จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 219 คุกเข่าอ้อนวอนข้า บางทีข้าอาจจะพิจารณา
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 219 คุกเข่าอ้อนวอนข้า บางทีข้าอาจจะพิจารณา
เขาถูกโม่เหลิ่งเหยียนทำให้โกรธ ยังต้องไปขอบคุณเขา คิดอะไรดีๆอยู่น่ะ
“เจ้าขอบคุณหรือไม่ข้าก็ไม่ได้สนใจ เพียงแต่ว่าถ้าเจ้าตายไปข้าหมดคู่ต่อสู้แล้วรู้สึกน่าเบื่อเกินไปเท่านั้นแหละ” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง
“เจ้าวางใจ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าโอหังอวดดีคนเดียวหรอก” จวินหย่วนโยวเบะปาก
ถึงแม้ทั้งสองคนโต้เถียงกัน จะอึดอัดอย่างมาก แต่จวินหย่วนโยวกลับรู้สึกว่าโม่เหลิ่งเหยียนเจริญหูเจริญตากว่าโม่ฉือหานอย่างมาก
หยุนถิงประคองจวินหย่วนโยวกลับเข้าไปพักผ่อนในเรือน จากนั้นตัวเองก็ไปดูฮูหยิน เห็นอาการของนางดีมาก ถึงได้วางใจลงมา
“คุณหนูหยุน ท่านจะช่วยตั้งชื่อให้ลูกของข้าหน่อยได้ไหม ท่านคือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก ดังนั้นข้าหารือกับนายท่าน อยากจะให้ท่านช่วยตั้งชื่อของลูก” ฮูหยินเอ่ยปาก
หยุนถิงรู้สึกประทับใจเล็กน้อย ชื่อของลูกคือความคาดหวังและความหวังของพ่อแม่ พวกเขายินดีให้ตัวเองเป็นคนตั้ง แสดงให้เห็นว่าเห็นนางเป็นคนในครอบครัวแล้ว
“ขอบคุณในความหวังดีของฮูหยิน แต่ข้าเกรงว่าจะตั้งได้ไม่ดี” หยุนถิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“ไม่เป็นไร เจ้าก็คิดมาชื่อหนึ่งตามสบาย ถึงเวลาทุกคนค่อยช่วยกันพิจารณา” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวปลอบประโลม
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ความกดดันของหยุนถิงก็น้อยลงไปอย่างมาก “คนเก่งมีความสามารถไม่แสดงตน แต่เมื่อแสดงความสามารถออกมาเมื่อใดจะทำให้คนรอบข้างตกตะลึง ให้ชื่อว่าโหวอี้หมิงเป็นอย่างไร?”
“แสดงความสามารถออกมาเมื่อใดจะทำให้คนรอบข้างตกตะลึง ไม่เลว นายท่านให้ลูกชายของเราชื่ออี้หมิงเถอะ” ฮูหยินกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณคุณหนูหยุนมากที่ตั้งชื่อให้” โหวฉิงกล่าวขอบคุณ
“ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเกรงใจไปแล้ว พวกท่านไม่รังเกียจก็พอ พูดตามความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าตั้งชื่อให้คนอื่น” หยุนถิงกล่าวอย่างเขินอาย
“คุณหนูหยุนมีพรสวรรค์น่าทึ่ง ชื่อที่ดีเช่นนี้เป็นวาสนาสำหรับอี้หมิงของเราจริงๆ คุณหนูหยุนถ่อมตนไปแล้ว” ฮูหยินรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะมอบของขวัญให้กับอี้หมิงตัวน้อย” หยุนถิงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบขวดเครื่องเคลือบออกมา
“นี่คืออะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“นี่คือยาเม็ดแก้พิษที่ข้ากลั่นขึ้นมาเอง ยาแก้พิษหลอดเก็บรักษายาก ดังนั้นข้าจึงสังเคราะห์ให้มันกลายเป็นยาเม็ด สามารถแก้พิษเป็นร้อยชนิด ถือเป็นของขวัญในการพบกับ” หยุนถิงกล่าวอธิบาย
โหวฉิงเต็มไปด้วยความกระดากอาย “เช่นนี้ก็เกรงใจแย่ คุณหนูหยุนท่านตั้งชื่อให้ก็ดีมากแล้ว ยังจะรับของขวัญของท่านได้อย่างไร”
“รับเอาไว้เถอะ ยาเม็ดที่ล้ำค่าเช่นนี้คุณหนูหยุนไม่ให้ใครง่ายๆหรอกนะ บางทีอนาคตอาจต้องใช้ก็ได้” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าว
“ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก หากวันหน้าคุณหนูหยุนมีอะไรให้จวนแม่ทัพภักดีรับใช้ สามารถเอ่ยปากได้เลย ข้าโหวฉิงจะบุกน้ำลุยไฟ ไม่มีปฏิเสธแน่นอน” โหวฉิงรับมา และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
“ตกลง น้ำใจของท่านแม่ทัพข้าจะจำเอาไว้” หยุนถิงกล่าวตอบ แล้วก็กำชับเรื่องที่ฮูหยินต้องระวังอีกเล็กน้อยถึงได้จากไป
หยุนถิงออกมาจากลานก็ไปที่ห้องครัว คิดว่าเมื่อครู่นี้ซื่อจื่อกระอักเลือด จะต้มโจ๊กสมุนไพรให้เขากินหน่อย แต่แล้วนางเพิ่งเดินได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็เจอกับโม่ฉือหาน ตามหลอกหลอนไปทุกที่จริงๆ
ชุดคลุมสีดำทั้งชุดยิ่งเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาหยิ่งทะนงและเย็นชาใบนั้น สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย โม่ฉือหานในเวลานี้สีหน้าเย็นยะเยือก นัยน์ตาสีดำจับจ้องหยุนถิงเอาไว้อย่างดุร้าย
ทันทีที่หยุนถิงเห็นเขา ก็ไม่อยากจะไปที่ห้องครัวแล้ว หันหลังก็เดินกลับทันที
โม่ฉือหานเห็นนางไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตา ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ได้ยินผู้ใต้บังคับบอกว่านางไปที่ลานของฮูหยินคนเดียว โม่ฉือหานตั้งใจรออยู่ที่นี่โดยเฉพาะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะไม่สนใจตัวเองเลย
“หยุนถิง เจ้าตาบอดหรือ ไม่เห็นว่าข้าอยู่ที่นี่หรือ?” โม่ฉือหานกล่าวด้วยความโกรธ
หยุนถิงถึงได้หยุดฝีเท้าลง หันหน้ามองไปทางเขา “เพราะข้าเห็นหลีอ๋องนั่นแหละ ดังนั้นถึงได้จะเดินกลับไป”
“บัดซบ ตกลงต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะขายยาให้ข้า?” โม่ฉือหานซักไซ้
“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ บางทีข้าอาจจะพิจารณาดูก็ได้” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
โม่ฉือหานระเบิดอารมณ์ จ้องมองไปทางนางด้วยความโกรธแค้น “หยุนถิงเจ้าคิดว่าเจ้าทำเช่นนี้แล้วก็จะสามารถดึงดูดความสนใจของข้าได้หรือ ถึงแม้เจ้าจะใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่เคยสนใจจะมองเจ้าเลย” โม่ฉือหานกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
หยุนถิงหมดคำพูดทันที การแสดงออกทางสีหน้าเต็มไปด้วยการมองคนปัญญาอ่อน “หลีอ๋องท่านเอาหน้ามาจากไหน ท่านเป็นคนตามตื้อจะมาซื้อยากับข้าให้ได้ ข้าไม่ได้ขอให้ท่านซื้อ ท่านหลงตัวเอง หยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองถูกต้องตลอดเวลา นึกว่าผู้หญิงทุกคนในใต้หล้าต้องหมุนรอบตัวท่าน สมองโดนลาถีบแล้วใช่ไหม
ท่านเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวของซื่อจื่อข้าด้วยซ้ำ ถือสิทธิอะไรนึกว่าข้าจะทิ้งซื่อจื่อที่อ่อนโยน เอาใจใส่ และเป็นห่วงข้ามาชอบท่าน อีกอย่าง ตอนนี้ท่านไม่ใช่ผู้ชายปกติคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ มีอะไรควรค่าให้ข้าเปลี่ยนมุมมอง
ต่อไปหลีอ๋องเห็นข้าแล้วโปรดเดินอ้อมไปด้วย อย่าปรากฏตัวต่อหน้าข้าทำให้ข้าขยะแขยงบ่อยๆ คนเช่นท่านแค่ถือรองเท้าก็ไม่คู่ควร”
คนทั้งคนของโม่ฉือหานกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว สีหน้าเย็นยะเยือกราวกับภูเขาหิมะหมื่นปี นัยน์ตาสีดำดุเดือดราวกับมีดแหลมคม เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นขึ้นมารางๆ
“หยุนถิง เจ้ารนหาที่ตาย!”
โม่ฉือหานคำรามด้วยความโกรธ จู่โจมไปทางหยุนถิงในทันใด
หลงเอ้อกับหลงยีที่อยู่ในที่ลับกระโดดตัวออกมาทันที กำลังจะเข้าไปหยุด แต่แล้วเงาร่างเงาหนึ่งก็เร็วกว่าพวกเขา หยุดกำปั้นของหลีอ๋องเอาไว้
“หลีอ๋อง ที่นี่คือจวนแม่ทัพภักดี ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมากำเริบเสิบสาน!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
น้ำเสียงเย็นยะเยือก ไม่แยแส เผยให้เห็นความน่าเกรงขามที่ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา
โม่ฉือหานตัวแข็งทื่อ จ้องมองไปทางเขาด้วยความโกรธแค้น “บัดซบ เจ้าถึงกับปกป้องหยุนถิง?”
“หยุนถิงช่วยพี่สาวและหลานชายของข้าเอาไว้ เช่นนั้นก็เป็นผู้มีพระคุณของข้า หากท่านต้องการจะแตะต้องนาง ก็ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน!” โม่เหลิ่งเหยียนตอกกลับอย่างแสดงอำนาจ
คำพูดประโยคเดียว สีหน้าของโม่ฉือหานยิ่งเย็นยะเยือกลงเล็กน้อย
บัดซบ แต่ละคนพากันเข้าข้างหยุนถิง ผู้หญิงคนนี้ต้องแอบทำอะไรบางอย่างแน่นอน
หยุนถิงมองไปทางโม่เหลิ่งเหยียนด้วยความยินดี “ซวนอ๋องท่านช่างหล่อเหลาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าทักษะการต่อสู้จะดีขนาดนี้”
มุมปากของโม่เหลิ่งเหยียนเกี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว จัดการกับโม่ฉือหานไม่ใช่ปัญหา”
“เช่นนั้นซวนอ๋องท่านซ้อมเขาให้กลายเป็นหัวหมู เอาแบบที่แม้แต่พ่อแม่เขาก็จำไม่ได้เลยนะ อย่าได้เกรงใจเด็ดขาด” หยุนถิงกล่าวขึ้นมาทันที
โม่ฉือหานได้ยินก็โกรธสุดขีด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะถึงกับให้โม่เหลิ่งเหยียนซ้อมตัวเอง น่าชิงชังนัก
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก หลงเอ้อกับหลงยีก็ปรากฏตัวขวางอยู่ตรงหน้าของหยุนถิง ทันทีที่เห็นพวกเขาสองคน ถึงแม้โม่ฉือหานจะโกรธเกรี้ยว ก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้นแล้ว
เมื่อครู่นี้เขาถูกฝ่ามือจวินหย่วนโยวตบมา แม้แต่โม่เหลิ่งเหยียนเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลงเอ้อกับหลงยีด้วย
“ผู้หญิงที่สมควรตาย ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” โม่ฉือหานคำรามด้วยความโกรธ สลัดโม่เหลิ่งเหยียนที่รั้งข้อมือของเขาไว้อย่างลนลาน หันหลังเดินจากไป
“ตกลง ข้าจะรอ ขอบคุณซวนอ๋องมากที่ให้ความช่วยเหลือเมื่อครู่นี้” หยุนถิงกล่าว
“ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าคือผู้มีพระคุณของพี่สาวข้ากับลูก ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าเกิดเรื่องที่นี่อยู่แล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนให้คำมั่น
“ความสามารถของซวนอ๋อง ข้าย่อมเชื่ออยู่แล้ว ในเมื่อคนน่ารำคาญไปกันหมดแล้ว งั้นข้าก็จะไปที่ห้องครัวแล้ว”
“ข้าไปกับเจ้า”
หลงเอ้อกับหลงยีมองดูซวนอ๋องและฮูหยินจากไป ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าซวนอ๋องผู้ซึ่งเย็นชากระหายเลือด ไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่นมาตลอดถึงปฏิบัติต่อฮูหยินผิดไปจากปกติเล็กน้อย แต่ว่าฮูหยินช่วยชีวิตพี่สาวของซวนอ๋องเอาไว้ พวกเขาคิดแล้วก็เห็นว่าสมเหตุสมผล
หยุนถิงไปที่ห้องครัวและต้มโจ๊กสมุนไพรอ่อนๆ โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ด้านข้างมองนางใส่วัตถุดิบเข้าไปในโจ๊กมากมาย รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“นี่คืออะไร?”