จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 811 งานเข้า
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงชื่อซึ่งยังคงหลับอยู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังหลายครั้ง
เขาขยี้ตาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฮัลโหล? ใครครับ?”
“สวัสดีครับคุณเจียง ผมซูชิ่งเลี่ยงประธานบริษัทเครื่องประดับม่อเป่ยครับ ช่วงก่อนเราเคยเซ็นสัญญากันมาก่อน ไม่ทราบว่าคุณยังจำได้ไหมครับ?”
เครื่องประดับม่อเป่ย? ซูชิ่งเลี่ยง?
เจียงชื่อสะบัดหัวเบาๆ ดูเหมือนว่าเคยมีเหตุการณ์นี้มาก่อน แต่เขาได้เซ็นสัญญากับผู้คนมากมาย ดังนั้นจึงจำไม่ได้ในทันที
เขาจึงถามว่า “เจ้านายซูมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“คือว่า พอดีผมมีสินค้าอยู่ในมือ แต่ผมอยากเลือกเก็บไว้สัก 10 ชิ้น ไม่สามารถคุณพอมีเวลาช่วยผมจัดการเรื่องนี้ไหมครับ?”
ในฐานะผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อกิตติมศักดิ์ เจ้าของบริษัทยังโทรหาเขาแบบนี้ จะบอกว่าไม่ว่างก็คงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
เพราะถึงอย่างไรแล้ว เขาก็เก็บเงินของคนอื่นไปแล้ว
“ได้ครับ บอกสถานที่และเวลากับผมนะครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“โอเคครับ งั้นต้องรบกวนคุณเจียงแล้วนะครับ”
หลังจากวางสายลง ซูชิ่งเลี่ยงก็ส่งสถานที่และเวลานัดหมายไปที่อีเมลของเจียงชื่อทันที
จากนั้นเขาก็เรียกโหวหยัง ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเข้ามาหาเขา
“เสี่ยวโหว วันนี้เจียงชื่อจะเข้ามาที่บริษัทเพื่อช่วยเราคัดเลือกชุดสินค้า แต่ช่วงบ่ายผมต้องไปพบลูกค้าคนอื่น ฝากคุณช่วยต้อนรับเขาทีนะ”
“แล้วก็ คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเรา คุณควรเรียนรู้เพิ่มเติมจากเจียงชื่อ ดูว่าเขาใช้วิธีไหนในการแยกแยะข้อดีและข้อเสียของสินค้า”
“เข้าใจไหม?”
โหวหยังพยักหน้าตอบ “ครับ เรื่องต้อนรับผมจัดการเองครับ”
“โอเค งั้นผมขอตัวก่อน”
หลังจากมอบหมายงานเสร็จ ซูชิ่งเลี่ยงก็หยิบกระเป๋าเอกสารแล้วออกไปจากสำนักงาน
ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกจากออฟฟิศ สีหน้าของโหวหยังก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
โหวหยังทุบโต๊ะแรงๆ
“บ้าอะไรกัน?!”
“โหวหยังคนนี้ต่างหากที่เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเครื่องประดับม่อเป่ย การคัดเลือกสินค้าควรเป็นหน้าที่ของเรา แต่ดันเอาให้คนนอกมาทำ เหอะๆ เจ้านายซูบ้าไปแล้วจริงๆ!”
“อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เจียงชื่อคนนั้นจะเก่งสักแค่ไหนเชียว?!”
เวลาผ่านไปชั่วพริบตา
ณ เวลาช่วงบ่าย
ก่อน 15 นาทีตามเวลากำหนด เจียงชื่อก็ได้ขับรถเข้าไปจอดอยู่ใต้ตึกของบริษัทเครื่องประดับม่อเป่ย โหวหยังก็ได้พาคนไปต้อนรับเขา แต่ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่นิด ดูเหมือนว่าเขากำลังจะไปเจอกับศัตรูอย่างไรอย่างนั้น
ทันทีที่ทั้งสองได้พบกัน โหวหยังก็ถามอย่างเย็นชาว่า “คุณนั่นเหรอเจียงชื่อ?”
“ใช่ครับ”
“ได้ข่าวว่าคุณเคยเป็นทหารมาก่อน แล้วคุณก็เพิ่งเข้าสู่วงการธุรกิจจิวเวลรี่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เองเหรอ?”
“ใช่ ถูกต้องครับ”
เมื่อคนในม่อเป่ยได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็อดขำไม่ได้ มือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการธุรกิจจิวเวลรี่เพียงไม่กี่เดือน แต่ยังมีหน้ามารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แถมยังอวดวิสัยทัศน์ในการดูสินค้าของตนไปทั่ว
เหอะๆ จะว่ายังไงมันก็เหมือนมิจฉาชีพคนหนึ่ง
โหวหยังจัดระเบียบเสื้อแล้วแกล้งถามว่า “คุณเจียง คุณรู้ไหมว่าผมอยู่ในวงการนี้มานานแค่ไหนแล้ว?”
เจียงชื่อส่ายหัว
“จะบอกคุณให้รู้นะ ผมเป็นเด็กฝึกงานในบ้านมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบแล้ว ผมเคยเป็นเซล เคยทำธุรกิจอสังหาทรัพย์ บัญชี เจียระไน ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครื่องประดับ ผมก็ทำมาทุกอย่างแล้ว”
“ในสายงานนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจไปมากกว่าผมแล้วล่ะ”
“ผมใช้เวลาเกือบ 30 ปีกว่าจะดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อและฝึกเทคนิคในการคัดเลือกสินค้าได้ แต่คุณ คุณเพิ่งเข้าวงการได้ไม่กี่เดือนก็กล้ามาเป็นคู่แข่งของผมแล้วนะ”
“เหอะๆ คุณก็อุกอาจไม่เบาเลยนะ”
ดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดชังกันมาก
แต่เจียงชื่อกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “เรื่องบางเรื่อง เน้นคุณภาพแต่ไม่เน้นปริมาณนะครับ คุณเข้าใจทุกอย่าง แต่คุณไม่ได้เชี่ยวชาญสักอย่างเลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน? แล้วเจ้าของโรงงานไม่จำเป็นต้องหาคนเฉพาะทางจริงเหรอครับ?”
โหวหยังแทบจะสำลักออกมา
เป็นความจริงที่เขาเข้าใจทุกเรื่อง มีความรู้หลากหลาย แต่ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม เขาก็ไม่อาจเทียบกับมืออาชีพเฉพาะทางได้เลย
และนี่ก็คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขา
ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรเลย
ในเวลานี้ เลขาของโหวหยังก็พูดแทนเขา “เหอะ ๆ คุณเจียงครับ ผมยังไม่เห็นทักษะความสามารถของคุณเลยนะครับ แต่ตอนนี้ผมเห็นทักษะในการพูดของคุณก่อนแล้วครับ”
เจียงชื่อยิ้มตอบ “ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน เด็กมายุ่งอะไร?”
เป็นประโยคเดียวที่ทำให้เลขาถึงกับพูดไม่ออก
เขายังตั้งใจที่จะเถียงกับเจียงชื่อ แต่โหวหยังห้ามเขาไว้ทันที เป็นความจริง ในสถานการณ์แบบนี้มันไม่เหมาะกับเลขาคนหนึ่งที่จะแสดงความคิดเห็นเลย
ให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ดีกว่า
โหวหยังพูดต่อ “เราจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก เจียงชื่อ ผมคิดว่าคุณควรรู้ดีถึงจุดประสงค์ที่เราเชิญคุณมาในวันนี้นะ เจ้าของบริษัทของเราอยากให้คุณคัดเลือกสินค้าไว้สิบชิ้น ส่วนที่เหลือเราจะเอาไปขายต่อ ดังนั้น สายตาคุณต้องแม่น คุณต้องเลือกสินค้าที่ดีที่สุดไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะขาดทุนได้นะ”
เจียงชื่อพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
“ครับ คุณเจียง งั้นเชิญทางนี้เลยครับ”
ภายใต้การนำทางของโหวหยัง พวกเขาได้เดินมาถึงโกดังของบริษัท จากนั้นนำสินค้าชุดใหม่ออกมา ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 400 ชิ้น
ต้องเลือกสิบชิ้นจากหินอัญมณีที่มีมากกว่า 400 ชิ้นนี้เก็บไว้
แม้จะไม่ใช่หนึ่งในร้อย แต่ก็ยากพอในการคัดเลือกสิบชิ้นที่ดีที่สุด
คนธรรมดาคงต้องเพิ่งโชคเท่านั้น ต่อให้ผู้มีประสบการณ์อย่างโหวหยัง มากสุดก็ได้แค่สองถึงสี่ก้อน และถ้าวันไหนที่โชคไม่เข้าข้าง พวกเขาจะไม่ได้สักก้อนเลยด้วยซ้ำ
“คุณเจียง หินอัญมณีทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว ต่อไปก็ตาคุณในการโชว์ความสามารถของคุณแล้วนะครับ”
เจียงชื่อยิ้มตอบ “ตกลง”