จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 243 หากว่าเจ้าชอบ ข้าจะหวีให้เจ้าตลอดชีวิต
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 243 หากว่าเจ้าชอบ ข้าจะหวีให้เจ้าตลอดชีวิต
ในเช้าตรู่ ทั่วทั้งตระกูลมู่ก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด มู่คุนถูกคนหามกลับไป คนทั้งคนไม่ได้สติ
นาทีที่กว๋อจ้างมู่ฉิงเซินเห็นลูกชาย ตกใจจนแทบจะหมดสติไป สั่งให้คนไปเชิญคณบดีแห่งโรงหมอหลวงที่พระราชวัง แล้วก็ให้คนไปแจ้งต่อฮองเฮาและลูกชายคนโตมู่ฟง(กว๋อจ้างแปลว่าพ่อตาของฮ่องเต้)
“หมอหลวงหลิว ลูกชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังมีหวังหรือไม่?” มู่ฉิงเซินถามด้วยความกังวล
หมอหลวงหลิวมองดูมู่คุนที่เต็มไปด้วยเลือด กางเกงและเสื้อผ้าบนร่างกายล้วนเปื้อนไปด้วยเลือด ดูแล้วน่ากลัวและทำให้คนรู้สึกขนลุกอย่างยิ่ง
“ใต้เท้ากว๋อจ้างวางใจ พวกข้าจะต้องรักษาคุณชายมู่อย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน” หมอหลวงหลิวหยิบกรรไกรขึ้นมาทันที ตัดกางเกงทั้งหมดของมู่คุนออก เพียงแต่เมื่อเห็นส่วนที่เต็มไปด้วยเลือด หมอหลวงหลิวก็ยังตกตะลึงไป
“นี่ นี่—–”
“ทำไมหรือ ไม่มีหวังแล้วใช่ไหม หมอหลวงหลิวท่านต้องรักษาอย่างสุดความสามารถนะ ลูกชายที่ข้าได้มาตอนแก่เฒ่า” มู่ฉิงเซินไม่มีท่าทีอยู่เหนือมวลชนเหมือนในเวลาปกติ เวลานี้เต็มไปด้วยการวิงวอน
“ไม่ปิดบังใต้เท้ากว๋อจ้าง ลูกชายของท่านบาดเจ็บสาหัสเกินไป ข้าพูดได้แค่จะพยายามรักษาชีวิตของเขาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น อย่างอื่นเกรงว่าคงได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว” หมอหลวงหลิวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คนทั้งคนของมู่ฉิงเซินเกือบจะทรุดตัวลงไปกับพื้น พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างประคองเขาเอาไว้ มู่ฉิงเซินถึงได้ฝืนยืนได้
ในฐานะที่หมอหลวงหลิวเป็นคณบดีแห่งโรงหมอหลวง ทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม แม้แต่เขาก็กล่าวเช่นนี้ เกรงว่าคุนเอ๋อร์คงจะจบเห่แล้วจริงๆ
“นายท่าน ให้หมอหลวงหลิวรักษาคุณชายก่อนเถอะ รักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เรื่องอื่นค่อยคิดหาวิธีกันในภายหลัง” พ่อบ้านปลอบประโลม
“หมอหลวงหลิวไม่ว่าต้องการยาสมุนไพรที่ล้ำค่าอะไร ข้าก็จะคิดวิธีทั้งนั้น ท่านจะต้องรักษาอย่างสุดความสามารถนะ” มู่ฉิงเซินสั่งการ
“ขอรับ เชิญใต้เท้ากว๋อจ้างออกไปก่อนเถอะ” หมอหลวงหลิวเอ่ยปาก
มู่ฉิงเซินสั่งการให้คนอื่นๆออกไปทันที ตัวเองก็ตามออกไปเช่นกัน
มู่ฟงเร่งรีบกลับมาจากด้านนอก “ท่านพ่อ ร่างกายของน้องสามเป็นอย่างไรบ้าง ใครเป็นคนทำร้ายเจ้าสาม สืบออกมาหรือยัง?”
สีหน้าของมู่ฉิงเซินมืดมนไร้ที่เปรียบ แก่ไปสิบปีในชั่วพริบตา “หมอหลวงหลิวบอกว่า รักษาได้แค่ชีวิตเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นคงได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรมเท่านั้น”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ใครเป็นคนทำร้ายเจ้าสามกันแน่ ข้าจะต้องสับมันเป็นหมื่นๆชิ้นอย่างแน่นอน” มู่ฟงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“กล้าทำร้ายน้องชายของข้า ข้าไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่!” ฮองเฮาคำรามด้วยความโกรธ คนยังมาไม่ถึงเสียงก็มาถึงก่อนแล้ว เดินเข้ามาจากลานด้านนอก
“กระหม่อมคำนับฮองเฮา!” มู่ฉิงเซินทำความเคารพทันที
“กระหม่อมคำนับฮองเฮา!” มู่ฟงก็ทำความเคารพเช่นกัน
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่พวกท่านลุกขึ้นมาเถอะ คนบ้านเดียวกันไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้ เรื่องสำคัญที่ต้องเร่งจัดการในทันทีคือการจบตัวคนร้ายที่ทำร้ายน้องสาม ถึงกับกล้าแตะต้องคนของตระกูลมู่ ข้าจะต้องทำให้มันมีชีวิตอยู่อย่างอยากตายก็ไม่ได้ตายก็ตายอยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน” ฮองเฮาคำรามด้วยความโกรธ
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฮองเฮาก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา เมื่อคืนนี้นางกับซ่างกวนเจิ้นร่วมมือกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่แล้วจวินหย่วนโยวกลับหนีรอดไปได้ แถมยังสูญเสียความบริสุทธิ์ของซ่างกวนหรูไปอีก
หรือว่าจะเป็น จวินหย่วนโยว?
……
จวนซื่อจื่อ
จวินหย่วนโยวที่กำลังยุ่งอยู่ในห้องหนังสือ จู่ๆก็จามขึ้นมา
หยุนถิงที่เดินเข้ามาเป็นห่วงอย่างยิ่ง รีบเข้ามาจับชีพจรของเขาทันที “ซื่อจื่อ ท่านเป็นหวัดใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร คาดว่าคงมีใครด่าข้าอยู่” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ
“ใครมันกล้าบังอาจด่าซื่อจื่อท่านกัน นี่คือรนหาที่ตายใช่ไหม?” หยุนถิงเย้าแหย่
“คาดว่าคงจะมีชีวิตอยู่จนเอียนแล้ว”
“ฮ่าๆ ซื่อจื่อท่านตลกเกินไปแล้ว แต่ว่าพูดเรื่องจริงจัง เดิมทีเมื่อคืนยังคิดว่าจะฉวยโอกาสตอนงานเลี้ยงเสนอเรื่องการสอบแบบข้ามชั้นกับฝ่าบาทอยู่เลย ดูท่ายังต้องหาโอกาสอีก” หยุนถิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้ารับปากจ้าวเคอแล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จด้วยตัวเอง อีกหน่อยข้าค่อยพึ่งพาท่านนะ” หยุนถิงกล่าวตอบ
นัยน์ตาของจวินหย่วนโยวมีความตามใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย “ตกลง ตามใจเจ้าหมด หากเจ้าจัดการไม่ได้ ข้าค่อยช่วยเจ้าเอง”
“ได้เลย” หยุนถิงยื่นมือไปกอดแขนของจวินหย่วนโยวเอาไว้ มีความสุขอย่างยิ่ง
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปขูดจมูกของนาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการตามใจ “เจ้านี่นะ”
มองดูเส้นผมที่สยายกระจัดกระจายของหยุนถิง ลักษณะท่าทางของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “มา ข้าหวีผมให้เจ้า”
“ซื่อจื่อ ท่านทำเป็นด้วยหรือ” หยุนถิงประหลาดใจ หันหลังไปทันที
นางเพิ่งจะตื่นนอน ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาไม่เห็นซื่อจื่อ รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย กลัวว่าเขาจะไม่สบาย ดังนั้นก็เลยมาที่ห้องหนังสือโดยที่ยังไม่ได้หวีผม
“ไม่เป็น ครั้งแรกก็ให้กับเจ้าเลย” จวินหย่วนโยวกล่าว
คำพูดประโยคนี้ ความหมายกำกวมอย่างยิ่ง หยุนถิงได้ยินแก้มก็แดงระเรื่อขึ้นมาในชั่วพริบตา
หลงเอ้อรีบไปหยิบหวีอย่างมีไหวพริบทันที ไม่ช้าก็หยิบมา และยืนให้กับซื่อจื่อด้วยความเคารพนบนอบ
มองดูเส้นผมสีดำที่ราวกับน้ำตกของนาง ปลิวไสวไปตามสายลม จวินหย่วนโยวหยิบหวีขึ้นมา รวบให้นางอย่างอ่อนโยน
นิ้วมือที่ขาวหมดจดลูบไล้ผ่านเส้นผม ราวกับความอ่อนโยนวนเวียนอยู่ในใจไม่มีที่สิ้นสุด มุมปากของจวินหย่วนโยวยกขึ้นสูง
อ่อนโยน อบอุ่น ชวนรักชวนฝัน
“ซื่อจื่อ ชาตินี้ดีได้แต่งงานกับท่านช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนช่วยหวีผมให้ข้า” หยุนถิงกล่าวด้วยความประทับใจ
“หากเจ้าชอบ ข้าจะช่วยเจ้าหวีตลอดชีวิต” เสียงที่ไพเราะดึงดูดใจของจวินหย่วนโยวดังมา
“ตกลง” หยุนถิงพยักหน้าอย่างมีความสุข
ชาตินี้ ได้แต่งงานกับซื่อจื่อ นางรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากจริงๆ
ไม่นานเท่าไหร่ จวินหย่วนโยวก็หวีเสร็จแล้ว หลงเอ้อรีบไปหยิบกระจกทองเหลืองมาทันที
หยุนถิงมองดูตัวเองในกระจก ผมถูกรวบเป็นทรงมวยเซียนโบยบิน เสริมให้รูปหน้าของตัวเองดูเล็กและงดงามละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น รู้สึกพึงพอใจมาก
“ซื่อจื่อ ฝีมือท่านดีจริงๆ ข้าชอบ” หยุนถิงกล่าวอย่างมีความสุข ลุกขึ้นแล้วหันกลับมา จูบไปทางจวินหย่วนโยว
ลักษณะท่าทางของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่คว้าเอวของนางเอาไว้ เปลี่ยนจากฝ่ายรับมาเป็นฝ่ายรุก ทำให้จูบนี้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
องครักษ์เงามังกรที่อยู่ในที่ลับด้านนอกลาน และบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกลานเห็นภาพฉากนี้ ล้วนรู้สึกอิจฉาความรักของซื่อจื่อฮูหยินกับอย่างยิ่ง
หลังมื้ออารมณ์ หลงยีรายงานเรื่องราว จวินหย่วนโยวไปที่ห้องครัว ห้องที่กว้างใหญ่เหลือเพียงหยุนถิงคนเดียวเท่านั้น
หยุนถิงกำลังคิดว่าจะใช้วิธีอะไรในการโน้มน้าวฝ่าบาท ให้เขาอนุญาตให้ผู้ที่เข้าร่วมการสอบคัดเลือกขุนนางสอบแบบข้ามชั้น แต่แล้วจู่ๆตรงหน้าต่างก็มีเสียงดังขึ้นมา
หยุนถิงขมวดคิ้ว ลุกขึ้นไปดู นอกหน้าต่างไม่ได้มีคน หยุนถิงที่กำลังจะปิดหน้าต่างจู่ดวงตาคู่สวยก็ๆเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เข็มเงินที่อยู่ในมือพุ่งไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เป่ยหมิงฉี่รู้สึกถึงกระแสอากาศที่อันตรายในอากาศ รีบหลบออกไปทันที คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะตอบสนองได้รวดเร็วเช่นนี้
หยุนถิงมองไปทางคนที่อยู่ด้านหลัง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เป่ยหมิงฉี่?”
“ถูกต้อง ข้าเอง ผู้หญิงอย่างเจ้าโหดเหี้ยมจริงๆ เกือบจะลอบทำร้ายข้าแล้ว” เป่ยหมิงฉี่กล่าวออกมา
“ปีนหน้าต่างกลางดึก ไม่ฆ่าท่านก็ดีแค่ไหนแล้ว” หยุนถิงฮึออกมาอย่างเย็นชา
นางคิดไม่ถึงว่า เป่ยหมิงฉี่จะสามารถหลบองครักษ์เงามังกร เข้ามาในจวนซื่อจื่อโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้เช่นนี้ เป็นคนที่เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้อย่างลึกล้ำจริงๆด้วย
“ข้ามาหาเจ้าคืนนี้ เพื่อมาทำข้อตกลง”
“ท่านมีอะไรควรค่าให้ข้าทำข้อตกลงด้วย?” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น
“ถ้าหากข้าบอกว่า มอดในแปรพระราชฐานที่เจ้าตามหา ข้ารู้ว่าคือใครล่ะ?” เป่ยหมิงฉี่ฮึออกมาอย่างเย็นชา
เขาในคืนนี้ แตกต่างไปจากการเยาะเย้ยถากถางสังคม เกียจคร้านและสบายอารมณ์เหมือนในเวลาปกติ เขาในเวลานี้สีหน้าเคร่งขรึม เย็นชา นัยน์ตาสีดำพุ่งแสงคมกริบที่เย็นชาดุร้ายออกมา ประกายเล็กน้อยในดวงตานั่นดูถูกไม่ได้เลย