จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 377 ข้าเหมือนจะฆ่าคนตาย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 377 ข้าเหมือนจะฆ่าคนตาย
“เพคะ” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวถอยออกไป
คนโง่ยังดูออกเลยว่า ฮ่องเต้ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ เพราะหลันรั่วเป็นองค์หญิงที่กษัตริย์แคว้นเทียนจิ่วรักใคร่ที่สุด หากจัดการไม่ดี พวกเขาต้องคิดว่า หยุนถิงจงใจปลอมตัวเป็นชายไปแกล้งหลันรั่วแน่
ด้านหนึ่งเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเทียนจิ่ว อีกด้านเป็นหยุนถิง ฮ่องเต้อยู่ตรงกลางย่อมต้องลำบากใจอยู่แล้ว ข้างไหนก็ผิดใจไม่ได้ เลยไม่ยุ่งเลยดีกว่า
“ซื่อจื่อ งั้นตอนนี้ข้าไปคุยกับองค์หญิงหลันรั่วดีไหม?” หยุนถิงถาม
“ทั่วทั้งที่พักเปลี่ยนม้าหลวงเป็นองครักษ์และข้ารับใช้จากแคว้นเทียนจิ่วทั้งนั้น หากเห็นเจ้าเข้า ต้องลือเลื่องแน่ คืนนี้ค่อยไปเถอะ ถึงเวลานั้นข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก
“ได้”
วันนี้ทั้งวันหยุนถิงเอาแต่คิดว่ากลางคืนจะพูดกับหลันรั่วให้เข้าใจยังไง เวลาผ่านไปเร็วมากจนถึงเวลากลางคืน
กลางดึก รถม้าคันหนึ่งออกจากจวนซื่อจื่อ มุ่งตรงไปยังที่พักเปลี่ยนม้าหลวง และหยุดลงที่มุมหนึ่งห่างจากที่พักเปลี่ยนม้าหลวงหนึ่งถนน
คิดถึงร่างกายของซื่อจื่อ หยุนถิงให้เขารอในรถม้า และให้หลงเอ้อร์พานางเข้าไปด้วยวิชาตัวเบา
ในห้องที่กว้างใหญ่ จุดเทียนไขอันหนึ่งไว้ แสงตะเกียงเหลืองอ่อนส่องให้คนบนเตียงดูอ่อนแอผอมบางเหงาหงอยนัก หลันรั่วเหมือนนอนหลับไม่สนิท นางคิ้วขมวดมุ่น ละเมอบ่นพึมพำว่าอะไรสักอย่างแต่ฟังไม่ชัด
หยุนถิงเห็นนางเป็นเช่นนี้แล้วอดแปลกใจไม่ได้ ถึงหลันรั่วจะไม่ได้งามล่มเมือง แต่ก็เป็นสาวน้อยที่หน้าตาสวยงามคนหนึ่ง ทำไมกลายเป็นสภาพผีตายซากแบบนี้ได้
แก้มซูบตอบ ดวงตาลึกโบ๋ ผิวเหลืองซีด แค่ดูก็รู้ว่าระยะนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ กินอาหารไม่อิ่ม
คำพูดที่ตั้งใจมาพูด หยุนถิงพลันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี
แค่สาวน้อยอายุสิบสามสิบสี่ปี และยังได้รับการเลี้ยงดูตามใจแต่เด็ก น่ากลัวว่าจะหวั่นไหวครั้งแรกล่ะมั้ง รักแรกมักงดงามและมีค่าเสมอ น่าเสียดายที่นางมองคนผิดไป
หากให้นางรู้ว่าคนที่ตนหวนคะนึงหาเป็นตนเอง เกิดคิดไม่ตกขึ้นมา—
“หลงเอ้อร์ไปรอที่ข้างหน้าต่างนั่น!” หยุนถิงบอก
“ขอรับ” หลงเอ้อร์รีบกระโดดออกนอกหน้าต่างไป
หยุนถิงหยิบชุดผู้ชายออกมาจากในมิติ เป็นชุดที่ใส่ในคืนที่ช่วยหลันรั่วพอดี
“หลันรั่ว หลันรั่ว!” หยุนถิงร้องเรียกเสียงเบา
หลันรั่วที่กำลังนอนสะลึมสะลือเหมือนได้ยินเสียง พอลืมตามาเห็นคนตรงหน้า ตะลึงอึ้งไปเลย ผ่านไปสักพักถึงได้สติ “ท่าน ท่านจริงรึ ข้าไม่ได้ฝันไปกระมัง?”
นางพูดไปพลางน้ำตาไหลพราก แต่กลับยินดี ตื่นเต้นและดีใจนัก
นางรอมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ได้เจอเขา
หยุนถิงเห็นท่าทางน้ำตาไหลพรากของนางแล้ว ไม่ได้เป็นองค์หญิงที่เย่อหยิ่งเอาแต่ใจคนนั้นอย่างปกติ แต่กลับเป็นสาวน้อยที่อ่อนแอน่าสงสารใสบริสุทธิ์ แววตารักใคร่และยินดีในดวงตานั้น หยุนถิงเห็นอย่างชัดเจน
นี่เธอทำกรรมอะไรมาเนี่ย ไหงมาเจอนางเข้าได้เนี่ย
“ข้าเอง เจ้าไม่ได้ฝันไป ข้าเห็นประกาศราชวงศ์เลยมา” หยุนถิงตอบเสียงต่ำ
“ดียิ่งนัก ข้ารู้ว่าท่านต้องมาหาข้าแน่ ทำไมท่านพึ่งมาล่ะ ข้ารอท่านนานมาก ตามหาท่านมานานมาก” หลันรั่วร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“เพราะฮูหยินข้าล้มป่วย บุตรก็ยังเรียนหนังสือ ดังนั้นข้าเลยอยู่ดูแลพวกเขาที่บ้าน เดิมข้าไม่อยากมา แต่เห็นประกาศราชวงศ์บอกจะให้รางวัลหนึ่งหมื่นตำลึง เพื่อยาของนางและค่าเล่าเรียนของลูกๆ ข้าเลยมา รบกวนองค์หญิงแล้ว” หยุนถิงตอบอย่างกระดากอาย
นางแค่อยากให้หลันรั่วเข้าใจว่าตนเป็นคนเห็นแก่เงิน อีกทั้งมีลูกมีเมียแล้ว แบบนี้น่าจะดีกว่าบอกนางตามตรงนะ
หลันรั่วตะลึงมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่าน ท่านแต่งงานแล้ว และมีลูกแล้ว?”
“ใช่ แต่งเมื่อสามปีก่อน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มิทราบว่าองค์หญิงจะประทานรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงนั่นให้ได้เมื่อไหร่?” หยุนถิงไล่ถาม
หลันรั่วที่เดิมร้องไห้โฮ พลันหัวเราะออกมา หัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนน้ำตาไหล
นี่คือผู้ที่นางตามหามานาน รอมานาน หลงรักลึกซึ้งคนนั้น เหตุใดจึงเป็นแบบนี้
มันต่างจากที่องค์หญิงหลันรั่วคิดไว้มากเกินไป มากเกินไปจริงๆ ผู้ใส่ชุดขาวมิแน่ว่าจะเป็นคุณชายจริงๆด้วย
เพียงแต่นางยังไม่อยากยอมแพ้ ตั้งแต่เล็กจนโตมิมีสิ่งใดที่นางต้องการแล้วไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่ว่านางมิต้องการเอง
“หากเจ้ายอมละทิ้งลูกเมีย ข้าให้ลาภยศสรรเสริญแก่เจ้าได้ ให้เจ้ากินอยู่สุขสบายไปชั่วชีวิตดีหรือไม่?” หลันรั่วถาม
“ขอบพระทัยน้ำใจขององค์หญิงนัก แต่มิต้องดอก ฮูหยินของข้านั่นเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก เป็นสหายแต่เยาว์วัย ข้าตั้งใจและสาบานมาแต่เล็กแล้วว่า ชาตินี้จะรักนางเพียงผู้เดียว
ส่วนบุตรชายหญิงนั้นก็เป็นพยานความรักของเรา ต่อให้ข้าไม่กินไม่ดื่ม ยากจน อดตาย ข้าก็ไม่ยอมให้พวกเขาลำบากแม้เพียงนิด
คืนนั้นที่ช่วยองค์หญิงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ เมื่อก่อนฮูหยินข้าก็เคยเจอพวกอันธพาล ดัง
นั้นข้าเลยช่วยไปโดยมิได้คิดอะไรมาก ขอองค์หญิงโปรดละเว้นด้วย
ท่านเป็นองค์หญิงของแคว้นหนึ่ง อยากได้เขยขวัญเยี่ยงไรก็ย่อมได้ อนาคตราชบุตรเขยย่อมเป็นบุคคลยอดเยี่ยม ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา มิคู่ควรกับองค์หญิงดอก!”
หยุนถิงพูดตรงประเด็น ตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
หลันรั่วรู้สึกราวกับโดนตบหน้า กระดากอายนัก แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าปฏิเสธนาง อีกทั้งยังเป็นชาวบ้านธรรมดาด้วย
หลันรั่วโกรธจนโยนตั๋วเงินที่หัวเตียงไปให้ “เจ้าพูดถูก ข้าเป็นองค์หญิงฐานะสูงส่ง เจ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่คู่ควรกับข้า นี่มีเต็มๆหลายหมื่นตำลึง เอาไปแล้วไสหัวไปซะ!”
หยุนถิงแกล้งทำตาโตเมื่อเห็นเงิน ก้มลงหยิบเงินเหล่านั้น หมุนตัวกระโดดออกหน้าต่างจากไปทันที
สุดท้ายพอหยุนถิงออกไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องไห้โฮขององค์หญิงหลันรั่วดังมาจากในห้องไล่หลังมา ทั้งร้องไห้ด่ากราด และยังขว้างปาข้าวของ
เสียงนี้ทำยามรวมถึงองครักษ์ด้านนอกตกใจเหมือนกัน ทุกคนพากันเข้าไปตรวจสอบ
“ไม่ต้องสนใจ นางจะคิดตกแน่ รีบไป!” หยุนถิงแค่นเสียงหึ
“ขอรับ!” หลงเอ้อร์รีบใช้วิชาตัวเบาพานางจากไปทันที พริบตาเดียวก็หายไปในความมืด
บนรถม้า
จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงที่กลับมาในชุดบุรุษ ไม่ได้ถามอะไรมาก “กลับไปเถอะ”
หลงเอ้อร์กับหลิงเฟิงรีบควบรถม้าจากไป มุ่งตรงไปจวนซื่อจื่อ
“ซื่อจื่อ ท่านไม่อยากรู้รึว่าข้าพูดอะไรกับองค์หญิงหลันรั่ว?” หยุนถิงถาม
บางครั้งซื่อจื่อดูจะไว้ใจตนมากเกินไปละ ไม่แปลกใจเลยสักนิด น่าเบื่อจะตาย
“เจ้าเฉลียวฉลาดขนาดนี้ ย่อมต้องบรรลุเป้าหมายแล้วถึงกลับมา” จวินหย่วนโยวยิ้มบอก
“ซื่อจื่อเดาได้ถูกต้องแล้ว” หยุนถิงควักตั๋วเงินออกมาจากในอก และเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างได้ใจ
ทำเอาจวินหย่วนโยวพูดไม่ออก นังหนูนี่ด้านได้อายอดจริงๆ คำพูดเช่นนี้ก็พูดออกมาได้
รถม้าพึ่งถึงจวนซื่อจื่อ หยุนถิงและจวินหย่วนโยวยังไม่ทันลงจากรถ โม่หลานที่รออยู่หน้าประตูจวนซื่อจื่อวิ่งเข้ามาหา “หยุนถิงช่วยด้วย เรื่องด่วนมากๆ!”
หยุนถิงรีบลงจากรถม้า “ทำไมรึ?”
“ข้าเหมือนจะฆ่าคนตาย เจ้าช่วยไปดูให้ข้าทีว่ายังพอช่วยได้ไหม?” โม่หลานร้อนรนมาก
“เกิดอะไรขึ้น?” หยุนถิงถาม
ปกติถึงนังหนูนี่จะเลือดร้อนไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้การควรมิควรนี่นา