จอมนางข้ามพิภพ - บทที่611 คุณหนูซูมีคู่หมั้นหมายหรือไม่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่611 คุณหนูซูมีคู่หมั้นหมายหรือไม่?
เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามา”ไม่ทราบว่าลูกค้าหาผู้จัดการร้านของพวกข้าทำไมหรือ เป็นเพราะเนื้อย่างนี้ไม่ถูกปากหรือเปล่า?”
“เสี่ยวเอ้ออย่าได้เข้าใจผิด ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าปิ้งย่างนี้รสชาติดีเกินไป จึงอยากพบผู้จัดการร้านสักหน่อย!” องค์หญิงหนานชวนกล่าว
“ได้เลย ข้าน้อยจะไปเรียกให้เดี๋ยวนี้เลย!” เสี่ยวเอ้อไปทันที
ไม่นาน ชายวัยกลางคนที่อายุประมาณสี่สิบกว่าๆก็เดินเข้ามา”แม่นาง ข้าเองผู้จัดการร้านของที่นี่ ได้ยินว่าพวกท่านพอใจกับปิ้งย่างของพวกข้ามาก กับแกล้มนี้ส่งให้แม่นางกิน!”
“ขอบคุณผู้จัดการร้าน พูดตามตรง ข้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนานชวน ที่พวกข้านั้นไม่มีปิ้งย่างรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าผู้จัดการร้านยินดีที่จะไปเปิดสาขาในเมืองของข้าหรือไม่ หรือว่าเจ้าเป็นพ่อครัว ส่วนร้านและแรงงานข้ามาจัดหาเอง?” องค์หญิงหนานชวนพูดอย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม
สีหน้าของผู้จัดการร้านแข็งทื่อ รีบโค้งคำนับทันที”ที่แท้เป็นองค์หญิงหนานชวนนั่นเอง ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้ ต้องไปถามแม่นางของข้า”
ขณะที่พูด หยุนซูก็เดินเข้ามาจากข้างนอก ผู้จัดการหลิวก็พูดขึ้นทันทีว่า “คุณหนูสาม ท่านนี่คือองค์หญิงหนานชวน นางอยากพูดคุยเรื่องธุรกิจกับท่าน!”
หยุนซูเดินมาทันที”องค์หญิงหนานชวนมาเยือน เป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก โต๊ะนี้ก็ถือว่าข้าเป็นคนเลี้ยงองค์หญิงหนานชวนเอง กินดื่มอย่างตามสบาย มิต้องเกรงใจ!”
องค์หญิงหนานชวนมองดูหยุนซู หน้าตาละเอียดอ่อน ออร่าสง่างาม ไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่ง ซึ่งทำให้นางประหลาดใจเล็กน้อย
“ตัวน้อยนิดเดียวเช่นเจ้ากลับบริหารจัดการร้านที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่ แถมยังทำได้อร่อยขนาดนี้ ข้านับถือยิ่งนัก มา ขอคารวะเจ้าแก้วหนึ่ง!” องค์หญิงหนานชวนกล่าวเทสุราให้นางชามหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็ยกขึ้นดื่ม
หยุนซูขมวดคิ้ว แต่ก็ยกชามนั้นขึ้นมา
“คุณหนูสาม ข้าดื่มแทนท่าน” ผู้จัดการหลิวพูดด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณลุงหลิว ข้าไม่เป็นไร” หยุนซูเชยคางดื่มมันลงไป ทันทีที่สุราลงคอก็ไออย่างรุนแรงทันที
เมื่อองค์หญิงหนานชวนเห็นเช่นนี้ “ทำไมไม่บอกแต่แรกว่าเจ้าดื่มสุราไม่ได้ เป็นข้าเองที่บุ่มบ่ามไป ขอโทษ”
ลุงหลิวยื่นน้ำเปล่าชามหนึ่งให้ หยุนซูดื่มไปสองสามจิบ จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย”ยากนักที่องค์หญิงหนานชวนจะมาเยือนที่ร้านปิ้งย่างนี้ของข้า และสนใจธุรกิจขนาดเล็กนี้ของข้า ข้าจะทำให้ท่านผิดหวังได้อย่างไร! ”
“ดี ด้วยคำพูดนี้ของเจ้า เจ้าคนนี้ข้าคบแน่นอน”องค์หญิงหนานชวนกล่าวอย่างกล้าได้กล้าเสีย
“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก”
หยุนซูนั่งลง ทั้งสองก็พูดคุยกัน ในระหว่างการสนทนานี้ ทั้งสองก็พบว่าพวกนางมีความชอบความสนใจที่เหมือนกันหลายอย่าง เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นเพื่อนเก่า พูดคุยกันอย่างมีความสุขยิ่งนัก อารมณ์ขององค์หญิงหนานชวนดีขึ้นมากในทันที
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน จ้าวเฉินเยวียนและจ้าวจิ่นที่อยู่นอกประตูก็เดินเข้ามา
จ้าวจิ่นมองเห็นองค์หญิงหนานชวนที่นั่งอยู่ตำแหน่งด้านในอย่างเร็ว รีบเดินไป”พี่หนานชวนท่านก็มากินปิ้งย่างหรือ ข้ากับพี่ใหญ่ได้ยินมาว่าปิ้งย่างร้านนี้ไม่เลวนัก จึงลองมาชิงดู หากไม่ถือสาก็นั่งด้วยกันเถอะ”
“แน่นอน ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว คนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุก” หนานชวนพูดอย่างตรงไปตรงมา
“หนานชวน ผู้นี้คือ?” จ้าวเฉินเยวียนมองดูหยุนซูที่อยู่ข้างๆ
นางสวมชุดม่วง หน้าตาละเอียดอ่อนและสง่างาม ออร่าสง่างามมีกลิ่นหอมและบริสุทธิ์ราวกับดอกกล้วยไม้ อ่อนโยนและสง่างาม
“นางคือหยุนซู เจ้ากรมของร้านปิ้งย่างนี้ เป็นเพื่อนใหม่ที่ข้าพึ่งคบ หยุนซู นี่คือจ้าวเฉินเยวียนกับจ้าวจิ่น” องค์หญิงหนานชวนแนะนำ
“เจ้าหรือน้องสามของหยุนถิง?” จ้าวเฉินเยวียนถามโดยจิตใต้สำนึก และเมื่อพูดคำนี้ออกมา เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองบุ่มบ่ามไป
“คุณหนูซูอย่างได้ถือสาไปเลย ข้าได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีร้านปิ้งย่างอยู่ร้านหนึ่งเป็นน้องสามของคุณหนูหยุนเป็นคนเปิดเอง ขายดียิ่งนัก หลายคนมาที่นี่ก็เพราะเลื่อมใสในชื่อเสียง ตื่นเต้นจนลืมบันยะบันยังไป คุณหนูซูอย่างได้ถือสาเลย”
“คุณชายจ้าวเกรงใจเกินไปแล้ว หยุนถิงเป็นพี่ใหญ่ของข้า เป็นเพราะทุกคนที่คอยดูแลกิจการของข้า ถึงได้เป็นที่นิยมมากในตอนนี้” หยุนซูพูดอย่างถ่อมตัว
จ้าวเฉินเยวียนเห็นว่านางจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย สงบและใจเย็น ถ่อมตัวและไม่หยิ่งยโส เขาคิดไม่ถึงว่าบุตรีอนุภรรยาคนหนึ่งยังมีความคิดจิตใจเช่นนี้ด้วย
“เช่นนั้นก็รบกวนคุณหนูสามนำอาหารเด่นของทางร้านมาให้ชิมหน่อย ให้ข้ากับพี่ใหญ่ได้แก้ความอยากกินสักหน่อย!” จ้าวจิ่นพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ได้” หยุนซูเรียกผู้จัดการร้านมา และกำชับสั่งเสีย
หลังจากนั้นไม่นาน เนื้อหั่นเป็นแผ่นๆและอาหารเด่นต่างๆก็ถูกนำออกมาวาง ยังมีชานมด้วย จ้าวจิ่นกินอย่างเอร็ดอร่อย ชมแล้วชมอีก จ้าวเฉินเยวียนเองก็ประหลาดใจและดีใจยิ่งนัก
หลังอาหาร ทุกคนก็กินอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เดิมทีหยุนซูบอกว่าจะเลี้ยงพวกเขา แต่ก่อนจากไปจ้าวเฉินเยวียนก็ยืนยันที่จะให้เงิน ผู้จัดการหลิวจึงรับเอาไว้
หลังจากกลับไป จ้าวเฉินเยวียนก็รีบคนสนิทที่ไว้เนื้อเชื่อใจของเขามาทันที”เจ้าไปสืบดูว่า คุณหนูสามของจวนตระกูลหยุนมีคู่หมั้นหมายหรือยัง แล้วก็ความชอบของนาง?”
องครักษ์ตกตะลึง”คุณชาย ท่านชอบองค์หญิงหนานชวนไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆถึงได้สืบคุณหนูซูขึ้นมาล่ะ?”
รูม่านตาของจ้าวเฉินเยวียนมืดมน”องค์หญิงหนานชวนเป็นเพียงเจ้าเมือง หากสามารถมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหนูซูได้ เช่นนั้นก็เท่ากับได้ไปมาหาสู่กับจวนตระกูลหยุน และจวนซื่อจื่อ สำหรับตระกูลจ้าวแล้วก็ถือเป็นการเหมือนเสือติดปีก!”
“แต่ว่าคุณชาย คุณหนูซูเป็นเพียงบุตรีอนุภรรยาคนหนึ่ง บุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เปรียบดั่งน้ำที่ได้สาดออกนอกบ้านไป?”
“เจ้ารู้อะไร นางบุตรีอนุภรรยาคนหนึ่ง ยังสามารถเปิดร้านปิ้งย่างขนาดใหญ่เช่นนี้ในเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียนได้ แม้แต่ที่อื่นของแคว้นต้าเยียน รวมทั้งแคว้นเป่ยลี่และแคว้นชางเยว่ต่างก็มีสาขาอื่นอยู่ ซึ่งเป็นทรัพยากรทางการเงินมากเพียงใด
หากไม่ใช่เพราะมีการสนับสนุนของหยุนถิง นางจะทำธุรกิจใหญ่โตแบบนี้ได้อย่างไร เพียงแค่ร้านปิ้งย่างนี้แค่วันเดียว ก็มีเงินเข้ามาเป็นกอบเป็นกำแล้ว แม้ว่านางจะเป็นบุตรีอนุภรรยา แต่ลูกสาวของตระกูลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นมีกี่คนที่ทำเช่นนี้ได้” จ้าวเฉินเยวียนทำเสียงเชอะ
องครักษ์ก็เข้าใจในทันที”คุณชายฉลาดยิ่งนัก ข้าน้อยจะไปสืบเดียวนี้เลยขอรับ!”
เช้าวันต่อมาก็เป็นวันอภิเษกสมรสขององค์หญิงห้าแล้ว ตีฆ้อง ตีกลอง สินสอดเจ้าสาวยาวนับสิบลี้ ขบวนรับเจ้าสาวและขบวนส่งเจ้าสาวตั้งเรียงรายจากพระราชวังไปยังถนนในเมืองหลวง คึกคักยิ่งนัก
ฝ่าบาททรงเสด็จไปส่งองค์หญิงห้าด้วยตนเอง องค์หญิงห้าทรงอำลาเสด็จพี่ ขึ้นรถม้า จากนั้นขบวนรับเจ้าสาวจึงค่อยจากไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
“ฝ่าบาททรงอย่างได้เป็นห่วงเลย มีเฉินอ๋องและฟู่ซื่อจื่อไปส่ง องค์หญิงห้าจะไปถึงแคว้นเป่ยลี่อย่างปลอดภัยแน่นอน!” เหมยเฟยกล่าว
“อืม น้องหญิงห้าแต่งงานแล้ว ก็ถือเป็นการจบภาระในใจของข้าไปเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าหน้าของซินฉิงหายดีหรือยัง นางไปจวนซื่อจื่อได้พักหนึ่งแล้ว?” ฝ่าบาทขมวดคิ้ว
“ทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูหยุนโดดเด่นยอดเยี่ยม สามารถรักษาใบหน้าขององค์หญิงสามได้อย่างแน่นอน!” ที่อยู่ข้างๆกล่าว
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
ขณะนี้ในจวนซื่อจื่อ องค์หญิงซินฉิงกำลังยืนอยู่บนศาลาที่สูงที่สุด เฝ้าดูขบวนรับเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเดินผ่านไป มุมปากเผยความเศร้าโศกขึ้นเล็กน้อย
ในฐานะองค์หญิง ยังไงก็ไม่สามารถหนีชะตากรรมของการเหอชินได้
“ก็แค่แต่งงานมีอะไรน่าดู นี่ก็เป็นองค์หญิงห้าหาเรื่องใส่ตัวเอง ใครให้นางวางแผนใส่ร้ายหยุนซู?” รั่วจิ่งแบะปาก
“นางเป็นคนก่อเวรก่อกรรมเอง องค์หญิงห้าก็แต่งงานแล้ว ต่อมาคงจะเป็นข้าแล้ว” องค์หญิงซินฉิงชิงถอนหายใจ
“ท่านหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ ใครจะอยากแต่งงานกับท่าน!” รั่วจิ่งเพิ่งพูดจบ ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองพูดเกินไป จึงรีบอธิบาย”ข้าหมายความว่า หน้าของท่านยังไม่หายดี ต่อให้ฝ่าบาททรงมีใจอยากให้ท่านแต่งก็คงไม่ให้ท่านแต่งสินะ”
“เจ้าไม่ต้องปลอบข้า ข้าหน้าตาอัปลักษณ์จริงๆ แต่ต่อให้อัปลักษณ์ ข้าก็เป็นองค์หญิงสาม ขอแค่สามารถช่วยเสด็จพี่สมรสเพื่อสันติภาพ เขาจะไปสนเรื่องอื่นได้อย่างไรกัน”
“หากท่านไม่อยากแต่งจริง ก็สามารถไม่เป็นองค์หญิงก็ได้ เป็นเพียงสามัญชนธรรมดาๆคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นอยากแต่งกับใครก็แต่ง” รั่วจิ่งตอบ
ซินฉิงมองมาด้วยความตกตะลึงไม่น่าเชื่อ”ข้า ข้าจะได้จริงๆหรือ?”