จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 853 แพ้ย่อยยับ
เจียงชื่อทราบดีว่าฉีเจิ้นจะต้องตอบตกลงแน่นอน ทว่าเขาก็ไม่อยากที่จะเอาเปรียบฉีเจิ้นเช่นกัน
เขาเอ่ยถามด้วยตนเองว่า: “ประธานฉี ขอบคุณที่รับคำแนะนำจากผม เพื่อเป็นการตอบแทนคุณ ผมตัดสินใจมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้คุณ ของขวัญชิ้นนี้สามารถทำให้เครื่องประดับดาวฤกษ์ทั้งบริษัทได้รับการยกระดับในสาขาเจียงหนานได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว”
“หืม? พูดเว่อร์อะไรขนาดนี้ ของขวัญอะไรเหรอ?”
เจียงชื่อกระแอม “ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผมอยากตอบอีกหนึ่งคำถามก่อน”
“อีกหนึ่งคำถามงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง ประธานฉี คุณยังจำคำถามที่หยวนหยาเหว่ยหยิบยกประเด็นขึ้นมาพูดเมื่อกี้ในห้องประชุมได้ไหม?”
“จำได้ เขาถามว่า ถ้าการปฏิบัติการครั้งนี้เหวยซือไม่ได้เข้าร่วมด้วย ถ้างั้นควรจะทำยังไง?”
ก็เป็นเพราะคำถามนี้
ดูผิวเผินแล้ว แผนการของเจียงชื่อในครั้งนี้ก็แยบยลเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เหวยซือเข้ามาด้วยพร้อมเชือดอย่างรุนแรง
แต่ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ถ้าหากแผนการนี้เหวยซือรับรู้แล้ว หรือว่าเหวยซือต้องการแย่งไปแต่กลับไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะแย่งไป ควรจะทำอย่างไร?
หรือว่าจะให้เครื่องประดับดาวฤกษ์กลืนกินหินขยะล็อตใหญ่แบบนั้นจริงๆ ?
เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้
ฉีเจิ้นเอ่ยอย่างจริงจัง: “คำถามนี้ก็ทำให้ฉันสงสัยเหมือนกัน น้องเจียง ถ้าเหวยซือไม่ได้ยื่นขาเข้ามาแทรกด้วยจริงๆ แล้วนายควรทำยังไง?”
เจียงชื่อเอ่ยขึ้นมาหนึ่งคำด้วยความเด็ดเดี่ยว: “ซื้อ”
“ซื้องั้นเหรอ?”
“ใช่ ทำเหมือนอย่างเคย ซื้อ! เพียงแต่ว่าไม่ได้ซื้อสินค้าล็อตที่ผมคัดเลือกออกมานะ แต่ซื้อล็อตที่เหลืออยู่เหล่านั้นซะ”
พูดกับคนฉลาด ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะเกินไป
เพียงแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้ฉีเจิ้นเข้าใจทั้งหมด
เจียงชื่อใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์กว่าในการคัดแยก ทำการคัดแยกหินขยะทั้งหมดออกมา แล้วที่ไม่ได้ถูกคัดแยกที่เหลือ ก็เป็นหินที่คุณภาพดีเลิศไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าจะไม่ใช่สินค้าชั้นเลิศ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหินเหมาเคิงคุณภาพขยะแน่นอน
สินค้าที่ซื้อมาล็อตนั้น ไม่มีทางที่จะขาดทุนแน่นอน
หรือจะบอกว่า ถ้าหากเหวยซือไม่ได้เลือกที่จะแย่งไปละก็ เช่นนั้นเจียงชื่อก็มีแผนสำรองเช่นกัน เพียงแต่ว่าแผนสำรองนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจของเหวยซือสาหัสขนาดนั้นเท่านั้นเอง
ฉีเจิ้นยิ้ม “น้องเจียง นายทำอะไรเนี่ยมองการณ์ไกลจริงๆ เลยนะ อะไรก็พิจารณาเอาไว้แล้ว”
เจียงชื่อหัวเราะ พร้อมจงใจเอ่ยถาม: “แล้วตอนนี้ประธานฉีรู้หรือยังว่าของขวัญที่ผมจะให้คืออะไร?”
ฉีเจิ้นชะงักไป
จากนั้น เขาจึงเรียกสติคืนมา เอ่ยถามว่า: “หรือว่านายจะเอาสินค้าที่คัดแยกออกมาที่เหลืออยู่ให้กับฉัน?”
“ใช่เลยครับ!”
ฉีเจิ้นทั้งปลื้มปีติและทั้งเป็นกังวล สินค้าที่ถูกคัดแยกออกมาล็อตนั้น แม้จะไม่ใช่หินเหมาเคิงคุณภาพขยะ แต่ก็ไม่ได้แสดงว่ามันเป็นหินคุณภาพดีเลิศทั้งหมด คุ้มค่าที่จะจ่ายเงินจำนวนสองพันล้านซื้อมาหรือไม่?
ไม่ถึงขั้นขาดทุน แต่ก็คงทำเงินให้ได้ไม่เท่าไรใช่หรือไม่?
เจียงชื่อมองแวบเดียวก็ทราบถึงความคิดของฉีเจิ้น จึงยิ้มแห้งแล้วเอ่ยว่า: “ไม่ต้องห่วงหรอก ในเมื่อเป็นของขวัญ ก็แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะให้คุณควักเงินซื้อเองน่า”
ไม่ควักเงินก็จะซื้อสินค้าในโกดังของคนอื่นมาได้แล้วงั้นเหรอ?
ล้อเล่นหรือเปล่า?
ซัพพลายเออร์รายใหญ่สามรายก็ไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย และไม่ได้ทำการกุศลด้วย จะมอบให้เจียงชื่อโดยเปล่าๆ ได้อย่างไร?
แม้จะไม่เชื่อมาก ทว่าปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับเจียงชื่อเยอะเกินไป เขาเป็นคนที่สร้างปาฏิหาริย์ในทุกช่วงเวลาทุกนาที
คำพูดที่ออกมาจากปากเขา ก็จะต้องเป็นจริงได้แน่นอน
ฉีเจิ้นเลือกที่จะเชื่อเขา
“ได้ น้องเจียง แล้วฉันจะรอของขวัญจากนายนะ!”
เจียงชื่อดื่มกาแฟหนึ่งอึก “ถ้างั้นคุณเตรียมโกดังสินค้าไว้ให้ดีๆ อีกหนึ่งอาทิตย์ สินค้าที่เหลือจากซัพพลายเออร์รายใหญ่สามราย ผมจะขนย้ายมาทั้งหมดเอง”
“ได้ ฉันจะเตรียมให้นายเดี๋ยวนี้!”
……
ณ เขตเจียงหนาน โรงพยาบาลประชาชนเมืองNo.3 ห้องผู้ป่วยสุดหรู
ประธานคณะกรรมการของเครื่องประดับเส้ายินเหวยซือนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย สองตามองไปยังฝ้าเพดาน ไร้สติ ไร้พละกำลัง หงอยเหงาเศร้าซึม
หัวใจของเขาไม่สามารถสงบได้ตั้งแต่แรก
ภายในหนึ่งวันเสียหายไปสามพันล้าน ไม่เพียงแต่ทำให้เงินของบริษัทขาดทุนจนหมดเกลี้ยง แถมยังเป็นหนี้ธนาคารอีกเป็นกอบเป็นกำ
ไม่ต้องคิดเลย ภายในไม่กี่วันเครื่องประดับเส้ายินก็จะต้องล้มละลาย ถูกธนาคารยึดไปแน่นอน
เขาลำบากตรากตรำมาตั้งนาน ไม่ง่ายเลยที่จะบริหารบริษัทขึ้นมาได้ กลับล่มสลายไปทันที
เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือมีความคิดโง่เขลา เย็นชาเห็นแก่ตัว ไร้คุณธรรมน้ำใจ
เหวยซือทั้งคิดที่จะระบายออกมาอย่างรุนแรงสักหน่อย ทว่าครับไม่มีกำลังและกะจิตกะใจ
กริ๊งกริ๊งกริ๊ง กริ๊งกริ๊งกริ๊ง เสียงดังของโทรศัพท์ดังขึ้นมาต่อเนื่อง
เป็นท่านอู๋ หัวหน้าข้างบนของเหวยซือ สิ่งที่เขาประสบที่เขตเจียงหนาน เดาว่าคงถูกคนรายงานให้ท่านอู๋ฟังตั้งนานแล้ว
เหวยซือยื่นมือไปรับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล ท่านอู๋ ผมล้มเหลวแล้ว”
เขาพูดจาไร้เรี่ยวแรง และไม่อยากร้องขอความเห็นใจอะไรทั้งสิ้น เตรียมที่จะถูกท่านอู๋ด่าทอยกใหญ่
ใครจะไปรู้ ปลายสายนั้นกลับเป็นเสียงที่อบอุ่นดังเข้ามาแทน
“เหวยซือ ตอนนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่าเทพแห่งสงครามชูร่าเก่งแค่ไหน? ไอ้หนุ่มเจียงชื่อนั่นไม่ได้มีแค่วิทยายุทธ ปัญญาของมันก็ไร้ใครเทียบเช่นกัน”
ใช่แล้ว เจียงชื่อแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แกร่งเช่นนี้ ต่อให้จะเป็นคนฉลาดอย่างเหวยซือ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะล้มเหลวไม่เป็นท่า
น้ำตาที่อยู่หางตา ไหลรินออกมาไม่หยุดอีกครั้ง ท่านอู๋ไม่ได้ตำหนิเขา ทำให้เขารับรู้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง
หลังจากที่เจอเจียงชื่อที่มิลานครั้งแล้ว และแพ้ให้กับเจียงชื่อนั้น เหวยซือก็สาบานว่าจะกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาให้ได้
ผลสุดท้ายกลับยิ่งแพ้น่าเวทนาขึ้นเรื่อยๆ
คนบางคน ถูกกำหนดไว้ให้คุณเอาชนะไม่ได้