จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 238 ข้ารักเจ้า รักเพียงแค่เจ้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 238 ข้ารักเจ้า รักเพียงแค่เจ้า
พอคำนี้ออกมา ทำทุกคนตกตะลึง จากนั้นทุกคนพากันมองมาอย่างเหยียดหยามเสียดสี
“ซ่างกวนหรูนี่เสียหนักจริงๆ ความบริสุทธิ์โดนย่ำยี ยังโดนอีกฝ่ายรังเกียจอีก ช่างเสียทั้งขึ้นทั้งล่องจริงๆ ทำตนเองแท้ๆ” มีเสียงคนหนึ่งพูดขึ้นด้านนอกประตู
“นางน่ะเป็นต้นตระกูลของนางจิ้งจอกเลย เมื่อครู่อยากให้ร้ายจวินซื่อจื่อ พอเห็นจวินซื่อจื่อไม่อยู่ ตอนนี้ก็มาบอกว่าตนไม่รู้เรื่องโดนข่มเหง ความสามารถในการกลับผิดเป็นชอบนี่คนธรรมดาเทียบไม่ได้จริงๆ”
“เสียแรงที่ก่อนหน้านี้ข้าเลื่อมใสนาง รู้สึกว่านางรูปโฉมงามมีวิชา เป็นอัจฉริยะยอดหญิงงามที่หาได้ยากยิ่ง ข้ามันตาไม่มีแววจริงๆ”
“เป็นหญิงงามเมืองแล้วยังคิดจะอยากตั้งป้ายคุณธรรม ถุยถุยถุย ช่างหน้าด้านเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าจริงๆ นี่ต่างหากถึงเป็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง”
ทุกคนพูดจากระซิบกระซาบใส่กัน พูดจาน่าเกลียดยิ่งนัก ทำเอาซ่างกวนเจิ้นโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ ดุดันยิ่งนัก แต่มันเป็นเรื่องจริง เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้
ฮ่องเต้เองก็ได้ยินเช่นกัน เหล่มองซ่างกวนหรูที่สลบอยู่บนเตียงอย่างรังเกียจ เคียดแค้นเดือดดาลนัก บรรยากาศรอบตัวพลันเย็นเยียบอันตราย กลิ่นอายอำมหิตที่สามารถทำลายฟ้าสะท้านดินค่อยๆแผ่กระจายออกไป
“กล้ามากระทำการต่ำช้าไร้ยางอาจในวังหลังของข้า หาเรื่องตายชัดๆ ทหาร พาชายผู้นี้ออกไปโบยหนึ่งร้อยที แล้วห้าม้าแยกร่างมันซะ ซ่างกวนหรูมิเคารพศีลธรรมจรรยา ไม่ว่าจะโดนให้ร้ายหรือวางแผน แต่นางทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงเช่นนี้ในวังหลวงออกมา จะละเว้นมิได้ ลงโทษให้ซ่างกวนหรูอยู่บ้านสำนึกผิดสามเดือน ไม่มีคำอนุญาตจากข้าห้ามนางออกไปไหนเด็ดขาด ต่อไปงานเลี้ยงของวังหลวงห้ามมิให้นางมาร่วมงานเด็ดขาด!” ฮ่องเต้ตะคอกดัง
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระกรุณาของฝ่าบาท” ซ่างกวนเจิ้นรู้ว่าฝ่าบาทเห็นแก่หน้าเขา ถึงยอมละเว้นชีวิตบุตรี เขารีบห่อผ้าห่มอุ้มตัวซ่างกวนหรูออกไปทันที
องครักษ์สองคนเข้ามา หามตัวผู้ชายคนนั้นออกไปสำเร็จโทษ เสียงร้องโหยหวนดังสนั่นเรือน ทำเอาผู้ที่ได้ฟังขนหัวลุกอยู่นานไม่ยอมหาย
“วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ซวนอ๋องทำหน้าที่รับรองแขกเหรื่อแทนข้าแล้วกัน ข้ากลับละ!” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าทะมึน พูดจบสะบัดชายเสื้อเดินไปทันที
จี๋ผินรีบตามไปทันที นางไม่อยากให้ฝ่าบาทเข้าใจผิดว่านางสองใจนี่นา
ในใจฮองเฮายังคิดถึงเรื่องสาวใช้คนนั้น เลยหาข้ออ้างออกไปเช่นกัน นางต้องจัดการปิดปากสาวใช้นางนั้นให้เร็วที่สุด มิเช่นนี้เก็บนางไว้มีแต่จะเป็นอันตราย
“ทุกคนอยากร่วมงานเลี้ยงต่อ ก็กลับไปที่ท้องพระโรง หากไม่อยากร่วมแล้ว กลับไปได้เลย!” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของซวนอ๋องโม่เหลิ่งเหยียนดังมา
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ใครก็ไม่มีกะจิตกะใจกลับไปกินดื่มแล้ว ต่างพากันถวายบังคมซวนอ๋องและพากันจากไป
สาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอก และส่ายหน้าให้เหมยเฟยเบาๆ
เหมยเฟยถอนหายใจโล่งอก หาไม่เจอเป็นข่าวที่ดีที่สุด นางพาสาวใช้จากไป
พอเดินออกมาได้ไกลมาก สาวใช้ถามขึ้น “พระสนม พวกเราไม่หาคุณหนูหยุนแล้วรึ?”
“ไม่ต้องดอก หาไม่เจอแสดงว่าหยุนถิงไม่เป็นอะไร ต้องมีคนไปหาแทนพวกเราแน่” เหมยเฟยตอบ
นางไม่คิดว่าหยุนถิงจะได้ใจผู้คนขนาดนี้ องค์ชายสี่ ฟู่อี้เฉินทั้งสองคนล้วนช่วยหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว แม้แต่ซวนอ๋องก็เช่นกัน ถึงเขาจะดูเย็นชาเข้มงวด ไม่ลำเอียง แต่เหมยเฟยรู้ว่าเขาเข้าข้างหยุนถิง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานหยุนถิงพึ่งช่วยพี่สาวกับหลานเขาไป
หากตนทำการเสาะหาอย่างตั้งใจ ด้วยนิสัยขี้ระแวงของฝ่าบาทจะต้องสงสัยแน่
ซวนอ๋องส่งกองทัพหลวงของพระราชวังออกไป โม่ฉือหานก็พาคนทั้งหมดไปตามหาด้วยเช่นกัน เพียงแต่พลิกค้นตามหาทั่วทั้งพระราชวังไปหนึ่งรอบ ก็ยังหาตัวหยุนถิงไม่เจอ แม้แต่จวินหย่วนโยวก็ไร้ร่องรอย ราวกับหายไปกลางอากาศ
“หรือว่าพวกเขาสองคนกลับไปจวนซื่อจื่อแล้ว?” ฟู่อี้เฉินถาม
“เป็นไปไม่ได้” โม่ฉือชิงบอกอย่างมั่นใจ
ทั้งๆที่เขาเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวอยู่ในห้องนี้ชัดๆ ไม่มีเวลาหนีแม้แต่นิด จะหายไปได้อย่างไร เมื่อครู่โม่ฉือชิงก็หาทั่วห้องไปหนึ่งรอบแล้ว ขนาดในตู้ใต้เตียง ก็ไม่มีคนเลย เหลือเชื่อจริงๆ
“งั้นเจ้าว่าพวกเขาไปไหนกันล่ะ?” ฟู่อี้เฉินเบ้ปาก
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน ตามหาต่อสิ”
“พวกเขาน่าจะไม่ได้กลับไป องครักษ์เงามังกรยังตามหาอยู่” โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้ว
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไปที่ใดกันแน่ หรือว่าในพระราชวังนี้มีห้องลับอะไร ไม่เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องที่พวกเขาหายตัวไปได้อย่างไรกัน
อันที่จริงคำพูดของหลายคนนี้ หยุนถิงที่อยู่ในมิติได้ยินอย่างชัดเจน เพียงแต่เธอปรากฏตัวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะโดนคนรู้ว่าเธอมีสมบัติล้ำค่าอย่างมิตินี้อยู่ด้วย คงต้องโดนคนละโมบอยากได้แน่
ในมิติ
หยุนถิงแก้มร้อนผ่าว เนื้อตัวเหมือนโดนไฟสุม เพราะว่าทรมานมาก หยุนถิงครางเสียงต่ำ พอได้ยินเสียงนั้น หยุนถิงเองยังอายหน้าแดง
น่าตายนัก เธอไม่คิดเลยว่าฤทธิ์ยานี้แรงขนาดนี้ เธอกินยาสกัดไปหลายหลอดแล้ว ก็ยังไม่หายอยู่ดี
จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่ เนื้อตัวท่อนบนที่เปลือยเปล่าของจวินหย่วนโยวกลายเป็นสีแดงไปหมด แดงแบบคนเป็นไข้ เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดที่ขมับมากมาย หยุนถิงยื่นมือไปจับหน้าผากเขา ก่อนตกใจมาก
“ซื่อจื่อ ท่านยังดีอยู่ไหม?” หยุนถิงรีบป้อนยาให้จวินหย่วนโยว
แต่วินาทีที่มือจับท้ายทอยพยุงเขาขึ้นมา จวินหย่วนโยวที่ปิดตาเล็กน้อยพลันลืมตาขึ้นมา
ดวงตาคู่นั้นเย็นเยียบ หวาดระแวง แดงก่ำ ประหนึ่งอสูรร้ายที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ทำให้คนที่เห็นตกใจนัก
“ซื่อจื่อ ท่านเป็นอะไรน่ะ?” หยุนถิงถามอย่างเป็นห่วง
จวินหย่วนโยวถึงเห็นคนตรงหน้าชัดเจน ได้กลิ่นคุ้นเคยจากกายนาง ไฟร้อนแรงที่จวินหย่วนโยวอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดในร่างพลันลุกโชติช่วงขึ้นมาทันที
จวินหย่วนโยวพลันลุกขึ้น โผเข้ากดทับหยุนถิง
ดวงตาประกายโชติช่วง ตรงไปตรงมาคู่นั้นของเขา ราวกับจะจับเธอกลืนลงคอไปดื้อๆ แต่สติที่เหลืออยู่เล็กน้อยของเขาเตือนเขาว่าห้ามทำเช่นนี้
มองดูคนตรงหน้า ในที่สุดจวินหย่วนโยวก็วางใจเสียที “หยุนถิง ข้ารู้ว่าต้องเป็นเจ้า และเป็นแค่เจ้าเท่านั้น”
คำพูดเดียวทำหยุนถิงรู้สึกฟึดฟัดที่จมูก เธอเห็นจวินซื่อจื่อยอมอดทนต่อความทรมานของฤทธิ์ยา ก็ไม่ยอมแตะต้องซ่างกวนหรู วินาทีนี้หยุนถิงซาบซึ้งใจจริงๆ
ต้องความรักลึกซึ้งแค่ไหน ถึงทำให้สติของเขาเอาชนะร่างกายได้
“ซื่อจื่อ ข้าเอง โลกนี้ผู้ใดก็อย่าหวังจะได้แย่งผู้ชายของข้า ท่านเป็นของข้า!” หยุนถิงประกาศสิทธิ์อย่างเด็ดเดี่ยว
“หยุนถิง ข้ารักเจ้า!” ผสานกับเสียงของจวินหย่วนโยว เขาก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากหยุนถิง
ริมฝีปากอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นที่คุ้นเคย จุดประกายความอดทนสุดท้ายที่ตึงเครียดในสมองของจวินหย่วนโยวจนลุกโชน
เขาพลันกลายเป็นบ้าคลั่ง บ้าอำนาจ กล้าแกร่ง หยาบกร้านขึ้นมา
หยุนถิงเจ็บจนขมวดคิ้ว แต่เธอเห็นจวินหย่วนโยวขาดสติไปเรียบร้อย ปวดใจยิ่งนัก
ฤทธิ์ยานี่เธอยังทนไม่ไหวเลย ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายแบบนี้ของซื่อจื่อ เขาทนมานานขนาดนี้ต้องทรมานมากแน่ๆ
รับรู้ได้ถึงจูบที่บ้าคลั่งของเขา อุณหภูมิในเลือดของหยุนถิงแล่นพล่านด้วยความเร็วเหมือนกัน เธอรู้ว่ามันเป็นผลของฤทธิ์ยา วินาทีนี้เธอเองก็อยากทำตามหัวใจตัวเอง รักเขา ตอบสนองเขา—-
ในมิติที่กว้างใหญ่นี้ ทั้งสองคนกอดกระหวัดจุมพิตกัน โรมรันพันตู วาบหวามไปหมด