ?” เฟิ่งจาวหยีพูดอย่างอ่อนแรง
“ข้าไม่อยากช่วยเจ้าจริง แต่เด็กนั้นไร้ความผิด ข้าจะพยายามช่วยเขาอย่างสุดกำลัง ก็ถือเป็นการสร้างสมบุญบารมีให้กับเด็ก” หยุนถิงตอบ
เฟิ่งจาวหยีตกตะลึง ประหลาดใจ เหนือความคิดหมาย นางคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะพูดเช่นนี้ มองดูนางจับชีพจรให้ตัวเอง ในขณะนี้เฟิ่งจาวหยีรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
หากเป็นตัวเอง คงจะเห็นตายแล้วไม่ช่วยอย่างแน่นอน แต่นางกลับ—–
หยุนถิงช่วยเฟิ่งจาวหยีจับชีพจรเสร็จ จากนั้นก็ยื่นมือไปจับหน้าท้องของเฟิ่งจาวหยี เพื่อช่วยนางตรวจสอบอย่างละเอียด จากนั้นก็มองดูกางเกงเปื้อนเลือดที่อยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง
นางไม่ทันได้คิดอะไรเลย รีบหยิบยาป้องกันครรภ์ที่เอาไว้ติดตัวออกมาจากกระเป๋าทันที”ดื่มพวกนี้ให้หมดซะ!”
เฟิ่งจาวหยีขมวดคิ้ว”นี่คืออะไร เจ้าจะวางยาพิษให้ข้าหรือ?”
“ไม่อยากให้ลูกของเจ้าจากไปเช่นนี้ ก็ดื่มมันซะ มิฉะนั้นหากช้ากว่านี้อีกหน่อย ต่อให้เทพเซียนมาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
“เจ้า เจ้าหมายความว่าลูกของข้ายังสามารถมีชีวิตรอดได้หรือ แต่หมอหลวงหลิวพูดว่า——-” เฟิ่งจาวหยีถามด้วยความตกตะลึง
“เขาไม่มีวิธีเพราะเขาเป็นผู้ชายไม่สะดวก และทักษะทางการแพทย์ของข้าก็ดีกว่าเขา หากเจ้าไม่อยากได้เด็กคนนี้ ก็ไม่ต้องดื่ม!”
“ดื่ม ข้าดื่ม!” เฟิ่งจาวหยีรับยาป้องกันครรภ์มาอย่างอ่อนแรง และดื่มจนหมด
หยุนถิงรีบเอื้อมมือไปจับหน้าท้องของนางทันที ช่วยนางแก้ไขตำแหน่งของทารกในครรภ์ให้ตรงแล้วนวดอย่างระมัดระวัง
แต่เดิมท้องที่ยังปวดยิ่งนัก หลังผ่านการนวดของหยุนถิง เฟิ่งจาวหยีกลับรู้สึกว่าไม่เจ็บขนาดนั้นแล้ว ในขณะนี้ นางเชื่อจริงๆ ว่าหยุนถิงอยากช่วยนาง
เฟิ่งจาวหยีนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ร่วมมือใส่ร้ายหยุนถิงกับองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วนั้น ก็รู้สึกโทษตัวเองและรุ้สึกผิดยิ่งนัก นางกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งที่โผล่ออกมาจากหลังเตียง ก็ตกตะลึงในทันที
หยุนถิงจดจ่ออยู่กับการทำให้เด็กในครรภ์ของเฟิ่งจาวหยีอยู่ตรงเท่านั้น เพราะนางได้รับบาดเจ็บจากการล้มและอายุครรภ์ก็น้อย จึงประมาทไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ทันสังเกตถึงด้านหลัง
ขณะที่เฟิ่งจาวหยีกำลังจะพูดอะไร คนคนนั้นก็เอามือตีท้ายทอยหยุนถิงจนหมดสติไป จากนั้นยกหยุนถิงขึ้นแล้วจะจากไป
จากนั้นเฟิ่งจาวหยีจึงค่อยสังเกตเห็นท้องใต้เสื้อคลุมของหยุนถิง เมื่อเห็นท้องยื่นออกมาของนาง เฟิ่งจาวหยีก็ตกตะลึงไปหมด
หยุนถิงกำลังตั้งท้อง ท้องใหญ่ขนาดนี้คงจะใกล้คลอดแล้วสินะ
เมื่อครู่นางเพียงสนแต่ตัวเองไม่สบายและสงสัยว่าหยุนถิงคิดไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลย
เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นกำลังจะนำตัวหยุนถิงไป เฟิ่งจาวหยีก็ทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นนั่ง”อย่าทำร้ายนาง วางนางลง!”
คนคนนั้นมองอย่างเย็นชา”เฟิ่งจาวหยี เจ้าเป็นคนเริ่มที่จะร่วมมือกับข้าเอง อย่าบอกนะว่าเจ้าจะกลับคำ?”