จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 531 เพียงแค่กอดนางไว้แน่น ๆ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 531 เพียงแค่กอดนางไว้แน่น ๆ
มุมปากของจวินหย่วนโยวมีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แล้วพาองค์หญิงใหญ่ไปที่หน้าป้ายวิญญาณของมารดาด้วยตัวเอง
องค์หญิงใหญ่จ้องมองชื่อที่ไม่ได้ถูกเอ่ยขึ้นมาสิบกว่าปีแล้ว ก็รู้สึกหงุดหงิด เกลียดแค้น ไม่พอใจ แต่เพื่อที่จะไปจากจวนซื่อจื่อแบบมีชีวิตอยู่ สุดท้ายนางก็คุกเข่าลงไป
“ข้าเป็นองค์หญิงคนโต ส่วนเจ้าก็แค่ลูกที่เกิดจากสนมเท่านั้น ข้าดูถูกเจ้ามาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในสายตาเลย
ถึงแม้การวางยาพิษให้เจ้าในตอนนั้น ข้าก็ยังเป็นคนควบคุมทุกอย่างได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมาตกอยู่ในมือลูกชายเจ้าได้ ข้าประเมินเขาต่ำไปจริง ๆ
เจ้ามีลูกชายที่ดีคนหนึ่ง ทั้งความคิดและความเจ้าเล่ห์ล้วนอยู่เหนือกว่าเจ้า ข้าขอยอมรับเลยว่าตัวเองสู้ไม่ไหว มาวันนี้ลูกชายเจ้าได้แก้แค้นให้เจ้าแล้ว เจ้าก็ควรสมปรารถนาได้แล้ว!”
องค์หญิงใหญ่พูดความไม่พอใจและความเกลียดแค้นในใจตัวเองออกมาต่อหน้าป้ายวิญญาณไปทีละคำ และขอโทษต่อมารดาของจวินหย่วนโยว
สายตาเฉียบแหลมของจวินหย่วนโยวที่อยู่ด้านข้างไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว ได้แต่ฟังไปอย่างเย็นชา และจ้องมองไปอย่างเย็นชาแบบนั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ องค์หญิงใหญ่ถึงมองมาทางจวินหย่วนโยว “คำขอโทษก็พูดไปแล้ว คุกเข่าก็คุกเข่าไปแล้ว ตอนนี้ข้าคงไปจากที่นี่ได้แล้วใช่ไหม!”
“ทิ้งของดูต่างหน้าเอาไว้!” น้ำเสียงที่เย็นชาของจวินหย่วนโยว ฟังดูหนักหน่วงและเคร่งขรึม
องค์หญิงใหญ่โกรธจนใบหน้าขาวซีด “จวินหย่วนโยว เจ้าอย่างเกินเลยไปนะ!”
“ข้าก็เป็นคนเกินเลยแบบนี้แหละ นอกเสียจากว่าท่านจะไม่อยากไปจากจวนซื่อจื่อ?”
องค์หญิงใหญ่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่พอมองเห็นสีหน้าที่กระหายเลือดและโหดเหี้ยมของจวินหย่วนโยว ถึงแม้จะอยากสับเขาให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น แต่สุดท้ายก็มอบของดูต่างหน้าออกมา
“จวินหย่วนโยว ถือว่าเจ้าเก่ง!” น้ำเสียงนั่น ถูกกัดฟันพูดออกมา
จวินหย่วนโยวกำลังรับไป แต่หยุนถิงก็ยื่นมือไปรับกล่องนั่นก่อนเขาก้าวหนึ่ง “ซื่อจื่อ เรื่องแบบนี้ให้ข้าเป็นคนทำเถอะ!”
องค์หญิงใหญ่ค้อนใส่หยุนถิงอย่างแรงทีหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวจากไปเลย
ครั้งนี้ จวินหย่วนโยวไม่ได้ห้ามปรามอะไร
“ซื่อจื่อ ท่านจะปล่อยนางไปจริง ๆ หรือ?” หยุนถิงถามขึ้นมา
“ถ้ากักขังนางไว้ที่นี่ ก็แค่ให้นางขอโทษ และละอายใจ แบบนั้นก็ง่ายดายกับนางเกินไปแล้ว ข้าจะทำให้นางได้รู้สึกถึงการสูญเสียทุกอย่างด้วยตัวเอง รู้สึกหมดสิ้นทุกอย่าง จนไปสู่ชีวิตแห่งการจองจำ!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาด้วยความเกลียดแค้น
หยุนถิงยิ่นมือมา จับมือข้างหนึ่งของจวินหย่วนโยวเอาไว้ “ซื่อจื่อ ไม่ว่าท่านอยากทำอะไร ข้าก็จะอยู่เคียงข้างท่าน ต้องการข้าเมื่อไหร่ก็เอ่ยปากบอกได้ทุกเมื่อ!”
ความโกรธในดวงตาเฉียบคมของจวินหย่วนโยว คราวนี้เพิ่งจะสลายไป “ถิงเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามาก”
“ซื่อจื่อจะเกรงใจกับข้าทำไม พวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันนะ”
“ใช่ซิ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” จวินหย่วนโยวรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก “ใช่แล้ว เรื่องตัวแทนคนเมื่อกี้ นี่มันยังไงกัน?”
“ข้าหามาเมื่อหลายวันก่อนเอง ตั้งใจให้นางมาเลียนแบบท่าทีขององค์หญิงใหญ่เอาไว้ เพื่อจะเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เอาออกมาใช้งานจริง” หยุนถิงตอบกลับมา
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปรวบตัวหยุนถิงมากอดไว้แน่น และไม่พูดอะไรเลย แค่กอดนางไว้แน่น ๆ เท่านั้น
ที่จริงจวินหย่วนโยวรู้ ที่องค์หญิงใหญ่ยอมขอโทษในวันนี้ ก็เป็นเพราะว่าตัวแทนคนนั้น นางเป็นคนหลงใหลในอำนาจและตำแหน่งซะขนาดนั้น จะมายอมให้คนอื่นสวมรอยแทนตัวเองทุกอย่างได้ยังไง
คิดไม่ถึงว่าถิงเอ๋อร์จะจิตใจละเอียดอ่อนเช่นนี้ จวินหย่วนโยวรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“ซื่อจื่อ กล่องอันนี้ให้ข้าเป็นคนเปิดนะ ระวังจะมีกับดักอะไรแฝงอยู่!” หยุนถิงพูดขึ้นมา
จวินหย่วนโยวกลับมาแย่งกล่องไปจากมือนาง “ถ้ามีอันตรายจริง ๆ แล้วจะให้เจ้าทำได้ยังไง ข้าต้องเป็นคนทำต่างหาก วางใจเถอะเซียจิ่วเซียวยังอยู่ในมือพวกเรา ถึงองค์หญิงใหญ่จะโหดเหี้ยมมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางไม่สนใจชีวิตลูกชายตัวเองหรอก”
หยุนถิงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่จ้องมองกล่องไปอย่างระแวง เผื่อจะเกิดอะไรขึ้น
จวินหย่วนโยวเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง ด้านในเป็นหยกชิ้นหนึ่ง เป็นหยกสีม่วงเนื้อดี บนนั้นแกะสลักรูปหงส์ไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนของจริงมาก
ดวงตาดำของจวินหย่วนโยวค่อย ๆ หรี่ลง เขาเคยเห็นหยกชิ้นนี้บนรูปวาดของมารดามาก่อน พ่อบ้านบอกว่านั่นเป็นรูปที่บิดาวาดให้มารดาเมื่อหลายปีก่อน หยกที่มารดาใส่ตอนนั้นก็คือหยกชิ้นนี้พอดี
คิดไม่ถึงเลยว่า องค์หญิงใหญ่จะเอาหยกของมารดาส่งกลับมาได้
จวินหย่วนโยวรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก กำลังจะยื่นมือไปหยิบ หยุนถิงกลับจับมือเขาเอาไว้ “ซื่อจื่อระวัง ให้ข้าตรวจดูสักหน่อยดีกว่า”
อยู่ ๆ ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงใจดีเอาของดูต่างหน้ามาให้ มันจะต้องมีปัญหาแน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังให้ตาเฒ่าเหอกลั่นยาเจ็ดวิญญาณออกมา แน่นอนว่าหยุนถิงต้องไม่วางใจอยู่แล้ว
“ได้ งั้นเจ้าก็ต้องระวังหน่อยนะ!”
หยุนถิงไม่ได้ยื่นมือไปหยิบหยกโดยตรง แต่กลับเอาพู่กันด้านข้างมา แล้วเกี่ยวพู่ของหยกขึ้นมา แล้วเอาหยกไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เอาน้ำใส ๆ ขวดหนึ่งออกมาจากมิติ แล้วเทลงไปบนนั้น
หยกที่เป็นสีม่วงในตอนแรก ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน จากนั้นก็กลายเป็นสีดำไปเลย
“ซื่อจื่อ หยกชิ้นนี้มีพิษจริง ๆ ด้วย และที่สำคัญมันยังเป็นพิษร้ายแรงด้วย ถ้าข้าทายไม่ผิดละก็ องค์หญิงใหญ่น่าจะเอายาเจ็ดวิญญาณมาบดเป็นผงแล้วเอาไปแช่น้ำ จากนั้นก็เอาหยกไปแช่ในยาพิษ”
“ถึงแม้ว่าแบบนี้จะทำให้ยาพิษอ่อนแรงลง แต่ถ้าเกิดสัมผัสเป็นระยะเวลานาน ก็จะต้องทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เวียนหัวตาลาย สุดท้ายจะเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด แล้วอวัยวะล้มเหลวจนตาย!” หยุนถิงพูดอธิบายขึ้นมา
จวินหย่วนโยวทุบกำปั้นลงบนโต๊ะทีหนึ่งอย่างแรง โต๊ะนั่นโดนทุบเป็นรูอันใหญ่ไปเลย
“ไอ้สมควรตายเอ๊ย นี่นางกล้าวางยาพิษใส่ของดูต่างหน้าของแม่ข้าเลยหรือ ข้าจะส่งคนไปฆ่านางเดี๋ยวนี้แหละ!” จวินหย่วนโยวรู้สึกโกรธเกลียดเป็นอย่างมาก
“ซื่อจื่อ ถ้าท่านฆ่านางไปในตอนนี้ก็ปล่อยนางไปง่ายเกินแล้ว ยาพิษนี้……เอ๊ะ ทำไมถึงเปลี่ยนสีแล้วล่ะ?” หยุนถิงรีบมองไปที่ยาพิษนั่นทันที แล้วตั้งใจตรวจสอบขึ้นมา
จวินหย่วนโยวไม่กล้าส่งเสียงรบกวน จ้องมองไปอย่างเงียบ ๆ
“ซื่อจื่อ พิษนี้ไม่ใช่พิษของยาเจ็ดวิญญาณ หรือบางทีอาจจะขาดตัวยาสำคัญอะไรบางอย่างไป น่าจะเป็นเพราะว่าตาเฒ่าเหอตั้งใจออมมือให้ละมั้ง”
เขาเอายาพิษกลั่นให้กลายเป็นยาเจ็ดวิญญาณ แต่ว่ากลับทำอะไรตุกติก ถึงแม้ว่าฤทธิ์ยากับสีจะเหมือนกับยาเจ็ดวิญญาณมาก แต่มันก็ยังต่างกันเยอะมาก
“และที่สำคัญยาพิษนี้ก็เป็นตัวยาที่ข้าต้องการอยู่พอดี ตาเฒ่านั่นช่วยเหลือครั้งใหญ่มากเลยจริง ๆ ดีจังเลย ซื่อจื่อ ท่านมีทางรอดแล้ว!” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ
ตัวยาที่นางตามหามาตลอด องค์หญิงใหญ่กลับเป็นคนเอามาส่งให้เอง ยังมีอะไรที่น่าหวาดเสียวกว่านี้อีกไหม
“ถิงเอ๋อร์ ความหมายของเจ้าคือ มีทางถอนพิษของข้าได้แล้วหรือ?” น้ำเสียงของจวินหย่วนโยวมีความสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
“ถูกต้อง ต้องขอบคุณตาเฒ่าเหอมาก แต่ข้ายังต้องกลั่นกรองอีก!” หยุนถิงพูดขึ้นมา
“ได้ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า!” ว่าแล้วจวินหย่วนโยวก็ไปที่เรือนไม้ไผ่กับหยุนถิง พอประตูปิดลง หยุนถิงก็เริ่มทำงานวุ่นวายขึ้นมา
ทางด้านนี้ พอองค์หญิงใหญ่ออกมาจากประตูก็เดินไปอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงไปที่ประตูหน้า อย่างกับกลัวว่าจวินหย่วนโยวจะกลับคำ แล้วไม่ยอมปล่อยนางจากไป
บางทีอาจจะเพราะว่าเดินเร็วเกินไป องค์หญิงใหญ่ค่อนข้างร้อนใจ ผลปรากฏว่าตอนที่เดินออกไปนั้น ก็ไปสะดุดกับคานประตูเข้า จนตัวล้มลงไปกับพื้นทั้งตัว
พวกองครักษ์ที่หน้าประตูและรั่วจิ่ง ทั้ง ๆ ที่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้ แต่พวกเขากลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วมองดูองค์หญิงใหญ่หกล้มราวกับหมาอยู่เฉย ๆ
“อ๊าก!” องค์หญิงใหญ่กรีดร้องขึ้นมาคำหนึ่ง
“องค์หญิงใหญ่ถึงท่านจะเคารพนอบน้อมต่อซื่อจื่อของเรามากแค่ไหน ก็ไม่ต้องทำความเคารพมากขนาดนี้หรอกมั้ง!” รั่วจิ่งพูดประชดประชันขึ้นมา
“เสด็จแม่ เสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” เซียจิ่วเซียวตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“องค์หญิงใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ราชครูหลัวหรูจิรีบวิ่งเข้ามา
จี้หยู่เองก็มีใบหน้ามึนงง องค์หญิงใหญ่ที่เป็นคนสูงส่งหยิ่งยโสมาตลอด ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ลนลานเช่นนี้ไปได้
องค์หญิงใหญ่ถูกหลัวหรูจิพยุงขึ้นมา สีหน้าดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก “รีบไปจากที่นี่เร็ว รีบไปขึ้นม้าเร็ว!”