จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 810 สองพ่อลูกปรับความเข้าใจกัน
พ่อกับลูกก็มองหน้ากันและกัน
ผ่านไปสักพักใหญ่
ติงจ้งยิ้มจางๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ”
คำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำ แต่ความหมายนั้นลึกซึ้งมาก มันแทงทะลุหัวใจของติงฉี่ซานทันที และน้ำตาของเขาก็ร่วงหล่นลงมาอย่างห้ามไม่ได้
“พ่อครับ……”
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่เขาไม่ได้เรียกคำว่า ‘พ่อ’ คำนี้!
หรืออาจจะนานกว่านั้น
แต่มาสายก็ยังดีกว่าไม่มา และเช่นเดียวกัน คำว่า ‘พ่อ’ ที่ติงจ้งได้ยินในตอนนี้ก็ดีกว่าไม่ได้ยินอีกเลย
ติงจ้งที่แข็งกร้าวมาตลอดในตอนนี้ก็ต้องตื่นเต้นและสั่นเทาไปทั้งตัว
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วกอดติงฉี่ซานไว้ และภายใต้การนำของติงเฟิงเฉิง ทุกคนก็ปรบมือให้พวกเขา
ภายใต้การเป็นพยานของทุกคน ในที่สุดพ่อลูกที่เป็นศัตรูมานานหลายปีก็ได้ปรับความเข้าใจกันและคืนดีกันอีกครั้ง
ที่จริงแล้ว การคืนดีของความสัมพันธ์การเป็นพ่อลูกนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้คน ติงเมิ่งเหยนหันมองไปที่เจียงชื่อแล้วกระซิบข้างหูเขา “ขอบคุณนะ ที่รัก”
มุมปากของเจียงชื่อโค้งขึ้น
ติงเมิ่งเหยนพูดต่อ “ฉันรู้ว่าทุกอย่างที่คุณทำ ก็เพื่อฉันคนเดียว แค่คุณช่วยพี่รองให้ขึ้นรับตำแหน่งฉันก็ประทับใจมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อกับคุณปู่คืนดีกันได้ ความประทับใจนี้ฉันจะเก็บมันไว้ในใจนะ”
เจียงชื่อพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “แค่เก็บไว้ในใจก็พอแล้วเหรอ?”
“แล้วคุณอยากให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ?”
“อืม……ผมอยากให้คืนนี้……”
ก่อนที่เจียงชื่อจะพูดต่อ ติงเมิ่งเหยนก็รู้ทันเขาและรีบเอื้อมมือออกไปปิดปากเขาไว้อย่างรวดเร็ว “ให้ตายสิ คนเยอะแยะขนาดนี้ คุณกล้าพูดได้ไง? ไม่อายเหรอ?”
เจียงชื่อกระแอมเบาๆ แล้วดึงมือของติงเมิ่งเหยนออก “หมายความว่าคุณตกลงแล้วใช่ไหม?”
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้ ถ้าพูดอีกฉันจะไม่สนใจคุณแล้วนะ!”
“โอเคๆ ไม่พูดก็ไม่พูด เรารีบกินรีบกลับกันเถอะ”
“หึ! คุณนะคุณ!”
ทั้งสองเกี้ยวพาราสีกันอย่างไม่หยุด ส่วนผู้คนก็ปรบมือให้กำลังใจติงจ้งกับติงฉี่ซาน ทุกอย่างเป็นไปอย่างสวยงามมาก เหลือเพียงสองพี่น้องของติงหงเหย้าที่ดูอึดอัดใจ
พวกเขาตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อจะทำลายบรรยากาศ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้ทำลายบรรยากาศเลย แต่กลับกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคนไปซะงั้น
อีกครั้ง ที่ติงหงเหย้าพ่ายแพ้ให้กับเจียงชื่อ
และเขาจำเป็นต้องยอม
ส่วนติงจ้ง ด้วยการช่วยเหลือจากติงฉี่ซาน เขาได้นั่งลงบนที่นั่งประธาน จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองติงหงเหย้าแล้วถามอย่างเสียงดังว่า “หงเหย้า จื่อยวี่ พวกเอ็งสองคนจะไม่กินข้าวก่อนเหรอ?”
ติงหงเหย้าตอบด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ที่บริษัทยังมีงานต่อ พวกผมคงไม่มีเวลาทานข้าวด้วยกันแล้วครับ”
ติงจ้งพยักหน้าตอบ “จริงด้วยเหมือนกัน ที่บริษัทงานเยอะ ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เอ็งต้องยุ่งมากแน่นอน แต่ว่าหงเหย้า เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกนะ อีกไม่นานคนใหม่ก็จะมาแทนตำแหน่งที่งานยุ่งนี้ของเอ็งแล้ว อนาคตเอ็งได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่”
ติงหงเหย้าแสยะยิ้มเบาๆ “ดีเหมือนกันครับ ผมจะรอวันนั้นมาถึงครับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจใครอีก
ติงจ้งตบโต๊ะเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกเอ็งเตรียมใจไว้ก็แล้วกัน!”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ผู้คนแล้วพูดขึ้นว่า “อย่าไปสนใจพวกเขา มาเถอะ เรามาฉลองกันต่อ”
หลังจากความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกันมานานหลายปีได้คลี่คลายลง ติงจ้งก็รู้สึกมีความสุขมาก เขาชูแก้วขึ้นแล้วดื่มกับทุกคนในงานนี้ และคืนนี้ไม่เมาไม่เลิก
เมื่อเห็นรอยยิ้มแห่งความสุขของทุกคนในครอบครัว ติงเมิ่งเหยนก็ยิ้มออกมาจากใจ ซึ่งในเวลานี้ ในที่สุดเธอก็ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของคนในครอบครัว
ในอ้อมแขนของเจียงชื่อ ติงเมิ่งเหยนหวังว่าเธอจะมีความสุขเหมือนช่วงเวลานี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ เพราะมันช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษเหลือเกิน