จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 320 ฮูหยินของข้าเป็นคนตบเอง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 320 ฮูหยินของข้าเป็นคนตบเอง
“ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก ดียิ่งนัก ข้าน้อยขอบคุณคุณหนูหยุนแทนหวางเฟยเรือนข้าด้วย” มามาที่อยู่ข้างๆพูดอย่างซาบซึ้ง
“ไม่ต้องหรอก” หลู่หวางเฟยสีหน้าลำบากใจ
“หวางเฟย ฝีมือการแพทย์ของคุณหนูหยุนดียิ่งนัก คนของเมืองหลวงทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนล้วนรู้กันดี ดียิ่งกว่าหมอหลวงในวังหลวงอีก ขนาดเวลาฝ่าบาทปวดหัวหัวร้อนยังเรียกคุณหนูหยุนเข้าเฝ้าบ่อยครั้งเลย
หวางเฟยยังลังเลอะไรอีก นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ปกติเชิญยังเชิญคุณหนูหยุนมาไม่ได้เลย มีพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตเช่นคุณหนูหยุนอยู่ ท่านจะไหว้พระที่ใดอีก” มามาตื่นเต้นยิ่งนัก
หยุนถิงมุมปากกระตุก เธอไม่คิดเลยว่ามามาผู้นี้จะประเมินเธอไว้สูงขนาดนี้
หลู่หวางเฟยย่อมรู้ดีว่ามามาจงรักภักดีและหวังดีกับตน ใช่สิ นางไหว้พระมาหลายปีขนาดนี้ก็ยังไม่มีบุตรธิดาอยู่ดี บางทีคุณหนูหยุนอาจจะช่วยนางได้ก็ได้ ลองดูสักตั้งละกัน
“คุณหนูหยุน เช่นนั้นรบกวนท่านด้วย” หลู่หวางเฟยบอกอย่างขอลุแก่โทษ
“หวางเฟยเกรงใจไปแล้ว ซื่อจื่อ ท่านออกไปก่อนนะ” หยุนถิงเอ่ยขึ้น
“ได้ เช่นนั้นข้าจะไปรอเจ้าที่ศาลาทางนั้น” จวินหย่วนโยวหมุนตัวจากไป
ที่นี่เป็นยุคโบราณ จะพูดคุยเรื่องท้องไม่ท้องต่อหน้าผู้ชายมันไม่สมควรเท่าไหร่จริงๆ หยุนถิงเองก็กลัวหลู่หวางเฟยจะอับอาย
หยุนถิงจับชีพจรให้หลู่หวางเฟยทันที ผ่านไปนานถึงยกมือออก “ขอถามหวางเฟยว่า หลายปีมานี้ไม่ท้องตลอดเลยใช่หรือไม่ ท่านแยกห้องนอนกับหลู่อ๋องหรือว่า?”
หลู่หวางเฟยสีหน้าเก้อเขิน แต่ก็ตอบตามตรง “มิปิดบังคุณหนูหยุนเลย หลายปีมานี้ข้าไม่เคยท้องเลย หลายปีที่พึ่งแต่งงานนั้นข้ากับหลู่อ๋องรักใคร่กันดี และก็ถือว่ารักใคร่ปรองดอง
แต่พวกเราไม่มีบุตรธิดามาตลอด ตอนแรกหลู่อ๋องยังปลอบข้าบอกว่า ไม่รีบร้อน เรื่องบุตรธิดาต้องดูวาสนาด้วย ข้าเลยไม่รีบร้อนจริงๆ
ต่อมาหลู่อ๋องกลับมาจวนดึกมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าคิดว่าเขาเจอเรื่องยากลำบากในราชสำนัก จึงคอยปลอบอย่างอดทน และยังให้ท่านพ่อข้าคอยช่วยเหลือเขา
หนึ่งปีผ่านไป หลู่อ๋องกลับพาสตรีคนหนึ่งกลับมา ตอนนั้นข้ากับหลู่อ๋องแตกหักกันเลยทีเดียว เกือบหนึ่งเดือนที่เขาไม่เข้ามาเรือนของข้าเลย
เพราะข้ามิตั้งท้องสักที รู้สึกว่าตนผิดต่อหลู่อ๋อง สุดท้ายเลยยกโทษให้เขา แต่ต่อมาหลู่อ๋องกลับหนักข้อมากยิ่งขึ้น พาสตรีกลับมาจวนไม่หยุด บอกว่าจะต้องมีทายาทสืบสกุลให้จวนหลู่อ๋องให้ได้
เหตุผลนี้ข้าไม่อาจคัดค้านได้เลย ต่อมาหลู่อ๋องยิ่งเหิมเกริมบังอาจมากขึ้น จนตอนนี้ทั้งเรือนด้านหลังเต็มไปด้วยสตรี เขาก็ยังไม่พอใจ”
“เช่นนั้นสตรีพวกนั้นของเรือนหลังจวนหลู่อ๋องมีผู้ใดท้องหรือไม่?” หยุนถิงถามตรงประเด็น
“ไม่มี” หลู่หวางเฟยตอบ
“แน่ใจว่าไม่มีเลยรึ มีผู้ใดท้องแล้วจงใจปิดบังท่านหรือไม่?”
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย ระดูทุกเดือนของสตรีพวกนั้นจวนอ๋องมีทำการบันทึกไว้หมด ใช้ผ้ารองระดูเท่าไหร่ ใช้จ่ายเท่าไหร่ เรื่องพวกนี้ได้ทำการบันทึกไว้หมดแล้ว” มามาที่อยู่ข้างๆรีบตอบ
หยุนถิงขมวดคิ้วแน่ “หากหวางเฟยไม่ท้อง อาจจะเป็นปัญหาที่หวางเฟย แต่หากสตรีมากมายเพียงนี้กลับไม่มีใครท้องเลย คงได้แต่บอกว่าปัญหามิได้อยู่ที่หวางเฟย แต่เป็นหลู่อ๋องแล้วล่ะ”
“หลู่อ๋อง ความหมายของท่านคือหลู่อ๋องมีปัญหา จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” หลู่หวางเฟยตะลึงยิ่งนัก
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ การมีลูกมิใช่เรื่องของคนผู้เดียว คนมากมายคิดว่าการไม่มีลูกเป็นปัญหาของสตรี แต่กลับมิรู้เลยว่าบุรุษต่างหากคือส่วนสำคัญ หลู่อ๋องของท่านน่ะมีความเคยชินด้านอาหารการกินเช่นไรบ้าง?”
“ท่านอ๋องชอบกินเนื้อดื่มเหล้านัก โดยเฉพาะหลายปีมานี้ วันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่เรือนหลังกับเหล่าอนุ หากไม่ถึงเที่ยงก็จะไม่ตื่น วันๆหมกมุ่นอยู่กับอิสตรี ได้ใหม่แล้วลืมเก่า หวางเฟยของข้าน่าสงสารนัก” มามารายงานตามความจริง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง หวางเฟย ยาบำรุงหรือสูตรลับของท่านเมื่อก่อนนี้พวกนั้นอย่าได้กินอีก นับจากวันนี้ไปให้กินอาหารตามปกติ ทุกวันออกมาตากแดดไม่น้อยกว่าสองชั่วยาม ฝึกฝนร่างกายหนึ่งชั่วยาม เดินเล่น กระโดดเชือก เดินได้ทั้งหมด สรุปแล้วให้ออกกำลังกายให้มากหน่อย”
หยุนถิงพูดพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นตั้งจิตเข้าไปในมิติ ในสายตาหลู่หวางเฟยและมามา หยุนถิงเพียงแค่หยิบของออกมาจากในกระเป๋าเท่านั้น
“นี่เป็นแผ่นกระดาษทดสอบระยะไข่ตก พอระดูหมดไปแล้วหกถึงเจ็ดวันค่อยใช้ ข้าจะบอกวิธีใช้กับท่าน” หยุนถิงอธิบายวิธีใช้อย่างละเอียด และยังเรื่องสำคัญในการเตรียมที่จะท้อง
หลู่หวางเฟยกับมามาฟังอย่างตั้งใจ และจำไว้ทั้งหมด ก่อนหน้ายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในตัวคุณหนูหยุน พอฟังคำพูดของนางจบ หลู่หวางเฟยเชื่อสนิทใจทันที นางไม่คิดเลยว่าจะมีสิ่งที่ต้องระวังมากเพียงนี้
“นายท่าน พวกนางตบข้า ท่านต้องจัดการให้ข้านะ!” เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังขึ้น
คืออนุนางเฉียวที่พึ่งจากไปเมื่อครู่ ลากหลู่อ๋องพุ่งมาด้วยท่าทางเดือดดาลนัก
จวินหย่วนโยวที่อยู่ในศาลาเหล่มองมาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนพุ่งเข้ามาขวางหน้าหลู่อ๋องไว้
“จวิน จวินซื่อจื่อ เหตุใดเป็นท่านเล่า?” หลู่อ๋องตกใจมาก รีบคารวะทันที
“ฮูหยินของข้าเป็นคนตบอนุของเจ้า!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างไม่แยแส
หลู่อ๋องอึ้งไป เมื่อครู่อนุเพียงบอกว่านางโดนหวางเฟยรังแก ดังนั้นหลู่อ๋องเลยเร่งรีบมาอย่างเดือดดาล แต่ไม่คิดเลยว่า คนที่ตบอนุจะเป็นคุณหนูหยุน ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนต่างรู้ดีว่า จวินซื่อจื่อรักใคร่คุณหนูหยุนแต่เพียงผู้เดียว หลู่อ๋องไม่กล้าเป็นศัตรูกับเขาหรอก
“นายท่าน คุณหนูหยุนรังแกข้า ท่านจะต้อง—“นางเฉียวแสร้งทำน่าสงสาร
นางไม่เชื่อหรอกว่า นายท่านเป็นถึงหลู่อ๋องยังจะกลัวจวินซื่อจื่ออีก
สุดท้ายหลู่อ๋องกลับหันมาตบหน้านางเฉียวฉาดใหญ่ “หุบปาก คุณหนูหยุนสั่งสอนเจ้าถือเป็นบุญของเจ้าแล้ว จำไว้ ต่อไปอย่าได้ทำการมิเคารพต่อคุณหนูหยุนกับจวินซื่อจื่อเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะจับเจ้าสับเป็นชิ้นๆไปให้หมากิน!”
นางเฉียวโดนตบลงไปกองกับพื้น นางเจ็บยิ่งนัก แก้มบวมแดงขึ้นมาฉับพลัน แต่นางไม่กล้าเหิมเกริมอีก นางไม่คิดเลยว่านายท่านจะกลัวจวินซื่อจื่อขนาดนี้
“จวินซื่อจื่อ เรื่องในวันนี้เป็นอนุของข้าที่กระทำการมิควรเอง ขอจวินซื่อจื่ออย่าได้ถือสานางเลย” หลู่อ๋องพูดอย่างนอบน้อม
ดวงตาจวินหย่วนโยวมีแววพอใจ “ถือว่าเจ้ารู้ความ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว!” หลู่อ๋องหมุนตัวจะจากไป ไม่มองนางเฉียวที่อยู่บนพื้นเลยสักนิด และไม่ได้มองหลู่หวางเฟยที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วย เวลานี้เขาเพียงแค่อยากเอาชีวิตรอด
หยุนถิงเห็นหลู่อ๋องยอมแพ้ต่ออำนาจเช่นนี้ ยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยัน “หลู่อ๋องรอประเดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงเย็นเยียบทำหลู่อ๋องเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ตัวแข็งเกร็งทันที
กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆ รู้กันดีว่าหยุนถิงเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด นางเฉียวน่าตายนัก ให้ร้ายตนจนได้ ต้องรู้นะว่าหากหยุนถิงลงมือแล้ว ต่อให้หลู่อ๋องมีสิบหัวก็ไม่กล้าตอบโต้หรอก
หลู่อ๋องถลึงตาใส่นางเฉียวที่พื้นอย่างเดือดดาล พลางหมุนตัวกลับมาเปลี่ยนใบหน้าเป็นรอยยิ้ม ท่าทางเอาอกเอาใจ “คุณหนูหยุนขอโทษจริงๆ ข้าสั่งสอนมิดีเอง ทำให้นางเฉียวรบกวนคุณหนูหยุนแล้ว ข้าขอโทษท่านแทนนางด้วย”
“คนที่หลู่อ๋องควรจะขอโทษไม่ใช่ข้า แต่เป็นหลู่หวางเฟย” หยุนถิงแก้ให้
“ใช่ ใช่ หวางเฟยขออภัยด้วย ข้าเลินเล่อเอง ทำให้นางเฉียวมารบกวนเจ้า ข้ากลับไปจะต้องลงโทษนางเฉียวอย่างหนักแน่นอน ขอหวางเฟยอภัยด้วย” หลู่อ๋องรีบเปลี่ยนคำอย่างนอบน้อมทันที