จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 782 คนงานที่ถูกเลิกจ้าง
ในสายตาของเสวไห่หรง เจียงชื่อเป็นเพียงขยะที่เที่ยวปั้นเรื่องคุยโม้ไปเรื่อย ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง
เขามองมาที่ซูสวนพลางส่ายหน้า “คุณซูครับ คุณน่ะเก่งไปทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว”
มุมปากของซูสวนโค้งขึ้นเล็กน้อย “เอ๊ะ? เรื่องไหนล่ะ?”
“สายตาไม่ดี”
“ฉันสายตาไม่ดีเหรอ?”
“ใช่ ดูตัวคุณสิ ไปหาใครมาเป็นแฟน? พูดจาเหลวไหลไร้สาระ เหมือนคนโง่ไม่มีผิด”
ซูสวนส่ายหน้าเล็กน้อย จิบกาแฟคำหนึ่ง “ฉันไม่คิดว่าเขากำลังพูดจาเหลวไหล อะไรที่เขาเคยพูดมันจะเป็นจริงอย่างแน่นอน เสวไห่หรง ฉันกลับรู้สึกว่าเป็นคุณมากกว่า ที่ควรมีไหวพริบในเวลาฉุกเฉินบ้าง บางทีอาจจะมีโทรศัพท์แจ้งไล่ออกโทรมาตอนนี้ก็ได้”
“โทรศัพท์แจ้งไล่ออก?” เสวไห่หรงหัวเราะลั่น “คุณซู ทำไมคุณถึงหัดล้อเล่นแบบเขาล่ะ?”
เสวไห่หรงคุยเล่นสัพเพเหระกับซูสวนต่อไปอย่างไม่ปะติดปะต่อ ไม่ใส่ใจกับคำพูดของเจียงชื่อเลย
เวลา 5 นาที ผ่านไปภายในชั่วพริบตา
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเสวไห่หรงก็ดังขึ้น
แววตาของซูสวนเป็นประกาย
เสวไห่หรงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู แล้วพูดอย่างมีความสุข “ครบ 5 นาทีแล้ว โทรศัพท์ก็โทรเข้ามาแล้ว แต่ว่าคุณซูอาจจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ เป็นพ่อของผมเองที่โทรมา ไม่ใช่โทรศัพท์แจ้งไล่ออก”
เขาพูดพลางรับสาย
“ฮัลโหล พ่อ ว่าไงครับ?”
เสียงที่จริงจังและโกรธเกรี้ยวของชายชราดังมาจากปลายสาย “ไอ้สารเลว แกทำอะไรลงไป?”
เสวไห่หรงรู้สึกมึนงงไปหมด “ผมทำอะไร? ผมก็แค่มานัดบอด พ่อก็รู้นี่”
“ฉันไม่ได้หมายถึงนัดบอด ฉันหมายถึงแกไปล่วงเกินหัวหน้าระดับสูงของเครื่องประดับดาวฤกษ์คนไหนมา?”
“เอ๊ะ? เปล่านี่ ผมทำตัวสุภาพเสมอเมื่อพบหัวหน้าระดับสูง จะกล้าล่วงเกินได้ยังไง? จะว่าไปแล้ว อย่างผมนี่ก็ไม่มีหัวหน้าระดับสูงคนไหนแล้ว พ่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เสียงถอนหายใจดังมาจากปลายสายครั้งแล้วครั้งเล่า
เสวไห่หรงรู้สึกได้อย่างฉับพลันว่ามีบางอย่างผิดปกติ พ่อของเขาวางแผนได้อย่างถี่ถ้วนมาโดยตลอด ทุกย่างก้าวนั้นคิดคำนวณเอาไว้อย่างแม่นยำมาก ไม่เคยก้าวพลาดมาหลายสิบปีแล้ว
แต่ทำไมวันนี้เขาถึงรู้สึกเหมือนเป็นผู้เล่นหมากรุกอาวุโสที่พ่ายแพ้ในกระดานหมากรุก?
“พ่อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พ่ออย่ามาทำให้ผมกลัว รีบบอกมาเถอะ”
“ยังจะให้พูดอะไรอีกล่ะ? แก รวมถึงพ่อของแกด้วย ถูกไล่ออกจากเครื่องประดับดาวฤกษ์แล้ว!”
เปรี้ยง!!!
สายฟ้าฟาดผ่านหัวสมองของเสวไห่หรงรู้สึกเหมือนมันสมองกำลังจะระเบิดออกมา
ไล่ออก?
ถูกไล่ออกจริงๆ
คำพูดของเจียงชื่อเมื่อครู่เป็นความจริงอย่างไม่น่าเชื่อ และผ่านไปแค่ 5 นาทีจริงๆ มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ? ไม่ใช่ เจียงชื่อต้องรู้สถานการณ์ตั้งแต่แรกแล้วถึงได้กล้าพูดเช่นนี้ออกมา
เสวไห่หรงถามอย่างตะกุกตะกัก “พ่อครับ ทำไมจู่ๆ ก็ไล่ออกล่ะ? มีเหตุผลแล้วเหรอ?”
“เหตุผล? หัวหน้าบอกว่าแกไปล่วงเกินใครมา บอกว่าตรวจสอบพบว่าเราสองพ่อลูกใช้ตำแหน่งของบริษัทแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้นอกจากไล่พวกเราออกแล้ว ยังต้องการฟ้องพวกเราด้วย! แกมันไอ้สารเลว ฉันบอกว่าให้แกทำตัวเงียบๆ หน่อย แกก็ไม่ฟัง แกไปล่วงเกินใครมากันแน่?! น่าโมโหชะมัด น่าโมโหชะมัด!”
คำด่ายังคงดังมาจากปลายสายอย่างต่อเนื่อง
เสวไห่หรงทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงตัดสายทิ้งอย่างฉับพลัน
ในเวลานี้เขาไม่มีกำลังวังชาเลย มองคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างว่างเปล่า กลืนน้ำลายสองสามอึก อึกอักไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เขายังมีจิตใจฮึกเหิมห้าวหาญ เต็มไปด้วยกำลังวังชา
ตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือแล้ว อย่างที่เจียงชื่อพูด เขาเป็น ‘คนงานที่ถูกเลิกจ้าง’
การถูกเลิกจ้างไม่ได้น่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือ พวกเขาพ่อลูกยังต้องถูกทางเครื่องประดับดาวฤกษ์สอบสวนอย่างละเอียดและดำเนินคดี หลายปีที่ผ่านมาพวกเขาทำเงินได้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย คราวนี้พวกเขาล้มหัวคะมำ
เพียงแต่ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป
อีกอย่าง เจียงชื่อรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร?
เสวไห่หรงมองเจียงชื่ออย่างมึนงง พลางถามว่า “คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมคุณถึงรู้ล่วงหน้าว่าเราสองพ่อลูกถูกไล่ออก?”
เจียงชื่อยิ้มๆ “ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนเลย”
“คุณไม่ได้รู้ล่วงหน้าเหรอ? ทั้งๆ ที่คุณเพิ่ง…”
เจียงชื่อยกมือขึ้นตัดบทเขา แล้วพูดต่อว่า “ผมไม่รู้ล่วงหน้าว่าพวกคุณจะถูกไล่ออก แต่ผมเพิ่งตอบกลับแผนกบุคคล ขอให้พวกเขาไล่พวกคุณสองพ่อลูกออกภายใน 5 นาทีและสอบสวนพวกคุณอย่างละเอียด”
“คุณร้องขอ?” เสวไห่หรงทั้งโกรธและขบขัน “คุณเป็นแค่หนุ่มยาจกคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรไปสั่งแผนกบุคคลของเรา?”
เจียงชื่อจัดเสื้อผ้าให้เรียบตรง “พูดถึงเรื่องนี้ ผมมานั่งตรงนี้ตั้งนานแล้ว แต่เหมือนจะยังไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเลย คุณยังไม่รู้จักชื่อของผม”
เสวไห่หรงพูดเยาะเย้ย “ผมจำเป็นต้องรู้ชื่อของคุณด้วยเหรอ? คุณคือจักรพรรดิหยกหรือว่าพระยูไลล่ะ?”
“ผมชื่อเจียงชื่อ”
“เจียงชื่อ?”
เสวไห่หรงตกตะลึงไปหลายวินาที ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง มันคุ้นหูมากทีเดียว แต่ตอนนี้เขากลับนึกไม่ออก
เจียงชื่อหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นออกไป “นี่คือนามบัตรของผม”
ในนามบัตรขึ้นต้นว่า ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเครื่องประดับดาวฤกษ์สาขาเขตเจียงหนาน