จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 475 หยุนถิงใช้ปากป้อนจวินหย่วนโยวทานลงไป
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 475 หยุนถิงใช้ปากป้อนจวินหย่วนโยวทานลงไป
แต่จวินหย่วนโยวไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หยุนถิงกระวนกระวายใจ เป็นกังวลอย่างมาก รีบตรวจชีพจรให้กับจวินหย่วนโยว
“เกิดอะไรขึ้น?” หยุนถิงรีบหันไปมององครักษ์เงามังกรที่อยู่ด้านหลัง
“ซื่อจื่อเฟย ซื่อจื่อคงเหนื่อยอย่างมาก ตลอดทางซื่อจื่อเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน นอนเพียงไม่กี่ช่วยยาม จากแคว้นเป่ยลี่มาถึงแคว้นต้าเยียน ใช้เวลาเพียงสิบวันก็มาถึงแล้ว ระหว่างทางวิ่งจนม้าพันธุ์เหงื่อโลหิตตายไปหลายสิบตัว ต่อให้เป็นพวกเรา ก็ไม่ได้เร่งเดินทางขนาดนี้ ซื่อจื่อเป็นห่วงท่านมาก ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง” หลงซื่อพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หยุนถิงเจ็บปวดอย่างมาก ล้วงเอาสารอาหารเหลวออกมาจากในมิติ แล้วป้อนให้กับจวินหย่วนโยว
อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป จวินหย่วนโยวหุบปากแน่น หยุนถิงอ้าปากไม่ออก
“ซื่อจื่อเป็นแบบนี้ไม่ได้ ร่างกายเหน็ดเหนื่อยเกินไป ทนรับไม่ได้” หยุนถิงอ้าปากดื่มสารอาหารเหลวลงไป ก้มลงใช้ปากป้อนจวินหย่วนโยว
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเยือกเย็นลงทันที อดไม่ได้ที่จะพูดบ่นอยู่ในใจ จวินหย่วนโยวตั้งใจอย่างแน่นอน
พวกหลงยีเห็นแล้ว ค่อยโล่งอก
ซวนอ๋องใช้แผนทรมานตัวเองก็ไม่มีประโยชน์ ซื่อจื่อมาถึงก็ต้องชิดข้าง ในใจซื่อจื่อเฟยมีเพียงซื่อจื่อ เห็นซวนอ๋องพ่ายแพ้แบบนี้ ทุกคนสะใจอย่างมาก
ป้อนสารอาหารเหลวลงไปสามอัน สีหน้าขาวซีดของจวินหย่วนโยว ค่อยมีเลือดฝาดขึ้นมา
มองไปที่ความเหนื่อยล้าตรงหว่างคิ้วของเขา มือเรียวขาวของหยุนถิง เอื้อมไปช่วยนวดผ่อนคลาย
“เจ้าคนนี้ เร่งเดินทางอย่างไม่คำนึงถึงชีวิตขนาดนี้ทำไม ร่างกายของตนเองเป็นยังไงไม่รู้หรือ ถึงมาช้าเร็วแล้วแตกต่างกันยังไง ทำให้ตนเองเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ โง่หรือเปล่า?”
“ซื่อจื่อเฟย ที่จริงซื่อจื่อไม่ได้โง่ แค่กลัวท่านถูกซวนอ๋องแย่งชิงไป” หลงยีตอบแทนซื่อจื่อ
หยุนถิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากับซวนอ๋อง จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ซื่อจื่อรู้ว่าท่านเดินทางทั้งวันทั้งคืน ไม่คำนึงถึงร่างกายตนเอง เพื่อไปช่วยซวนอ๋อง เขาเป็นห่วงเจ้า กลัวเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า จึงรีบเดินทางมาทั้งคืนทั้งวัน ใครจะไปคิด เมื่อมาถึงเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าซื่อจื่อเฟยอาศัยอยู่ในจวนซวนอ๋อง ซื่อจื่อจะไม่ใจร้อนได้อย่างไร?” หลงหวู่พูดบนขึ้นมา
“หลงเอ้อ ทำไมไม่ห้ามไว้?” หลงซื่อพูดขึ้นมา
หลงเอ้อยืนอยู่เฉยๆก็ถูกพาดพิง แสดงสีหน้าน่าสงสาร คิดอยากพูดอะไรขึ้นมา
“พวกเจ้าพูดเหมือนเหลิ่งเหยียน ตั้งใจใช้แผนทรมานร่างกายตัวเองหลอกลวงหยุนถิง เขาถูกวางยาวิทยากลไม่รู้สึกตัว จนเกือบจะแต่งงานกับคุณหนูหาน หากไม่ใช่เพราะหยุนถิงรีบไปช่วยไว้ เกรงว่าตอนนี้โม่เหลิ่งเหยียนยังถูกกักตัวอยู่ในตระกูลหาน” หมิงจิ่วซางพูดอธิบายขึ้นมา
ทุกคนนิ่งอึ้ง ต่างหันมาสอบถาม หลงเอ้อค่อยเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาให้ฟัง
“หลายครั้งที่เกิดเรื่องกับข้า ซวนอ๋องล้วนคอยช่วยเหลือ ข้ากับเขาถือว่าเป็นมิตรภาพที่ตายแทนกันได้ หากวันหนึ่งพวกเจ้ามีใครสักคนตกอยู่ในอันตราย ข้าก็จะไปช่วยพวกเจ้าอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม
องครักษ์เงามังกรล้วนพูดไม่ออก ซื่อจื่อเฟยเป็นคนเข้าข้างปกป้องคนของตนเองที่สุด และก็เป็นคนมีเหตุผลที่สุด พวกเขาไม่ควรพูดว่านางแบบนี้
หยุนถิงมองดูในอ้อมกอด คิ้วเข้มรูปงาม หน้าตาหล่อเหลา อาจเป็นเพราะเร่งเดินทางมาทั้งคืน หนวดเคราจวินหย่วนโยวยาวขึ้นมา กลับไม่ส่งผลกระทบต่อใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลย กลับแลดูให้เห็นถึงความเป็นผู้ชาย
รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้หึง กลับคิดไม่ถึงว่าเขาอยู่ไกลถึงแคว้นเป่ยลี่ ยังเร่งเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้การกระทำจะไร้เดียงสา กลับทำให้หยุนถิงซาบซึ้งใจอย่างมาก
“พาซื่อจื่อกลับจวนซื่อจื่อ ซวนอ๋องวันนี้รบกวนแล้ว” หยุนถิงพูดขึ้นมา
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้วเหลือบมองดูจวินหย่วนโยวที่หมดสติอยู่แวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า “หากไม่รังเกียจ พักผ่อนที่จวนซวนอ๋องก็ได้”
“ไม่ต้องแล้ว ข้ากลัวจวินหย่วนโยวลืมตาขึ้นมาแล้วจะโกรธจนหมดสติไปอีก ทำให้เจ้าต้องหัวเราะเย้ยแล้ว”
“เช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่รั้งเจ้า”
องครักษ์เงามังกรประคองจวินหย่วนโยวจากไป มองดูเงาหลังของหยุนถิง สายตาล้ำลึกของโม่เหลิ่งเหยียนมืดมน
“สหาย ไม่ต้องดูแล้ว ดูอีกแค่ไหนก็ไม่ใช่ของเจ้า” หมิงจิ่วซางถอนหายใจ
“เจ้าว่า ทำไมข้าไม่ได้รู้จักนางก่อนจวินหย่วนโยว” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมาด้วยเสียงเศร้า ถอนหายใจอย่างเสียดาย
หมิงจิ่วซางกระตุกมุมปาก ไม่รู้ว่าควรปลอบโยนเขายังไง เหลือบไปเห็นรถเปลือกไข่ในลานพอดี จึงพูดขึ้นมาว่า “รถคันนี้ไม่เลว ข้าขอลองขี่หน่อย”
“ไสหัวไป คันนั้นหยุนถิงให้ข้า” โม่เหลิ่งเหยียนเดินตรงไป ขี่รถแล้วก็จากไป
เมื่อกี้เขาเคยลองขี่ดูแล้ว จึงรู้เคล็ดลับวิธีใช้เป็นอย่างดี
หมิงจิ่วซางกระตุกมุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เฮ้อ ตอนนี้เจ้าเหลือเพียงไข่อันนี้แหละ”
ทางนี้ หยุนถิงพาจวินหย่วนโยวกลับไปยังจวนซื่อจื่อ องครักษ์เงามังกรพาซื่อจื่อไปนอนลงบนเตียงก็ออกมาแล้ว
หยุนถิงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จวินหย่วนโยว แล้วก็เช็ดหน้าโกนหนวดให้กับเขาด้วยตนเอง
อาจเป็นเพราะเหนื่อยอย่างมาก ดังนั้นจวินหย่วนโยวไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย ปล่อยให้หยุนถิงทำอะไรก็ได้
หยุนถิงมองดูจวินหย่วนโยว กลับมาหล่อเหลาเหมือนอย่างที่ผ่าน อย่างพอใจ นอนลงด้านข้างจวินหย่วนโยว เอื้อมมือไปโอบกอดเอวของเขาไว้
ได้กลิ่นอันคุ้นเคยบนตัวจวินหย่วนโยว หยุนถิงสบายใจอย่างมาก จึงหลับตานอนไปด้วย
เมื่อนอน จวินหย่วนโยวนอนไปสามวัน เมื่อลืมตาขึ้นมามองเห็นเป็นห้องนอนที่คุ้นเคย ข้างกายกลับไม่มีหยุนถิง สีหน้าจวินหย่วนโยวตกตะลึง รีบตื่นลุกขึ้นมา
หลิงเฟิงที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นซื่อจื่อฟื้นตื่นขึ้นมา ก็ค่อยโล่งอก พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อ ท่านฟื้นแล้ว”
“ซื่อจื่อเฟยล่ะ?”
“ซื่อจื่อเฟยไปในครัว ไปทำกับข้าวให้ท่าน” หลิงเฟิงพูดอธิบายขึ้นมา
พ่อบ้านรีบวิ่งออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อ มีอยู่เรื่องหนึ่งข้าต้องรายงานท่าน”
“เรื่องอะไร?”
“เกี่ยวกับฮูหยินหานกั๋ว” พ่อบ้านพูดตอบ
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเข้ม ถึงแม้เขาจะอยู่ไกลถึงแคว้นเป่ยลี่ แต่ก็พอรู้เรื่องฮูหยินหานกั๋วอยู่บ้าง แต่ก็แค่คร่าวๆ เดิมยังคิดที่จะกลับมาถามหยุนถิง
“เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงจวินหย่วนโยวเย็นชาลง
พ่อบ้านรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาให้ฟัง รั่วจิ่งก็รีบอธิบาย ฟังจนจวินหย่วนโยวโกรธโมโห
เขาไม่รู้ว่าฮูหยินหานกั๋วจะมีจิตใจอำมหิตขนาดนี้ กล้าส่งคนมาทำร้ายหยุนถิง
หลายปีมานี้ เพราะน้ำหวานถ้วยนั้น เขารู้สึกผิด่อฮูหยินหานกั๋วมาตลอด ปล่อยให้นางก่นด่าทุบตีนางตนเองที่ยังเป็นเด็ก และก็รู้ว่าหลายปีมานี้ นางแอบอ้างใช้ชื่อเสียงของตนเอง กระทำเรื่องไม่ดีมากมาย จวินหย่วนโยวก็หลับหูหลับตาข้างหนึ่ง
แต่นางกลับหันมาทำร้ายหยุนถิง ติดสินบนทหารลอบทำร้ายถิงเอ๋อร์ ซึ่งจวินหย่วนโยวไม่สามารถให้อภัยได้
“ในเมื่อนางดนหาที่ตาย งั้นก็ไม่ต้องสนใจ ขอเพียงถิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรก็พอ” จวินหย่วนโยวปกป้องภรรยา
“ขอรับ” พ่อบ้านปลื้มใจอย่างมาก ภายในใจซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยสำคัญที่สุด
รอเมื่อจวินหย่วนโยวมาถึงหลังครัว ก็เห็นหยุนถิงกำลังทำงานยุ่งอยู่บนเตา เห็นนางอยากอาเจียน แต่ก็ยังพยายามอดกลั้นทำกับข้าว จวินหย่วนโยวเป็นห่วงอย่างมาก
เขารีบก้าวเดินไปหา คว้าดึงหยุนถิงออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “มาทำงานพวกนี้ทำไม ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์ ร่างกายสำคัญที่สุด อยากกินอะไรก็ให้พวกเขาไปทำ”
“ข้าคิดอยากจะทำอาหารที่เจ้าชอบ เจ้าอยู่แคว้นเป่ยลี่มาตั้งนาน จะทานไม่ถูกปากแน่” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างกายข้า กินอะไรก็ได้” จวินหย่วนโยวแสดงให้เห็นถึงความรักใคร่
หยุนถิงซาบซึ้งใจอย่างมาก พร้อมยิ้มหัวเราะ
“ครัวของข้าไม่เลี้ยงคนไม่ทำงาน หากใครให้ซื่อจื่อเฟยเข้าไปในครัวอีก ก็เก็บข้าวของออกไปเลย” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างเผด็จการ
ทุกคนตกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอรับ”