จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 574 เจ้าหนูจวินเจ้าคุกเข่าให้ข้ารึ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 574 เจ้าหนูจวินเจ้าคุกเข่าให้ข้ารึ
“โอ้โยะโหย เปรี้ยวจนข้าเข็ดฟัน พวกเจ้าสองคนนี้ช่างหวานเลี่ยนเสียจริง ทำให้คนทนไม่ไหว!” คงอู๋ไต้ซือบอกอย่างรังเกียจ
“ท่านเป็นเช่นนี้ ชาตินี้คงมิมีทางเข้าใจดอก!” จวินหย่วนโยวรังเกียจ
“ไอ้หนูพูดจากระไรนั่น อาตมาน่ะเป็นคนที่เข้าสู่ทางธรรม มองโลกมนุษย์เราขาดนานแล้ว เรื่องรักๆใคร่ๆนี่เป็นเรื่องทางโลกอย่างพวกเจ้า ข้าไม่มีปัญหาเหล่านี้ดอก!”
“งั้นรึ ไม่รู้ว่าตอนนั้นใครโดนไล่ตามจนต้องออกบวช!” จวินหย่วนโยวย้อนถาม
สีหน้าคงอู๋ไต้ซือดำทะมึนทันที “ใครมิเคยหนุ่มแน่นมาก่อน ห้ามพูดเรื่องข้าอีก เจ้ามาคิดดีกว่าว่าจะช่วยซื่อจื่อเฟยของเจ้าอย่างไรดีกว่า!”
จวินหย่วนโยวสีหน้าตึงเครียด “ข้ารู้”
“เช่นนั้นเจ้ายุ่งก่อน ข้าจะไปพักผ่อนล่ะ!” คงอู๋ไต้ซือหมุนตัวจากไป
พ่อบ้านรีบพุ่งเข้ามาทันที “ซื่อจื่อ เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“เรียกองครักษ์เงามังกร องครักษ์ลับและองครักษ์ทั้งหมดมา ข้ามีอะไรจะประกาศ!”
“ขอรับ!” พ่อบ้านรีบไปจัดการทันที เขาพึ่งเคยเห็นซื่อจื่อหน้าตาเคร่งเครียดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ไม่นาน องครักษ์เงามังกร องครักษ์ลับทั้งหมดก็มารวมตัวกัน พ่อบ้านก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
“หลงยีจนถึงหลงสือ นับจากวันนี้เป็นต้นไปรับหน้าที่คุ้มครองซื่อจื่อเฟย ห้ามห่างกาย องครักษ์ลับครึ่งหนึ่งรับผิดชอบความปลอดภัยในจวน คนอื่นก็ร่วมกันคุ้มครองซื่อจื่อเฟยด้วยทั้งหมด สำหรับองครักษ์ คนที่เข้าออกจวนทั้งหมดต้องจับตาดูทั้งหมด มีความเคลื่อนไหวใดๆหรือคนน่าสงสัยเมื่อไหร่รีบมารายงานข้าทันที หากข้าไม่อยู่ ก็รายงานกับพ่อบ้าน!” จวินหย่วนโยวสั่งการ
“ซื่อจื่อ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?” รั่วจิ่งถามอย่างสงสัย
“คงอู๋ไต้ซือบอกว่า ซื่อจื่อเฟยจะมีเคราะห์ร้ายถึงชีวิตในสามเดือนนี้ ตอนนี้นางตั้งครรภ์ จะให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆมิได้เด็ดขาด!” จวินหย่วนโยวตอบเสียงเย็นชา
พอคำนี้ออกมา ทุกคนพากันตกตะลึงยิ่งนัก หากพอคิดว่านั่นคือคงอู๋ไต้ซือ ใครก็ไม่กล้าสงสัย
“ซื่อจื่อวางใจเถอะ พวกข้าจะปกป้องซื่อจื่อเฟยให้ได้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!” รั่วจิ่งพูดเสียงเข้ม
หากมิใช่ซื่อจื่อเฟย เขากลายเป็นคนพิการนานแล้ว บัดนี้ซื่อจื่อเฟยมีอันตราย เขาจะต้องเสี่ยงภัยคุ้มครองให้ได้แน่
“ลำบากทุกคนแล้ว!”
จวินหย่วนโยวสั่งความเสร็จก็ไปหาหยุนถิง “ท่านพี่ ข้าได้ยินเยว่เอ๋อร์บอกว่าท่านโยนของทิ้งมากมายนัก สิ้นเปลืองนะ เอาไปไว้ที่เรือนข้าสิ หรือไม่ก็ขายไปเลย นั่นน่ะมูลค่าควรเมืองเลยนะ!”
“ต่อให้มูลค่ามากแค่ไหน ก็ไม่มีสำคัญเท่าความปลอดภัยของเจ้า นั่นน่ะเป็นของนอกกาย ต่อไปหากเจ้าชอบข้าค่อยให้คนซื้อกลับมา!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างเป็นกังวล
หยุนถิงตื้นตันใจนัก “ขอบคุณท่านพี่ แต่นั่นก็สิ้นเปลืองเกินไปหน่อยนะ”
“”เช่นนั้นข้าให้พ่อบ้านเอาไปขายละกัน แล้วแบ่งให้คนยากจน คิดซะว่าทำบุญ”
“ตกลง จริงสิซื่อจื่อ นี่ท้องข้าก็ออกแล้ว เสื้อผ้าก่อนหน้านี้เริ่มคับแล้ว ต้องซื้อที่หลวมสักหน่อย”
จวินหย่วนโยวมองท้องหยุนถิงทันที ยื่นมือลูบท้องนาง “ข้าเลินเล่อเอง ไม่คิดว่าลูกของพวกเราจะโตเร็วเพียงนี้ ข้าจะให้คนไปเชิญช่างตัดเสื้อที่ดีที่สุดในเมืองหลวงมา”
“ได้!”
จวินหย่วนโยวให้พ่อบ้านส่งคนไปเชิญอาจารย์ช่างตัดเสื้อที่ดีที่สุดในเมืองหลวงทั้งหมดมาทันที พอเห็นพวกเขาวัดตัวหยุนถิง ใบหน้าจวินหย่วนโยวก็ทะมึนทันที
“ข้าทำเอง!” จวินหย่วนโยวหยิบสายวัดมา
จวินซื่อจื่อขึ้นชื่อเรื่องขี้หึงมาก เหล่าอาจารย์ต่างรู้ดี อาจารย์ท่านหนึ่งรีบบอกวิธีใช้สายวัดทันที จวินหย่วนโยววัดตามวิธีมาดีกว่า
หยุนถิงทั้งขบขันและหน่ายใจ ซื่อจื่อนี่น้า
รอจนทุกอย่างวัดเสร็จแล้ว จวินหย่วนโยวถึงยื่นสายวัดมาให้ “ตามสัดส่วนนี้ ผ้าทุกชนิดทำสิบชุด ใช้ผ้าไหมที่ดีที่สุด เนื้อผ้าไหมสูจิ่น ให้สบายๆเบาบางหน่อย
ต่อไปทุกเดือนเพิ่มความใหญ่จากห้าถึงสิบเซนติเมตร ทุกแบบทำสิบชุดส่งมา คิดเงินที่พ่อบ้านได้เลย ทำให้สบายๆหน่อย ซื่อจื่อเฟยไม่ชอบชุดรัดๆ”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจ!” เหล่าอาจารย์ช่างตัดเย็บจากไปอย่างนอบน้อม
“ซื่อจื่อ มิต้องใช้เสื้อผ้ามากขนาดนั้นดอก” หยุนถิงเอ่ยปาก
“มิเป็นไร เจ้าเปลี่ยนชุดละวัน ใส่ให้สบายก็พอแล้ว” จวินหย่วนโยวตอบ
“ท่านพี่ข้าช่างรักใคร่ข้าจริงๆ”
“นี่เรียกว่ารักใคร่รึ เหน็ดเหนื่อยมานาน ไปนอนพักเถอะ”
“ได้!”
จวินหย่วนโยวพยุงหยุนถิงนอนลง ตนเองก็นอนลงข้างนาง หยุนถิงเอนกายในอ้อมกอดเขา ไม่นานก็หลับไป
มองดูใบหน้างดงาม คิ้วตาอันคุ้นเคยของนาง จวินหย่วนโยวสงสารยิ่งนัก เขาไม่เคยรู้สึกว่าตนไม่มีประโยชน์เท่านี้มาก่อน ทำอะไรไม่ได้เลย และช่วยอะไรไม่ได้ด้วย ได้แต่รอให้เคราะห์กรรมมา มันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
จวินหย่วนโยวก้มหน้าลงจุมพิตที่หน้าผากหยุนถิง ก่อนจะลุกออกไป
จวินหย่วนโยวพุ่งเข้าไปที่เรือนไม้ไผ่ด้านหลัง คงอู๋ไต้ซือกำลังดื่มเหล้ากินเนื้อแห้ง ดูสบายอารมณ์นัก
สุดท้ายเห็นจู่ๆจวินหย่วนดยวก็มุ่งเข้ามา ไม่พูดอะไรมากความก็คุกเข่าลงทันที “ไต้ซือ ขอร้องท่านช่วยถิงเอ๋อร์ด้วย อยากให้ข้าทำอะไรขอเพียงบอกมา ขอเพียงรักษานางไว้ได้!”
“แค่กแค่ก—“ คงอู๋ไต้ซือตกใจจนสำลัก ไอค่อกแค่กอย่างรุนแรงออกมา
“เจ้าหนูจวิน เจ้ามาคุกเข่าให้ข้า นับแต่รู้จักเจ้ามาหลายปีนี่เป็นครั้งแรกนะ!”
“ไต้ซือ ขอร้องท่านช่วยหยุนถิงด้วย! สีหน้าจวินหย่วนโยวเคร่งเครียดและหนักแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
คงอู๋ไต้ซือสีหน้าหน่ายใจ แต่เขารู้จักนิสัยจวินหย่วนโยวดี “เจ้าเย่อหยิ่งมาแต่ไหนแต่ไร แต่วันนี้กลับยอมคุกเข่าให้ข้าเพื่อนังหนูนั่น ข้าก็ซาบซึ้งใจเช่นกัน เช่นนั้น ข้าจะท้าลิขิตสวรรค์สักครั้ง!”
คงอู๋ไต้ซือควักเงินเหรียญทองแดงสามเหรียญออกมาทำนาย แต่สีหน้ากลับยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
“คำทำนายนี้บอกว่า เคราะห์กรรมอยู่ในวัง ระยะนี้อย่าให้นางเข้าวัง และอย่าให้นางกลับตระกูลหยุน—พรืด—“ คงอู๋ไต้ซือกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“ไต้ซือ!” จวินหย่วนโยวรีบพุ่งเข้ามาหา
“เปิดเผยลิขิตสวรรค์ ก็ต้องโดนย้อนกลับ ข้าต้องหลับสักระยะหนึ่งแล้ว อย่าให้ใครมารบกวนข้าล่ะ!” คงอู๋ไต้ซือบอกอย่างอ่อนแรง
“ไต้ซือขอโทษด้วย เป็นเพราะความดื้อรั้นของข้าทำให้ท่านเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปตามถิงเอ๋อร์มา ให้นางรักษาท่านนะ!” จวินหย่วนโยวรู้สึกผิด
“ไม่มีประโยชน์ดอก การเปิดเผยลิขิตสวรรค์มิใช่อะไรที่ยาธรรมดาจะรักษาได้ มันเป็นย้อนกลับของจิตวิญญาณ ไม่มีวิธีรักษา!” คงอู๋ไต้ซือพูดจบก็หลับตาลง
จวินหย่วนโยวรู้สึกผิดยิ่งนัก แต่เพื่อหยุนถิงมันเป็นวิธีเดียว
จวินหย่วนโยววางคงอู๋ไต้ซือลงบนเตียง ห่มผ้าให้เขาเสร็จถึงได้จากไป และให้องครักษ์สองคนมาคุ้มครองคงอู๋ไต้ซือ
เขากลับไปบอกองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับ จะให้ถิงเอ๋อร์เข้าวังหรือไปจวนตระกูลหยุนมิได้ นี่เป็นข่าวที่ไต้ซือใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายแลกมา
และที่จวนซวนอ๋อง
โม่เหลิ่งเหยียนได้ยินองครักษ์ลับมารายงานสถานการณ์ของจวนซื่อจื่อ ได้ยินว่าจวินหย่วนโยวโยนพวกหินสูงภูเขาปลอมทิ้งหมด และยังแอบให้คนไปรับคงอู๋ไต้ซือมาที่จวนซื่อจื่อด้วย โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกผิดสังเกตทันที
หรือว่าหยุนถิงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
โม่เหลิ่งเหยียนไม่สนใจอะไรอีก รีบพุ่งไปจวนซื่อจื่อทันที
เขารู้ดีว่าจวินหย่วนโยวระแวงมิอยากให้เขาใกล้ชิดกับหยุนถิงตลอด เขาเองก็ไม่อยากให้จวินหย่วนโยวเข้าใจหยุนถิงผิด เช่นนั้นมีแต่จะทำให้หยุนถิงลำบากใจมากขึ้น
แต่ในตอนนี้โม่เหลิ่งเหยียนกลับไม่อยากให้หยุนถิงเกิดเรื่อง
องครักษ์คนหนึ่งพาโม่เหลิ่งเหยียนเข้าไป เห็นสีหน้าเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าของจวินหย่วนโยว โม่เหลิ่งเหยียนยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตน “หยุนถิงเกิดเรื่องขึ้นรึ?”