จอมนางข้ามพิภพ - บทที่417 บ้าเอ๊ย ปล่อยภรรยาของข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่417 บ้าเอ๊ย ปล่อยภรรยาของข้า
คุณชายหกในกระโจมไม่ได้หลับ เขารู้ว่าหลีอ๋องเป็นคนใจแคบและคิดแค้น กลัวว่าเขาจะมาแก้แค้น จึงไม่กล้านอนหลับ
เมื่อครู่รู้สึกถึงเจตนาฆ่านอกกระโจมนั้น คุณชายหกก็เตรียมพร้อมแล้ว หากหลีอ๋องจะฆ่าปิดปากพวกเขาจริงๆ เขาก็จะรีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือทันที
แต่คิดไม่ถึงว่า พี่ใหญ่กลับส่งองครักษ์ลับมาปกป้องเขา แถมยังเยอะขนาดนี้ คุณชายหกรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของหลีอ๋องที่เดินออกไปไกล คุณชายหกจึงค่อยหลับตาลงด้วยความสบายใจ และในที่สุดก็สามารถหลับดีๆหน่อยแล้ว
โม่หลานที่อยู่ข้าวๆนั้นหลับลึกเกินไป ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั้นเกิดอะไรขึ้น ส่วนเสี่ยวอันจื่อก็เหนื่อยทั้งวันแล้วก็หลับไปแล้วเช่นกัน
ทหารที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนก็เห็นฉากในเมื่อครู่นั้นเช่นกัน หลีอ๋องเตือนพวกเขาว่าหากใครกล้าพูดออกไปแม้แต่คำหนึ่ง ก็จะให้พวกเขาตายทั้งเป็น เหล่าทหารต่างก็ปิดปากอย่างชาญฉลาด แต่ในใจก็อดอิจฉาคุณชายหกไม่ได้ ขอพี่สาวแบบนี้เดียวสิ
………………
ทางนี่ หยุนถิงและจวินหย่วนโยวกำลังกลับไป เนื่องจากหยุนถิงกำลังตั้งครรภ์ จวินหย่วนโยวจึงให้คนชะลอความเร็วหน่อย เพื่อไม่ทำให้หยุนถิงไม่สบายตัว ดังนั้นความเร็วของการเดินทางจึงช้ามาก
คืนนี้ พวกเขาบังเอิญผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จวินหย่วนโยวและคนอื่นๆ ก็ไปพอพักค้างคืนที่หมู่บ้าน
หลิงเฟิงไปสำรวจเส้นทางด้านหน้ากลับมา “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย นี่เป็นหมู่บ้านธรรมดา ตรงหน้ามีแสงเทียนของบ้านคนทำไร่สว่างอยู่พอดี เมื่อครู่ข้าน้อยไปถามมาแล้ว หญิงชราตกลงให้พวกข้าไปค้างคืน”
“ขับรถม้าไปเถอะ”
“ขอรับ”
รถม้าจอดอยู่นอกลาน จวินหย่วนโยวพยุงหยุนถิงลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง และเดินเข้าไปในลาน
หยุนถิงเหมือนได้กลิ่นเหม็นอับและเปรี้ยว สังเกตมองไปที่รอบๆลานก็ไม่พบปศุสัตว์ใดๆ จึงขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเล็กน้อย
หญิงชราหลังค่อมคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู และทันทีที่เห็นหยุนถิง ดวงตาก็ฉายแววแห่งความดีใจ “แม่นางท่านนี้งดงามยิ่งนัก!”
หยุนถิงยิ้มจางๆ “ขอบเจ้าสำหรับคำชม คืนนี้ต้องรบกวนแล้ว”
“ไม่รบกวน แม่นางเกรงใจเกินไปแล้ว ปกติแล้วข้าก็อยู่ตัวคนเดียว ลานนี้ของข้าไม่ได้ครึกครื้นเช่นนี้มานานแล้ว รีบเข้ามาเถอะ”
ทุกคนเดินตามหญิงชราเข้าไปในห้อง แม้ว่ามันจะเรียบง่าย แต่เงียบมาก โต๊ะและเก้าอี้สีก็ลอกไปหน่อยแล้ว แต่เช็ดได้สะอาดมาก
“เชิญนั่งตามสบาย ข้าไปต้มน้ำร้อนให้ ในบ้านยังมีของกินเหลืออยู่เล็กน้อย ข้าไปเอามาให้ทุกคน!” หญิงชรากล่าว
“ต้มเพียงน้ำร้อนก็พอแล้ว อาหารพวกข้าเอามาเอง ดังนั้นจึงไม่รบกวนแล้ว” หยุนถิงกล่าว
“อืม”
หญิงชราต้มน้ำ ทำความสะอาดห้อง และนำผ้าห่มผืนใหม่สองผืนออกมา “แม่นางนี่เป็นผ้าห่มที่พึ่งเปลี่ยนใหม่ พวกเจ้านอนอย่างสบายใจได้เลย ไม่รู้ว่าแม่นางปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว มีคู่หมั้นหมายหรือยัง?”
หยุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงชราถึงได้ถามคำถามเช่นนี้กับตัวเอง
“นางคือภรรยาของข้า!” จวินหย่วนโยวตอบอย่างเย็นชา เพราะเหตุใดไม่รู้เขามักรู้สึกว่าสายตาที่หญิงชรามองหยุนถิงนั้นแปลกประหลาด
เป็นอย่างที่คิด เห็นหญิงชราฉายร่องรอยของความผิดหวัง “แต่งงานแล้วหรือ น่าเสียดายจริงๆเลย”
“เสียดายอะไร?” สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชาขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นหญิงชราจึงได้สติและรีบอธิบาย “ไม่มีอะไร คุณชายอย่าเข้าใจผิด ข้าหมายถึงว่าแม่นางแต่งงานแล้วก็ควรอยู่ในบ้านดีๆ ออกมาในดึกดื่นเยี่ยงนี้ต้องระมัดระวังความปลอดภัยด้วย”
“ลำบากยายแล้ว” หยุนถิงรีบไกล่เกลี่ยให้ลงเอยกันด้วยดีไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านของหญิงชรา หากซื่อจื่อทำให้นางตกใจกลัวไปก็ไม่ดี
“แม่นางดูหน้าเมตตา ใจก็เมตตาเหมือนกัน” หญิงชราพอใจมาก จากนั้นก็ค่อยเดินออกไป
เมื่อยกน้ำร้อนมา หญิงชราก็ดูจวินหย่วนโยวล้างผ้าเช็ดหน้าแล้วเช็ดหน้าและมือให้หยุนถิงด้วยตนเอง ดวงตานั้นมีร่องรอยของความอิจฉาริษยา
“แครง!” เสียงหนึ่งดังขึ้น
จวินหย่วนโยวและหยุนถิงมองไปที่ประตูทันที หญิงชราทำสีหน้าตื่นตระหนกและรีบพูดว่า “เป็นแมว ในห้องของข้าเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง ทั้งสองไม่ต้องสนใจ รีบพักผ่อนเถอะ”
“อืม” จวินหย่วนโยวพยักหน้า
เมื่อหญิงชราเดินออกไป จวินหย่วนโยวและหยุนถิงก็มองหน้ากัน โดยไม่มีใครพูดอะไร
หยุนถิงเรียกหลงเอ้อเข้ามา หยิบยาถอนพิษออกมาจากมิติ และให้เขานำไปให้ทุกคนกินคนละเม็ด จากนั้นก็หยิบผ้าห่มออกมาจากมิติ โดยไม่ใช้ผืนที่หญิงชรานั้นให้ หวังว่าจะเป็นนางเองที่คิดมากไป
ดึกมากแล้ว ทั้งลานก็เงียบสงบมากนัก ประมาณหลังเที่ยงคืน ก็มีเสียงการต่อสู้และเสียงฮือฮือดังมา
จวินหย่วนโยวที่หูดีมากนักก็ตื่นขึ้นมาทันที และโทรหา เรียกหลงเอ้อกับหลิงเฟิงที่เฝ้าอยู่นอกประตู และให้ หลิงเฟิงไปตรวจสอบ
แต่หลิงเฟิงพึ่งเดินไปถึงหน้าประตู หญิงชราที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันก็ทำให้หลิงเฟิงตกใจกลัว เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางดึก และจู่ๆหญิงชราคนนี้ก็ปรากฏตัว หลิงเฟิงก็รีบเก็บดาบที่ชักออกมา
“ยาย เป็นเจ้าได้อย่างไร?”
สีหน้าของหญิงชราดูน่ากลัวเล็กน้อย “ข้าตื่นมาจะไปเวจ ทำไมเจ้ายังไม่นอน รีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้พวกเจ้ายังต้องเดินทาง”
“อืม” ขณะที่หลิงเฟิงกำลังจะหันหลัง ทันใดนั้นหญิงชราก็ขว้างผงบางอย่างใส่เขา หลิงเฟิงกำลังจะพูดอะไรแต่ก็สลบไปก่อน
แต่หหลงเอ้อที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็รีบวิ่งออกมาทันที ยังไม่ทันมองดีๆว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็อ่อนแรงและล้มลงกับพื้น
“คุณชายระวัง!” หลงเอ้อตะโกน
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นลง และรีบปลุกหยุนถิงให้ตื่นขึ้น หญิงชราก็บบุกเข้ามาแล้ว
“เจ้าทำอะไรกับพวกเขา?” จวินหย่วนโยวอยากลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นก็เวียนหัวและขยับไม่ได้
หญิงชรามองดูพวกเขาอย่างเย็นชา “คิดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาได้ผลแล้วสินะ จะโทษก็โทษที่แม่นางคนนี้สวยเกินไป ข้าเกลียดสาวสวยที่ชอบยั่วยวนใจคนมากที่สุดแล้ว และยิ่งเกลียดที่คนอื่นมารักกันต่อหน้าข้า ในเมื่อพวกเจ้ารักกันมากเช่นนี้ งั้นหากแม่นางคนนี้ไปอยู่กับลูกข้า ข้าจะดูว่าพวกเจ้ายังจะรักกันยังไง ฮ่าฮ่า——”
หญิงชราในขณะนี้ไม่ดูเมตตาและเป็นมิตรเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว น้ำเสียงน่ากลัวและโหดร้าย ดวงตาน่ากลัวเหมือนงู จ้องมองจนหยุนถิงรู้สึกอึดอัดมากนัก
“เจ้าวางยาพิษให้พวกข้าเมื่อไหร่กัน เหตุใดพวกข้าถึงไม่ทันสังเกต?” ดวงตาแสนสวยของหยุนถิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“หากให้พวกเจ้ารู้ จะเรียกว่าวางยาพิษได้อย่างไร ตั้งแต่ที่พวกเจ้าใช้น้ำร้อนก็ถูกพิษแล้ว แต่พิษนี้กำเริบช้ากว่าเท่านั้น” หญิงชราตะคอกอย่างเย็นชา นางเดินไปด้านหน้าแล้วไปดึงหยุนถิง
สายตาที่เย็นชาของจวินหย่วนโยว กำลังจะออกมือ แต่ก็ถูกหยุนถิงใช้สายตาห้ามเอาไว้ เมื่อเห็นหญิงชราดึงผมของหยุนถิง จวินหย่วนโยวก็ปวดใจยิ่งนัก แต่ก็กลั้นเอาไว้ “บ้าเอ็ย ปปล่อยภรรยาของข้าซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน”
เขาพยายามแสดงให้ตัวเองดูเหมือนอ่อนแอและไร้ความสามารถ เพื่อให้หญิงชราการ์ดตก
“คนไร้ประโยชน์ อย่างเจ้านะหรือ!” หญิงชราคำรามด้วยความโกรธ และเตะจวินหย่วนโยวอย่างแรง จากนั้นก็ดึงหยุนถิงออกไป
หยุนถิงร้องคร่ำครวญ และถูกบังคับให้ตามหญิงชราไป และในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ห้องด้านข้าง
มีประตูกันเอาไว้ หยุนถิงก็ได้กลิ่นอับเหม็นเน่าและเปรี้ยว และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ที่นี่คือ?”
“ลูกชายข้าอยู่ข้างใน คืนนี้เจ้าปรนนิบัติเขาดีๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าได้อยู่ดีแน่นอน!” หญิงชราหยิบกุญแจไขประตู ดึงหยุนถิงแล้วเข้าไปข้างใน