จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 376 องค์หญิงหลันรั่วคิดถึงท่านจนล้มป่วยแล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 376 องค์หญิงหลันรั่วคิดถึงท่านจนล้มป่วยแล้ว
หยุนถิงตะลึง มองใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้เพียงนิ้วเดียว สบเข้ากับดวงตาทุ้มลึกดุจทะเลของจวินหย่วนโยว หยุนถิงยิ้มอย่างดีใจ
เธอยกสองมือกอดเอวจวินหย่วนโยว พลางเขย่งปลายเท้า แหงนใบหน้าขึ้นรับจูบของเขา
จวินหย่วนโยวพอใจยิ่งนัก ลิ้นยาวเข้าโรมรัน พันตูรุกรานเข้าไป—-
ผู้คนที่รายล้อมพากันหันหลังให้ในบัดดล ไม่กล้ามอง ในเวลาเดียวก็อิจฉาความรักของซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยด้วย
พ่อครัวคนหนึ่งพุ่งไปที่หมูหัน ซื่อจื่อเฟยมัวยุ่งกับการจูบกับซื่อจื่อ จะให้หมูหันไหม้หมดไม่ได้ เขาต้องช่วยก่อน
ในสวนที่กว้างใหญ่ จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงยืนจูบกัน ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหมูหัน ดูอบอุ่นนัก
รั่วจิ่งที่แอบฟังอยู่พอใจนัก “ซื่อจื่อเฟยเก่งจริงรู้วิธี แน่จริงแล้วที่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ หากมิใช่ตัวหนึ่งเป็นตัวผู้ อีกตัวเป็นตัวเมีย”
หลิงเฟิงมองค้อนเขา “นี่มันวิธีพูดบ้าอะไร แต่ซื่อจื่อเฟยสามารถกำราบซื่อจื่อได้นี่เป็นเรื่องจริง”
“แน่นอนอยู่แล้ว ซื่อจื่อเฟยน่ะเป็นยอดดวงใจของซื่อจื่อเรา พอยอดดวงใจขยับ ซื่อจื่อย่อมโดนกำราบไว้มั่นอยู่แล้ว” รั่วจิ่งเสริม
ผ่านไปนาน จวินหย่วนโยวถึงจบสิ้นการจูบครั้งนี้ มือหนึ่งอุ้มหยุนถิงที่ตัวอ่อนปวกเปียกในอ้อมกอดตนขึ้นมา
หลงเอ้อร์รีบยกเก้าอี้มาให้ตัวหนึ่ง หลิงเฟิงเดิมคิดจะไปยกมาอีกตัว โดนหลงเอ้อร์ห้ามไว้
“ซื่อจื่อชอบนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับซื่อจื่อเฟย เจ้าอย่าตาถั่วสิ” หลงเอ้อร์บอก
หลิงเฟิงหยุดทันที “เจ้านี่ประจบสอพลอจริงๆ”
“แหงสิ ข้าติดตามซื่อจื่อเฟยทุกวัน ย่อมต้องรู้ใจพวกเขาอยู่แล้ว”
จวินหย่วนโยวเห็นเก้าอี้ที่หลงเอ้อร์ยกมา พอใจนัก อุ้มหยุนถิงนั่งลงไป
หยุนถิงได้รับอิสระ ก็หอบหายใจคำโต พอเห็นมีคนอยู่มากมาย แก้มพลันแดงเรื่องอย่างกับกุ้งที่ต้มสุกแล้ว
“หันหลังไปให้หมด!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่งกราด
คนอื่นหันหลังไปทันที ไม่มีใครกล้าหันไปดูเลย ในใจอิจฉามาก
“แย่ล่ะ หมูหัน!” หยุนถิงรีบหันไปดู
และได้เห็นพ่อครัวคนหนึ่งยืนหันหลังให้เธอและกำลังทาน้ำมันให้หมูหันอยู่ ยังไม่ลืมตอบเธอว่า “ซื่อจื่อเฟยวางใจเถิด ข้าจ้องหมูตัวนี้อยู่นะ ท่านกับซื่อจื่อเชิญต่อเถอะ”
หยุนถิงยิ่งอายหนักขึ้น ถลึงตาใส่จวินหย่วนโยว
“ต่างออกไปกันเถอะ” จวินหย่วนโยวบอก
“ขอรับ!” พ่อครัวก็ออกไปด้วย ทุกคนพากันออกจากสวนหมด
สวนที่กว้างใหญ่เหลือแค่หยุนถิงและจวินหย่วนโยว หยุนถิงนั่งอยู่บนตักของจวินหย่วนโยว มองดูสีของหมูตัวนั้นแล้วพอใจมาก
“ซื่อจื่อ ท่านใส่เครื่องปรุงหน่อยนะ ด้านขวาสุดนั่นคือผงยี่หร่า สาดใส่บนนั้นให้ทั่วหน่อย”
หากเป็นเมื่อครู่ จวินหย่วนโยวต้องไม่ยอมแน่ ตอนนี้ได้กำไรแล้ว จวินหย่วนโยวพอใจนัก เขาลุกขึ้นวางหยุนถิงลงบนเก้าอี้ จากนั้นเดินไปใส่เครื่องปรุง
หยุนถิงชี้นิ้วสั่งการอยู่ด้านข้าง จวินหย่วนโยวก็ทำตามหมด ทั้งสองคนเข้าขากันดียิ่งนัก
ทุกคนที่อยู่นอกสวนมองมาอย่างอิจฉา ถึงซื่อจื่อจะให้พวกเขาออกไป ทุกคนก็สงสัยฝีมือทำอาหารของซื่อจื่อเฟย เลยอยากเรียนด้วย
สุดท้ายไหนเลยที่ซื่อจื่อเฟยย่าง กลับเป็นซื่อจื่อทำแทน ภาพอบอุ่นเยี่ยงนี้ทุกคนไม่อยากพลาดอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปเร็วนัก ในที่สุดจวินหย่วนโยวก็ย่างเสร็จภายใต้การชี้นิ้วสั่งการของหยุนถิง
จวินหย่วนโยวหยิบมีดสั้นข้างๆมา ตัดเนื้อส่วนที่สดที่สุด ส่งเข้าปากหยุนถิง “ลองชิมดู”
“ลำบากซื่อจื่อแล้ว” หยุนถิงรับมากินเข้าไป “อืม รสชาติดียิ่งนัก สมเป็นหมูที่ซื่อจื่อย่างด้วยตัวเอง รสชาติดีเยี่ยม!”
พอได้ยินคำชมของหยุนถิง จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปาก จากนั้นตัดมาหนึ่งชิ้นกินเอง กินไปก็ชมเชยไม่หยุด “ผัวเมียใจเดียวกัน ย่างด้วยกันคือรสชาติเยี่ยม”
ทำหยุนถิงขำกลิ้ง เธอพบว่าระยะนี้ซื่อจื่อชอบหวานใส่เอามากๆ หมอนี่ช่างเก่งได้ด้วยตนเองจริงๆ
ในสวนที่กว้างใหญ่ สองคนกินด้วยกันพูดคุยหัวเราะกัน อบอุ่นยิ่งนัก
ซูหลินเดินเข้ามาจากด้านนอก เดิมนางไม่อยากมารบกวนหยุนถิง แต่เรื่องมันเร่งร้อนนัก ซูหลินลังเลอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเข้ามา
“คุณหนูใหญ่ องค์หญิงหลันรั่วคิดถึงผู้ที่ช่วยเหลือนางในคืนนั้นจนล้มป่วย กระทั่งไปขอร้องฝ่าบาทแปะประกาศของราชวงศ์ ให้ค้นหาคนผู้นั้น หากผู้ใดพบเข้าหรือให้เบาะแสจะมีรางวัลให้อย่างงาม” ซูหลินบอก
หยุนถิงมุมปากกระตุก “คิดคำนึงหาจนล้มป่วย เป็นไปได้อย่างไร?”
คืนนั้นเธอแค่เห็นองค์หญิงหลันรั่วโดนนักเลงไม่กี่คนรังแก เลยออกหน้าช่วยนางเท่านั้นเอง
ตอนนั้นมืดตึ้ดตื๋อ น่ากลัวจะเห็นหน้าไม่ชัดด้วยซ้ำ นางจะคิดคำนึงหาได้ยังไงกัน
“คุณหนูใหญ่ท่านมิรู้ สตรีมากมายมักจะตกหลุมรักผู้ที่ช่วยชีวิตตนไว้ หรือไม่ก็รู้สึกดีๆด้วย” ซูหลินถอนหายใจบอก
วินาทีที่นางออกไปแล้วเห็นประกาศราชวงศ์นั่น ก็ตกใจมาก คุณหนูใหญ่เป็นสตรีไม่มีทางแต่งงานกับองค์หญิงหลันรั่วได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเปิดเผยฐานะออกไปน่ากลัวจะโดนโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง เรื่องนี้จัดการยากจริงๆ
หยุนถิงพลันนึกถึงบทละครปัจจุบันขึ้นมา ผู้ชายเป็นฮีโร่ช่วยเหลือผู้หญิง ผู้หญิงเลยมักจะมอบตัวเองเป็นของตอบแทน
เดิมยังคิดว่าจะมีแต่ในละครซะอีกน่ะ ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับตัวเธอเข้าเสียนี่ คราวนี้ทำยังไงดีล่ะ
“เรื่องอะไรกัน?” จวินหย่วนโยวถาม
หยุนถิงถึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง “ซื่อจื่อท่านต้องช่วยข้านะ ข้าแค่เห็นนางโดนคนรังแกเลยเข้าไปช่วยเท่านั้นเอง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า ตอนนี้ฝ่าบาทก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต้องคิดวิธีที่รอบคอบทุกด้านถึงจะดีนะ”
ดวงตาดำขลับเหมือนกลางคืนของจวินหย่วนโยวหรี่ลง ไม่คิดว่าองค์หญิงหลันรั่วไร้มารยาทหาเรื่องขนาดนั้น กระทั่งยังเอาตนเองมาแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีกับตน แน่นอนว่าสุดท้ายนางยอมแพ้แล้ว หยุนถิงเห็นนางมีอันตรายยังยื่นมือเข้าช่วย นับว่าจิตใจดีงามนัก
“เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง บอกนางตามความจริงก็พอแล้ว เรื่องนี้เดิมมิใช่ความผิดของเจ้าเลย นางคิดมากไปเอง” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเรียบ
หยุนถิงคิดๆก็จริง “งั้นข้าจะไปพูดกับนางให้ชัดเจนด้วยตัวเอง”
“ข้าพาเจ้าเข้าวัง ไปพบฝ่าบาทก่อน พอพูดคุยกับฝ่าบาทเข้าใจแล้ว ด้วยนิสัยของหลันรั่วต่อให้อาละวาดขึ้นมาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฝ่าบาทเองก็ไม่มีทางลงโทษเจ้าแน่” จวินหย่วนโยวเสนอ
“ซื่อจื่อคิดได้รอบคอบจริง”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกินหมูหันไปหน่อย ทั้งสองคนอาบน้ำสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า มุ่งตรงไปยังพระราชวังทันที
ฮ่องเต้ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว สีหน้าหน่ายใจและพูดอะไรไม่ออก
“หยุนถิง เจ้าจะเพลาๆลงหน่อยมิได้รึ ข้าแปะประกาศราชวงศ์ตามหาคนแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าเลย ปกติเจ้าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็แล้วไป ทำไมยังมายุ่งเรื่องหลันรั่วอีกเล่า?” ฮ่องเต้ถามด้วยสีหน้าทะมึน
“ความหมายของฝ่าบาทคือ ให้ข้ายืนดูองค์หญิงหลันรั่วโดนลวนลาม ให้นางเกิดเรื่องในแคว้นต้าเยียนรึ?” หยุนถิงย้อนถาม
ฮ่องเต้มุมปากกระตุก “ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น องค์หญิงหลันรั่วไม่อาจเกิดเรื่องได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมมาเจอเจ้าได้ล่ะ ไปไหนก็เจอแต่เจ้าจริงๆ”
“หม่อมฉันเองก็ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้นี่นา”
“พวกเจ้ากลับไปเถอะ เรื่องนี้ข้าจะทำเป็นไม่รู้ เจ้าก่อเรื่องก็ต้องจัดการเอง” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น