จอมนางข้ามพิภพ - บทที่443 ไม่หาเหาใส่หัวก็จะไม่ตาย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่443 ไม่หาเหาใส่หัวก็จะไม่ตาย
และเป็นเพราะตั้งแต่นั้นมา นิสัยของฮูหยินหานกั๋วก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ฮูหยินท่านก่อนผู้ที่อ่อนโยนและสง่างามนั้นกลับกลายเป็นคนที่ใจดำและโหดร้าย กับซื่อจื่อก็ยิ่งปฏิบัติทุบตีและดุด่าทุกวัน และทรมานซื่อจื่อด้วยวิธีต่างๆ ทุกวัน
สุดท้ายอนุภรรยาคนนั้นก็ถูกฮูหยินหานกั๋วลงโทษในข้อหาคบชู้ แม้แต่หานกั๋วโหวก็ป่วยหนักเป็นอัมพาตไป และอยู่ในอาการโคม่าไปตลอดชีวิต ทั้งจวนหานกั๋วล้วนอยู่ในการควบคุมของฮูหยินหานกั๋ว
แม้จะถูกทรมานตายทั้งเป็น แต่ซื่อจื่อก็ไม่เคยขัดขืนและหลบหนี เพราะเขารู้สึกโทษตัวเองและละอายใจต่อฮูหยินหานกั๋วมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าชีวิตในปีนั้นของซื่อจื่อนั้นตายทั้งเป็น
และเป็นเพราะตั้งแต่ปีนั้น ซื่อจื่อก็มีปมในใจต่อผู้หญิง ภายนอกรู้เพียงว่าซื่อจื่อรังเกียจผู้หญิงผู้หญิง แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ซื่อจื่อในตอนเด็กๆนั้นถูกฮูหยินหานกั๋วทุกข์ทรมานจนคนไม่เหมือนคน ผีไม่เหมือนผี เจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ต่อมาตอนพ่อบ้านไปรับซื่อจื่อ และสภาพที่ซูบผอมเช่นนั้นของซื่อจื่อ ก็ส่งสารและน้ำตาไหลในทันที และถามว่าเกิดอะไรขึ้น ซื่อจื่อก็ไม่พูด บอกเพียงคำหนึ่งว่าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป
พ่อบ้านพาซื่อจื่อกลับมา และช่วยเขาปรับสภาพร่างกายให้เป็นพิเศษ จากนั้นก็จึงค่อยพบว่าซื่อจื่อถูกวางยาพิษร้ายแรง จากนั้นก็ให้เหล่าองครักษ์ลับไปหาหมอยมบาล โดยบอกว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็จะช่วยแม่ทัพรักษาสายเลือดนี้ไว้ให้ได้
ซื่อจื่อเฟยท่านไม่รู้ ตอนที่ซื่อจื่อกลับมานั้น แม้ว่าข้าจะมีอายุเพียงหกขวบ แต่ข้าเห็นซื่อจื่อเหมือนเด็กขอทานข้างถนน ซูบผอม หน้าเลือก ผอมอย่างกับไม้เสียบ แค่ดูก็รู้ว่าขาดสารอาหาร
ตอนข้าออกเวรกลางคืนนอกห้องของซื่อจื่อ และมักจะได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของเขาในกลางดึก แค่ฟังก็รู้สึกเจ็บยิ่งนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซื่อจื่อที่ไปเจอมาด้วยตนเองแล้ว
ข้ายังสงสัยด้วยซ้ำว่า ยาพิษในร่างกายของซื่อจื่อนั้น ฮูหยินหานกั๋วอาจเป็นคนวางให้เขาก็ได้ เพียงแค่ว่าซื่อจื่อขอบคุณสำหรับการเลี้ยงดูของนาง และยิ่งโทษตัวเองที่ทำให้นางต้องสูญเสียลูกไป ดังนั้นจึงทนเอาไว้ไม่พูด” หลงเอ้อพูดทุกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาหมด
ฟังจนหยุนถิงขมวด และรู้สึกสงสารจวินหย่วนโยวยิ่งนัก
นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าจวินหย่วนโยวยังเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อนด้วย
สำหรับเด็กอายุไม่กี่ขวบแล้ว แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ยังไงชามซุปหวานนั้นก็ทำจากมือเขา และคิดว่าซื่อจื่อคงจะรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต
“ถ้าอย่างนั้น พวกข้าก็ไปประเชิญหน้ากับนางดูหน่อย ขอเพียงแค่นางไม่หาเรื่องข้า ข้าก็จะไม่ทำอะไรนาง” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
หลงเอ้อตามไปทันที วิธีการของซื่อจื่อเฟยนั้นเขารู้ดีกว่าใครอีก หวังว่าฮูหยินหานกั๋วอย่าหาเหาใส่หัว
ทันทีที่หยุนถิงและหลงเอ้อเดินเข้ามา ก็เห็นฮูหยินคนหนึ่งที่แต่งตัวหรูหรา สง่างามนั่งอยู่ในห้องโถง
อายุประมาณสี่สิบกว่า คิ้วคม ดวงตาแสนสวยนั้นยกขึ้นเล็กน้อย และกำลังมองสังเกตหยุนถิงอย่างไม่เป็นมิตรในขณะนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่เข้าหาได้ง่าย
ทันทีที่ฮูหยินหานกั๋วเห็นหยุนถิง ก็ตกตะลึงกับความงามของนางเช่นกัน
ว่ากันว่าหลังจากที่หยุนถิงฟื้นคืนรูปร่างเดิมแล้ว สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ งามล่มเมือง และเมื่อเห็นกับตาในตอนนี้ ในขณะที่ฮูหยินหานกั๋วอุทานก็ยิ่งมีความอิจฉามากขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าหยุนถิงจะสวมเพียงชุดยาวสีขาวธรรมดาๆตัวหนึ่ง โดยไม่ได้แต่งหน้าใดๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความงามของนางเลย ผิวขาวดั่งหิมะ คิ้วและดวงตางดงามราวกับภาพวาด ใบหน้าละเอียดอ่อนราวกับรูปปั้น ชุดยาวพลิ้วไหวไปมาเมื่อนางเดิน บริสุทธิ์และมีเสน่ห์ ทำเอาคนหัวใจพลุ่งพล่านไปหมด
ไม่น่าแปลกใจจวินหย่วนโยวที่ป่วยกระเสาะกระแสะและร่างกายอ่อนแอนั้น กลับยอมล่วงเกินหลีอ๋อง ล่วงเกินจักรพรรดิแห่งแคว้นต้าเยียนเพื่อนาง นารีเป็นเหตุชัดๆ
“มีแขกมาบ้านหรือ นี่คือ?” หยุนถิงกล่าว
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ รีบตอบว่า “ซื่อจื่อเฟย นี่คือฮูหยินหานกั๋ว เมื่อซื่อจื่อยังเด็กนั้นได้รับการดูแลจากฮูหยินหานกั๋วมาเป็นเวลาสองสามปี”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้ายนั้น น้ำเสียงของพ่อบ้านก็เย็นชาลงเล็กน้อย
พ่อบ้านไม่ลืมเรื่องที่ ตอนเขาไปรับซื่อจื่อกลับมา ซื่อจื่อมักตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย และเป็นพ่อบ้านเองที่ไปนอนเป็นเพื่อนเขา
ทุกเที่ยงคืนที่ซื่อจื่อหลับไป พ่อบ้านก็มักจะร้องไห้คนเดียว
เขาเสียใจ เสียใจที่นำซื่อจื่อให้ฮูหยินหานกั๋วเลี้ยง เขาผิดต่อแม่ทัพและฮูหยินท่านก่อน
วันนี้จู่ๆฮูหยินหานกั๋วก็มา ซื่อจื่อก็ไม่อยู่ พ่อบ้านจึงรู้นึกกังวลซื่อจื่อเฟย
“เจ้าหรือซื่อจื่อเฟยที่จวินหย่วนโยวแต่งเข้ามา น่าตาก็ธรรมาดานี่นา กลับทำให้จวินหย่วนโยวยอมล่วงเกินหลีอ๋องเพื่อเจ้า เจ้ารู้ผิดหรือไม่?” ฮูหยินหานกั๋วกล่าวตำหนิต่อหน้าทุกคน
หยุนถิงทำหน้าเย็นชา “ข้ามีความผิดใด”
“เจ้ากล้ายิ่งนัก เจ้าปลุกปั่นให้จวินหย่วนโยวเป็นศัตรูกับหลีอ๋อง หลีอ๋องเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของแคว้นต้าเยียน แถมยังเป็นน้องชายแท้ๆของฝ่าบาทด้วย เจ้าทำเช่นนี้คือการสร้างศัตรูให้จวินหย่วนโยวชัดๆ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนฮูหยินท่านก่อน! เด็กๆ ตบปาก!” ฮูหยินหานกั๋วคำรามด้วยความโกรธ
มามาสูงอายุที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างไม่พูดไม่จา โดยใช้ใบหน้าแสดงอารมณ์ออกมา และกำลังจะตบหน้าหยุนถิง
“ฮูหยิน ท่านจะสั่งสอนซื่อจื่อเฟยไม่ได้!” พ่อบ้านพูดห้าม
“จวินหย่วนโยวข้ายังสั่งสอนได้เลย เพียงแค่ซื่อจื่อเฟยคนหนึ่งข้าก็สั่งสอนไม่ได้แล้วหรือ พ่อบ้านเจ้าก็อยากโดนตบปากเหมือนกับหรือ?” ฮูหยินหานกั๋วกล่าวอย่างเหยียดหยาม
สีหน้าของพ่อบ้านตึงเครียด หากปล่อยให้ซื่อจื่อเฟยถูกรังแกจริง หากซื่อจื่อกลับมาคงฆ่าเขาทิ้งแน่เลย
“ฮูหยิน นี่——” พ่อบ้านยังอยากพูดอะไรอีก ก็ถูกหยุนถิงห้ามเอาไว้ด้วยสายตา
“พ่อบ้าน เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ ตรงนี้มีข้าก็เพียงพอแล้ว”
พ่อบ้านเห็นหยุนถิงพยักหน้าให้เขา เขารู้ว่าหยุนถิงไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจ ดังนั้นจึงถอนตัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อมามาเห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่ให้ความสำคัญแก่หยุนถิง ยกมือขึ้นแล้วจะตบนาง
หยุนถิงไม่ขยับ และไม่หลบ ไม่เห็นมามาคนนั้นอยู่ในสายตาเลย
เหมือนที่คาดเอาไว้มามายังไม่ทันได้แตะโดนหยุนถิง ซูหลินก็ปรากฏตัวขึ้นทันที และเตะมามากระเด็นออกไป
“อ๊าก!” ด้วยเสียงกรีดร้อง มามาก็กระเด็นออกไปหลายเมตร และล้มลงกับพื้นอย่างแรงแล้วหมดสติในตรงนั้น
“คุณหนูใหญ่ ข้ามาช้าไป ท่านเป็นไรหรือไม่?” ซูหลินถามด้วยความเป็นห่วง
ทันทีที่นางกลับมาก็ได้ยินองครักษ์ในจวนพูดว่า รีบไปปกป้องซื่อจื่อเฟย ซูหลินยังไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบมาแล้ว
“ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับมาได้พอดีเลย!” หยุนถิงยิ้มจางๆ
ฮูหยินหานกั๋วตกใจมาก จากนั้นก็โกรธจนหน้าซีดไปหมด “เจ้ากล้าตีคนของข้าหมดสติไปหรือ เจ้ามันหญิงร้ายยิ่งนัก ทำไมจวินหย่วนโยวถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไร้มารยาทเยี่ยงเจ้า เด็กๆ ลากหญิงร้ายนี้ออกไปทันทีแล้วไล่ออกจากจวนซื่อจื่อซะ!”
องครักษ์เงามังกร องครักษ์ลับ และแม้แต่องครักษ์นอกลานก็ไม่มีใครขยับเลย ต่างก็มองดูอย่างเงียบๆ
หยุนถิงพูดอย่างเหยียดหยาม “ซูหลิน โยนนางลงไปบ่อน้ำในลานให้สมองนางตื่นตัวซะหน่อย!”
“เจ้าคะ!” ซูหลินรีบมาทันที ดึงฮูหยินหานกั๋วแล้วไป
“ปล่อยข้านะ เจ้าเป็นตัวอะไรกล้ามาแตะต้องข้า หยุนถิงเจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆเลย กล้าปฏิบัติเยี่ยงนี้กับข้า ข้าจะให้จวินหย่วนโยวหย่ากับเจ้า!” ฮูหยินหานกั๋วพูดอย่างกระหืดกระหอบ
บ่าวรับใช้ชายและคนรับใช้ที่ติดตามนางกำลังจะพุ่งเข้ามา หลงเอ้อชักดาบออกมาโดยตรง และผ่าโต๊ะข้างๆ ออกเป็นสองส่วน
“หากพวกเจ้าอยากตาย ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าได้สมหวัง!” หลงเอ้อตะคอกอย่างเย็นชา
บ่าวรับใช้ชายและคนรับใช้หน้าซีดด้วยความตกใจ ต่างก็ตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับ ทำได้เพียงเฝ้าดูฮูหยินถูกพาตัวไป