คําเรียกร้องไม่คาดฝันจากเพื่อนผู้หญิง - ตอนที่ 3 (ครึ่งหลัง)
ในช่วงหลังเลิกเรียน คําพูดของอาซึสะหลังจากถูกผมสารภาพรักกลายเป็นนํ้าเสียงเย็นชา
เธอไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร เพราะงั้นคงเธอไม่คิดที่จะทําร้ายหัวใจผม
สุดท้ายเเล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน เเต่ถึงเป็นเช่นนั้นผมก็ถูกโจมตีเข้าอกอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น วันต่อมาเธอปฏิบัติตัวกับผมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาซึสะเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวเเล้วเเน่ๆ
ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร
อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะดูเห็นเเก่ตัวเเต่ผมเจ็บจิ๊ดไปยันทรวงอก
ผมยอมหัวเราะเยาะตัวเองดีกว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สําหรับมินาโตะเเล้ว เขาคงคุยกับอาซึสะได้ไม่เหมือนเเต่ก่อนเเละเขากลายเป็นคนงุ่มง่ามขึ้นมาโดยทันที
ผมทําใจได้เเล้ว
ต่อให้เหล่าผู้ชายจะเเต่งตั้งให้เธอเป็น “อันดับที่ห้า” ก็จริง
เเต่มันก็ยังห่างไกลสําหรับมินาโตะอยู่ดี เพราะงั้นเขาต้องไตรตรองและเจียมตัวใหม่
นี่ก็คือระดับของมินาโตะ
เขาควรสำนึกอย่างลึกซึ้งประหนึ่งก้นบึ้งมหาสมุทรแล้วไม่ต้องโผล่ออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อมินาโตะเข้าใจสถานการณ์เเล้ว เขาเปิดสมาร์ทโฟนขึ้นมาเเละลบเกม มอนโทโมะ ทิ้ง
เกมที่ทําให้ฉันมีเพื่อนผู้หญิงคนเเรก
ถึงจะเห็นเเก่ตัวไปก็เถอะ เเต่สําหรับมินาโตะเเล้วมันเรียกว่าเป็นสิ่งที่รกหูรกตา เเละไม่อยากเห็นไอคอนของเกมนี้บนสมาร์ทโฟนอีกเเล้ว
มินาโตะไม่เพียงเเค่อกหักจาการสารภาพรัก เเต่ยังเสียเพื่อนผู้หญิงคนเเรกในชีวิตของเขาไปอีกด้วย──
.
[“นี่ มี้~นาโตะ จะเอาเเต่นอนไปถึงไหน”]
[“….?”]
ผมตื่นขึ้นมาโดยถูกใครสักคนเรียก ผมเงยหน้าดูเเละก็พบเจอกับสาวสวยอยู่ต่อหน้าผม
ดูห่างไกลจากสาวที่เป็นอันดับห้าของห้องเเต่กลับเป็นสาวที่หน้าตาดีที่สุดของห้อง
[“ฮัตสึกิหรอ?”]
[“ใช่เเล้ว ฮัตสึกิ อาโออิคนนี้เองเเหละ นี่นายดูมีความสุขไปไหมที่ฉันไปปลุกนายตื่นขึ้นมาเนี่ย?”]
[“….”]
ผมค่อยๆเอาหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเรียน
ดูเหมือนผมจะนอนควํ่าหน้าไปกับโต๊ะในห้องเรียน
เมื่อมองไปยังนาฬิกาก็ปาไปสี่โมงเย็นซะเเล้ว
[“งานเข้าเเล้ว…เผลอหลับเพลินไปหน่อย”]
[“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ นายคงเล่นเกมจนดึกดื่นอีกเเล้วสินะ? คงเป็นเกมที่มีลํากล้องเเล้วก็ยิง ปิ้วๆๆ นั้นอีกล่ะสิ?”]
[“มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้นสักหน่อย เเถมเกมนี้ได้รับดังมากตั้งเเต่คนวัยเด็กยันวัยผู้ใหญ่เลยนะ”]
อย่างที่ฮัตซึกิพูด เมื่อคืนผมนอนดึกเพราะติดเกม
เกมที่ฮัตซึกิพูดถึงคือเกม FPS ชื่อดังอย่าง── “เลเจนด์ดิส” เป็นเกมที่ยิงปืนจากมุมมองที่หนึ่งโดยส่วนใหญ่โดยทั่วไปเรียกสั้นๆว่า “เลเจ” อีกทั้งยังเป็นเกมยอดนิยมในด้าน FPS อีกด้วยเเละที่สําคัญเกมนี้ฟรี
เเละยังสามารถเล่นได้ไม่ว่าจะเเพลตฟอร์มไหนจึงทําให้มินาโตะติดอกติดใจมาก ผมเริ่มเล่นเกมนี้บนพีซีโดยใช้เมาส์กับคีย์บอร์ดในการควบคุมเพื่อต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นศัตรูจากทั่วทุกมุมโลก
[“การเเข่งขันเเบบจัดอันดับ โครตมันส์เเถมยังยิงกันดุเดือดอีก…เลยทําให้ฉันหยุดเล่นไม่ได้เลย”]
[“ให้ตายสิ อย่ามามันส์กับสิ่งที่ฉันไม่รู้จักสิ”]
[“ถึงเธอจะบ่นไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ”]
โดยปกติเเล้วมินาโตะมักจะเล่นเกม เลเจ กับผู้เล่นสายโซโล ‘โนระ’
มินาโตะรู้จักผ่านทางอินเตอร์เน็ต เเต่ส่วนตัวสําหรับมินาโตะเเล้วจะชอบเล่นคนเดียวมากกว่าจะเล่นกับเพื่อน
[“เล่นเกมตลอดเวลามันไม่ดีต่อตัวนายทั้งเรื่องสุขภาพ ทั้งการเรียน เพราะงั้นวันนี้ฉันขอพาตัวนายมาเที่ยวกับฉันได้ไหม?”]
[“ไปเที่ยวที่ไหน?”]
[“สปอตตี้ละกัน ฉันไม่ได้เที่ยวที่นั้นสักพักเเล้วด้วย”]
[“เอ๋ เอาที่นั้นจริงดิ”]
สปอตตี้เป็นสวนสนุกในร่มเเห่งหนึ่ง
ที่นี่คุณสามารถเล่นกีฬาหรือกิจกรรมภายในได้สารพัดอย่าง ฟุตซอล เทนนิส สตรีทบาส โรลเลอร์สเก็ต เเละแทรมโพลีน
[“ตืนเเล้วไปกันได้เเล้ว ฉันไม่ได้บอกนายว่าห้ามเล่นเกม เเต่นายควรออกไปเจอกับโลกภายนอกยืดเส้นยืดสายบ้างนะหรือว่านายไม่อยากไปเที่ยวกับฉัน?”]
[“….เข้าใจเเล้วน่า”]
ฮัตสึกิมองมาที่ผมไม่หยุด
ผมทําอะไรไม่ถูกเลยตัดสินใจลุกขึ้นยืนเเละหยิบกระเป๋าขึ้นมา
ฮัตซึกิได้ออกจากห้องเรียนไปก่อนเเล้ว
มินาโตะรุกรี้รุกรนเเละวิ่งตามฮัตซึกิไป
.
ฮัตสึกิ อาโออิ หญิงสาวอันโด่งดังในโรงเรียนนี้ที่ใครๆก็ต่างรู้จักเธอ
ผมเหยียดตรงยาวสีนํ้าตาลอ่อนราวกับสีของชานม
ใบหน้าสวยงดงามเเม้ว่าจะเเต่งหน้าเล็กน้อย
ส่วนไหล่เเละเอวก็เธอดูเรียวบาง บริเวณอกช่วงบนของเธอมีก้อนกลมๆสองก้อนดันหน้าอกของเธอให้ดูใหญ่จนทําให้ดูโดดเด่นมากขึ้นผ่านเสื้อคาร์ดิแกนสีชมพูที่เธอสวมใส่อยู่
หน้าอกของเธอมีขนาดพอๆกับลูกเเตงโม เเละมันใหญ่พอที่เด้งดึ๋งไปมาได้เพียงเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย
เนคไทสีเขียวเข้มถูกคลายออกเล็กน้อย ขาที่ยื่นออกมาจากมินิสเกิร์ตลายตารางหมากรุกนั้นดูเรียวยาว
ในบรรดานักเรียนหญิงปีหนึ่งของโรงเรียนมัธยมมิยะ เธอได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนดังมากที่สุดในโรงเรียน
ในโรงเรียนเธอมักกระตือรือร้นสดใสร่าเริง คุยกันผู้คนเก่ง เเละยังเป็นนักเรียนดีเด่นอีก
เธอมีเพื่อนมากมายไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงเเละมักจะมีคนรอบข้างชวนคุยด้วยเสมอ
ฮัตสึกิอยู่ในโลกที่ต่างไปจากผม มินาโตะ โทชิยะ ที่เป็นคนทั่วๆไปอย่างสิ้นเชิง
[“เราเล่นอะไรกันดีล่ะ?”]
[“เอ๊ะ? อ่อ ไอ้นั้นคืออะไร?”]
[“นี่นายฟังฉันนะ ฉันถามว่านายจะสะลึมสะลือไปถึงเมื่อไหร่?”]
[“ฉันไม่เป็นไรเเล้ว ฉันตื่นเเล้วน่า”]
หลังจากมาถึงสปอตตี้ พวกเราทั้งสองคนกําลังดูป้ายข้อมูลสถานที่อยู่ใกล้กับเเผนกต้อนรับ
เเละด้วยเหตุผลบางอย่าง สาวสวยที่มองโลกในเเง่ดีอย่าง ฮัตสึกิ ขอพาผมมาเที่ยวเล่นด้วยกันเฉยเลย
มันเป็นเรื่องไม่คาดฝันสําหรับมินาโตะ
ไม่เเปลกเลยที่ทําไมมินาโตะถึงไม่เลิกครุ่นคิด
[“เเล้วนี่..ฮัตสึกิ เธอโอเคหรอที่มาเป็นเพื่อนกับผม?”]
[“เพื่อน? ก็นายไงเพื่อนของฉัน”]
[“….ก็ใช่ล่ะนะ”]
ตามปกติเเล้วฮัตสึกิจะเป็นคนพูดเพราะ เเต่วันนี้มินาโตะเเปลกใจที่เธอพูดห้วนๆกับเขา
มินาโตะจํามันได้─
มิตรภาพกับเพื่อนสาวที่น่ารักคนนี้──มันเป็นการเริ่มต้นที่กะทันหันสุดๆ
.
※
.
มินาโตะเป็นเพื่อนกับฮัตสึกิ อาโออิ หลังเข้าโรงเรียนมาได้ประมาณสามเดือน──
ถ้าจะพูดให้เจาะลึกมากกว่านี้ก็คือหลังจากที่เขาสารภาพรักกับอาซึสะ โคโตเนะคนนั้น
เป็นช่วงที่เขาตัดสินใจลบเกม มอนโทโมะทิ้ง
เขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเเละชีวิตจิตใจดําดิ่งลงไปก้นบึ้งสมุทร
ถ้าให้เสริมอีกหน่อยก็คือเขาพึ่งสอบปลายภาคเทอมเเรกเสร็จ
มินาโตะเป็นคนเรียนเก่ง เเต่ไม่ได้เก่งถึงขนาดเป็นท็อปของโรงเรียน เพียงเเค่ได้คะเเนนสูงกว่าค่ามาตรฐานเท่านั้น
ในโรงเรียนมัธยม คะเเนนสอบมีผลต่อการเรียนมาก ทําให้ส่งผลว่าคุณจะต้องไปสอบซ่อมเพื่อเพิ่มคะเเนนทีหลังหรือไม่
เเน่นอนว่าคะเเนนสอบของมินาโตะผ่านอย่างสบายๆเเละ─วันที่ครูเเจกกระดาษคําตอบส่งคืนมาให้นักเรียนก็มาถึง
มินาโตะสะพายกระเป๋าคู่ใจของเขาเเละกําลังออกเดินจากห้องเรียน
[“ขอโทษนะ มินาโตะคุง พอจะมีเวลาคุยกับฉันสักเเปปนึงมั้ย?”]
ฮัตสึกิ อาโออิ สาวระดับท็อปของม.ปลายปีหนึ่งมาคุยกับผม
[“อ๊ะ คุณฮัตสึกิ..?”]
มินาโตะเอียงหัวด้วยความสงสัย
เธอเป็นถึงหญิงสาวที่มีชื่อเสียงในโรงเรียนนี้การรู้ชื่อของเธอเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก เเต่มินาโตะเเทบจะไม่มีความทรงจําที่ได้เเลกเปลี่ยนบทสนทนากับเธอ
มันเเทบจะเป็นปาฏิหาริย์เลยที่ฝ่ายตรงข้ามจะรู้จักชื่อของผม
ฮัตสึกิอธิบายให้มินาโตะฟังถึงเหตุผลที่เรียกเขา
ดูเหมือนว่าคะเเนนสอบของฮัตสึกิไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจ เเละเธอต้องไปตามสอบซ่อมเกือบทุกวิชา
เเละถ้าสอบซ่อมเเล้วอีกสามวันยังไม่ผ่านอีก จะโดนเรียนซัมเมอร์ในช่วงปิดเทอม
เธอก็เลยขอให้ผมติวให้──เรื่องราวก็ประมาณนี้เเหละ
[“เอ๊ะ? เเล้วทําไมถึงเป็นผม?”]
[“ก็มินาโตะเรียนเก่งไม่ใช่หรอ? นายตั้งอกตั้งใจเรียนมากเลยนี่หน่า เเค่มองตอนอาจารย์สอนฉันก็รู้เเล้ว”]
[“คะเเนนของผมก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นนะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ….ไม่สิถามจริงหรอ ทําไมต้องเป็นผมล่ะ?”]
คําร้องขอของฮัตสึกินั้นทําให้มินาโตะประหลาดใจไม่น้อย ทําให้มินาโตะค่อยๆเสียความมั่นใจในตัวเองไป
ฮัตสึกิมีเพื่อนเยอะเเยะเเละบางคนยังเรียนยังดีกว่ามินาโตะอีก
เเต่ถึงอย่างไร มินาโตะก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลได้ ทั้งๆที่เธอมีเพื่อนบางคนเก่งกว่าผม
[“พอดีฉันเป็นพวกสนใจอะไรแปลกๆ ถ้าจะให้พูดอะนะ”]
ฮัตสึกิเอียงหัวเล็กน้อย
[“ถ้าเป็นมินาโตะคุงล่ะก็ เเม้ว่าฉันจะเรียนไม่เข้าใจ เเต่นายก็ยังพยายามติวให้ฉันเข้าใจโดยไม่ท้อเเท้น่ะ ว่าไปนั้น”]
[“มะ…ไม่ท้อเเท้?”]
ชมกันแบบนั้นไปก็มีแต่จะทำให้ยิ่งงงหนัก
เขาตัดสินใจเเล้วว่าจะดูเเลเเละใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว
การที่ไปติวให้กับสาวสวยระดับท็อปของห้องเเถมยังเป็นคนคิดบวกอย่าง ฮัตสึกิ
เรื่องนั้นมันเหนือชั้นกว่ามินาโตะอย่างเห็นได้ชัด──
.
[“น้าา~ ขอร้องล่ะช่วยติวให้ฉันหน่อย♪”]
.
แปะ! ฮัตสึกินํามือทั้งสองข้างมาประสานกันเเละตบหนึ่งครั้งพร้อมกับอ้อนวอนมินาโตะด้วยรอยยิ้มอันเเสนเจ้าเล่ห์
ในขณะเดียวกัน ความกังวลใจเเละความหดหู่ที่อยู่ในใจของมินาโตะหายไปในพริบตา
สําหรับผมเเล้วคิดว่ามันดูธรรมดาไป
ผมไม่คิดว่าผมจะไม่รู้ตัวเอง
เเต่ในทางกลับกัน การหาข้อเเก้ตัวที่จะปฏิเสธคําขอให้กับบุคคลอันสูงส่งอย่างฮัตสึกินั้นอาจถือว่าเป็นการทําอะไรเกิดตัว
ความรู้สึกที่สับสนอยู่ใจของเขามันมารวมกันเเละหายภายในพริบตาเดียว
“คําขอร้อง” ของฮัตสึกินั้นมีอนุภาคทําลายล้างสูงมาก──
[“ได้สิ”]
กว่าผมจะรู้สึกตัว ผมก็ได้ตอบรับคําขอของเธอซะเเล้ว
เเต่น่าเเปลกใจที่ ผมรู้สึกไม่เสียใจเลยสักนิดที่ตอบกลับเธอเช่นนั้น
.
นับตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมา ฮัตสึกิ อาโออิ ขอให้ผมติวหนังสือให้
ผมตัดสินใจติวให้ฮัตสึกิเเบบตัวต่อตัวในช่วงหลังเลิกเรียน
คะเเนนของฮัตสึกิไม่ค่อยสู้ดีนักเเต่เธอเป็นคนหัวไว
ถ้าผมติวให้ฮัตสึกิตรงจุดที่ออกสอบ เเถมเธอเป็นคนความจําค่อนข้างดีสอนอะไรไปก็จําได้ไว เเละไม่กี่วันต่อมาคะเเนนของเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน──
[“ทําได้เเล้ว~! นี่ก็เพราะมินาโตะ ขอบคุณนะ!”]
ในวันรุ่งขั้นหลังจากสอบซ่อมเสร็จ ผลคะเเนนสอบก็ออกมา ฮัตสึกิจับมือผมอย่างดีอกดีใจที่สอบผ่าน
มินาโตะไม่ได้ไปเห็นคะเเนนของฮัตสึกิ นั้นก็เพราะว่ามือของเขาประสานกับมือที่เรียวงามของฮัตสึกิอยู่
อย่างไรก็ตาม เขาเเสร้งทําตัวเป็นหนุ่มเย็นชาเพราะไม่อยากไปขัดจังหวะช่วงเวลาเเห่งความสุขของฮัตสึกิที่สอบผ่านจนได้
พอนึกถึงเรื่องนี้─จิตใจมินาโตะก็รู้สึกหวั่นไหว
เพียงเเค่เวลาไม่กี่วัน ที่อยู่กับฮัตสึกิสองต่อสองนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน
เธอเป็นเหมือนดั่งราชีนีคิดเเง่ดี สําหรับผมเเล้วเธอเป็นเสมือนเป็นมนุษย์อันสูงส่งเเละไม่มีทางที่คนธรรมดาอย่างผมจะเอื้อมถึง เเถมเธอไม่เคยดูถูกผมสักครั้งเลย
มินาโตะกังวลว่าสิ่งนี้จะทําให้เขารู้สึกละอายใจเเละอคติต่อตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่คิดไม่ฝันมากที่สุดก็คือ ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เรียนห้องเดียวกับฮัตสึกิ
เเต่ว่า..ช่วงเวลานั้นได้สิ้นสุดเเล้ว
เมื่อคะเเนนฮัตสึกิผ่านเเล้ว ผมก็ไม่ได้มีธุระอะไรกับเธออีก──
[“งั้น..มินาโตะ วันนี้ฉันเลี้ยงสตาร์ปาเเทนคําขอบคุณนะ♡”] (“สตาร์ปา” ล้อร้าน Starbucks)
[“เอ๊ะ?”]
ถึงเเม้ว่าเธอไม่ได้มีธุระอะไรกับผมเเล้วเเต่ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับฮัตสึกิ─กลับยังไม่สิ้นสุด
ไม่สิผมจะไปจริงจังทําไม
ผมสายหัวไปมา เเต่มันไม่ใช่ความฝัน
ในความจริงเเล้ว ผมถูกฮัตสึกิลากตัวไปสตาร์ปา─คาเฟ่ยอดนิยมของพวกคนสดใสร่าเริง เธอเลี้ยงเครื่องดื่มผมที่มีชื่อเหมือนมนต์สะกด
นับว่าเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง เครื่องดื่มนี้มันควรจะรสชาติหวานเเต่กลับไม่มีรสชาติอะไรเลย
เเล้วก็──
ฮัตสึกิเริ่มพาผมไปด้วยโดยไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ
เธอเลี้ยงผมเฉพาะวันนี้เท่านั้น ครั้งต่อไปต่างคนต่างจ่าย
[“ฉันไม่ได้ทํางานพาร์ทไทม์เลยไม่ค่อยมีเงินหน่ะ มินาโตะก็ไม่ได้ทํางานพาร์ทไทม์ใช่ไหมล่ะ?”]
[“พอดีผมเป็นคนใช้เงินประหยัดน่ะ….เเล้วคุณฮัตสึกิใช้เงินเปลืองหรอ?”]
ผมมองเห็นภาพของคนเข้าสังคมเก่งใช้เงินเล่นอย่างสนุกสนาน
[“ไม่ขนาดนั้นหรอก กลับกันเลยฉันไม่ชอบออกไปข้างนอกน่ะ เเต่ถ้าเป็นมินาโตะล่ะก็เรียกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ”]
[“โอะ..โอ้”]
ผมก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรต่อคําพูดของฮัตสึกิ
ฮัตสึกิคุยกับผมในเฉพาะเวลาที่ติวหนังสือให้เท่านั้น
จู่ๆ ก็เธอหยุดเรียกคําลงท้ายว่า “คุง” เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติเเละมันไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไรไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงจะถูกเรียก
มินาโตะ ก็เคยมีประสบการณ์ถูกผู้หญิงทิ้งมาก่อน
โดยปกติเเล้ว ผมจะเรียกฮัตสึกิด้วยนามสกุล
ถึงอย่างงั้น─มินาโตะก็ไม่ได้คาดหวังอะไร
สําหรับมินาโตะเเล้วคิดว่าการที่ ฮัตสึกิ เข้าหาคนอย่างเขาเป็นเพียงเเค่ความตั้งใจในช่วงเวลานั้นเเละหลังจากนั้นเธอก็จะปล่อยวางผม
ท้ายที่สุดเเล้ว เขาควรดําดิ่งลงไปดั่งก้นบึ้งมหาสมุทรเเล้วไม่ต้องโพล่ขึ้นมาอีกจริงๆนั้นเเหละ
[“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง~ ช่วงวันหยุดฤดูร้อนล่ะ! มินาโตะมาเล่นกันเถอะ!”]
รอบๆตัวของมินาโตะนั้นกลับไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาคิดก่อนหน้านี้
เเม้ว่าปิดเทอมฤดูร้อนจะเริ่มต้นได้ไม่นาน ฮัตสึกิก็ยังพาผมไปสระว่ายนํ้าเเละทะเลในช่วงหน้าร้อน
มันเป็นครั้งเเรกของมินาโตะที่ได้ไปสระว่ายนํ้าหรือทะเลกับหญิงสาวหรือพรรคพวกเพื่อนผู้ชาย
เพื่อนพ้องของฮัตสึกิก็อยู่ที่นี่ด้วยเเละเพื่อนบางคนก็มองมาที่ผมด้วยอารมณ์บนใบหน้าราวว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” “ทําไมถึงเป็นผู้ชายคนนี้?” นั้นคือปฏิกิริยาที่ผมเห็นจากใบหน้าของเพื่อนเธอเเต่ผมก็ไม่ได้ไปใส่ใจจุดนี้มากนัก
ดูเหมือนว่ามนุษย์คิดบวกจะไม่ยึดติดกับเรื่องจุกจิกเเละถ้าทุกอย่างปกติดีก็พวกเขาพร้อมที่จะเล่นด้วย
เพื่อนของฮัตสึกิเคารพฮัตสึกิในฐานะผู้นํา
เพราะฮัตสึกิพาผมมาที่นี่ เพื่อนของเธอจึงหายข้องใจเกี่ยวกับการมีอยู่ของผม
หนึ่งในเพื่อนของฮัตสึกิ──โฮนามิ มูงิ หญิงสาวเเกลที่มีสีผมนํ้าตาลอันโดดเด่นจากบรรดาผู้หญิงทั้งหมด
[“ก็นะ ฉันเเละพวกเพื่อนพ้องเคารพอาโออิในฐานะผู้นําตั้งเเต่ม.ต้นเเล้วน่ะ เเต่ถ้าอาโออิพานายมาพวกฉันไม่กล้ามีปัญหาด้วยหรอกนะ”]
นั้นคือสิ่งที่เพื่อนของเธอบอกกับผม
ในกลุ่มสาวสดใสร่าเริงนี้ มีฮัตสึกิเป็นผู้นํา ส่วนสมาชิกในกลุ่มบางคนอยู่ตั้งเเต่สมัยม.ต้นจนมาถึงทุกวันนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมถึงเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดในช่วงปีเเรกของโรงเรียนมุโรมิยะ
หากเป็นเเต่ก่อน มินาโตะไม่ได้สนใจการมีอยู่ของกลุ่มนี้หรือไม่ก็อาจจะพลิกเป็นเหลิงได้ใจไปเลย
มินาโตะไม่ได้คาดหวังมากเมื่อเขาต้องเข้าสังคมกับคนที่ไม่รู้จัก
มินาโตะไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมกลุ่มนี้หรือมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับสาวเเกลเลยสักนิด
เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่สามารถอยู่กับคนเเบบนี้ได้
ถ้าพวกเธอคาดหวังในตัวมินาโตะมากจนเกิดไป มินาโตะอาจจะสับสน รุกรี้รุกรนเเละฟลุ๊คเกิดข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงได้
เขาไม่ต้องการเหนื่อยซํ้าสองไปกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง
.
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ไม่คาดคิดยังคงดําเนินต่อไป
เเม้ว่าวันหยุดฤดูร้อนจะจบลงไปเเล้วเเต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฮัตสึกิกลับยังไม่สิ้นสุด
[“นี่ มินาโตะ วันนี้ช่วยมากับฉันหน่อยสิ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องไปเอานิตยสารมาให้ได้ เเถมยังสั่งออนไลน์ไม่ได้อีกฉันได้ยินมาว่าร้านหนังสือตรงหน้าสถานีรถไฟยังมีเหลืออยู่”]
[“ได้อยู่หรอก..เอ๊ะ นี่จะไปเลยหรอ? วันนี้ยังเรียนไม่จบเลยนะ?”]
[“เราไปร้านหนังสือด้วยกันไม่ได้รึไง อ่ะ ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวหมดก่อน มานี่ไปกันเถอะ!”]
[“……”]
ก็ประมาณนี้อะนะ
เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง การที่ทั้งสองคนเล่นด้วยกันไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร
มินาโตะเเละฮัตสึกิเริ่มอยู่กันสองต่อสองหลังเลิกเรียนเเละในวันหยุดโดยไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ
ไม่สิ คงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง──
นอกเหนือจากเหตุผลนี้ มินาโตะยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก
ตอนที่เล่นกับฮัตสึกิผมรู้สึกสนุกมาก
ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกสนุกกับการเล่นกับหญิงสาวที่ทั้งน่ารักสดใสเเละตลกคนนี้หรอก
เเต่ว่า──ทําไมสาวฮอตอย่างฮัตสึกิถึงอยากออกไปเที่ยวกับผมซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษกันนะ?
มีวันหนึ่งที่มินาโตะตัดสินใจไปถามฮัตสึกิ
[“นี่ ฮัตสึกิ ทําไมเธอยังคอยมาเล่นกับฉันทุกวันล่ะ?”]
[“ทําไมน่ะหรอ นั้นก็เพราะ──”]
ฮัตสึกิทําท่าทีจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
[“นั้นก็เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะ”]
[“….เข้าใจเเล้ว”]
เขาสงสัยว่าทําไมตัวเองลังเลที่จะพูดในเวลาเช่นนี้
เมื่อลองคิดดูเเล้ว มันรู้สึกน่าอายเล็กน้อยที่จะพูดคุยถึงเรื่อง “เพื่อน” อีกครั้ง
เเละมินาโตะพอใจกับคําตอบที่เเทรกไปด้วยความน่าอายนั้น
หลังจากได้ยินคําตอบของฮัตสึกิเเล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการได้ใช้เวลากันเธอนั้นสนุกขึ้นไปอีก
.
※
.
[“นี่ นี่ มินาโตะฟังอยู้รึเปล่า”]
[“เอ๊ะ มะ..ไม่ ไม่ได้ฟังเลย”]
ณ บริเวณหน้าป้ายข้อมูลของสปอตตี้
ฮัตสึกิจ้องมาที่หน้าผมด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ด้วยเหตุผลบางอย่างผมนึกถึงวันที่ตัวเองอยู่สองต่อสองกับฮัตสึกิ
เป็นเวลาสามเดือนเเล้วตั้งเเต่ผมรู้จักกับฮัตสึกิมา
คงจะเร็วเกินไปที่จะนึกถึงความทรงจําในอดีต
ผมดึงความกล้าของตัวเองเพื่อเผชิญหน้าฮัตสึกิ
[“อะ..เอ่อ.. ว่ายังไงนะ?”]
[“ฉันถามว่านายจะไปเล่นอะไร ฉันจะไปเล่นแทมโบรีน ที่จริงเเล้วฉันอยากเล่นมันตั้งเเต่เมื่อวานเเล้วเเหละ”]
[“แรงกระตุ้นที่อยากเล่นแทมโบรีนเนี่ยในโลกนี้มันมีด้วยเรอะ”]
[“ก็ฉันนี่ไง งั้นไปเล่นเเทมโบรีนกันเลยไหม?”]
[“ก็ได้เเต่เธอใส่กระโปรงอยู่นะ ไปเปลี่ยนชุดก่อนไปที่นี่เขามีให้ยืมชุดใช่ไหม?”]
[“เอ๊ะ อ่อ…ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันใส่กางเกงซับอยู่”]
ฮาสึกิเเง้มมินิสเกิร์ตของเธอให้ผมดู
ตันขาสีขาวนวลกันได้รูปของเธอได้ถูกเปิดเผยออกมาเต็มหน้าเต็มตาผม──
ก็จริงอยู่ที่เธอใส่กางเกงซับสีดําไว้ด้านใน
[“นี่เธอ อย่ามาเปิดกระโปรงในที่เเบบนี้เซ๊!”]
กางเกงซับของฮัตสึกินั้นสั้นเเละกระทัดรัดจนมองเห็นต้นขาอันเรียวยาวของเธอถึงเเม้จะเป็นกางเกงสีดํา
เเว๊บเเรก เขาคิดว่ามันคือกางเกงในด้วยซํ้า
[“คือว่านะมินาโตะ เดี๋ยวนี้สาวม.ปลายใส่เเค่กางเกงในไม่พอหรอกรู้มั้ย”]
[“มันไม่ใช่เเบบนั้น เเต่ว่าผู้ชายเองจะตกใจเอานะอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงเปิดกระโปรงให้ดู”]
[“เอ๋ เเม้เเต่มินาโตะคุงอันหล่อเหลายังมีอารมณ์กับเขาเป็นด้วยหรอเนี่ย? น่าเเปลกใจจัง”]
ฮัตสึกิยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เเละสะกิดมินาโตะข้างๆด้วยศอก
[“ฉันไม่ได้หล่อเหลาอะไรสักหน่อย…เอ้า ไปกันเถอะ”]
[“ไปกานนนนน”]
พวกเราเดินผ่านห้องบางอย่างตรงทางเดินเเละมาถึงจุดเล่นแทมโบรีน
ไม่มีคนอื่นมาเล่นเครื่องเล่นนี้อาจเพราะเครื่องเล่นนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก
[“อะไรกันน จะได้เห็นสาวม.ปลายหอมๆทั้งที เเต่กลับไม่มีใครให้มองเลยหรอเนี่ย?”]
[“โชคดีเเล้วเฟ้ย”]
[“มินาโตะฉันก็หอมๆเอโร่ยๆเหมือนกัน นายจะทําให้ฉันเป็นของนายก็ได้นะ~”]
[“มะ…ไม่เป็นไร!”]
ขั้นตอนเเรกก่อนที่จะขึ้นไปบนเเทมโบรีนคือการถอดรองเท้าเสียก่อน
เเค่ได้ความรู้สึกเด้งดึ๋งจากเเทมโบรีนเเค่คิดก็น่าสนุกเเล้ว
การที่ได้กระโดดเเล้วมองเห็นมุมสูงนั้นทําให้ดูตะลึงไม่น้อยเลย
[“ย๊าา”]
[“โอ้ย”]
เมื่อผมมองไปด้านข้างก็ได้พบกับฮัตสึกิที่กําลังตีลังกากลับหลัง
กระโปรงของเธอกระพือขึ้น ทําให้ผมเห็นบั้นท้ายของเธอที่ห่อหุ้มไปด้วยกางเกงซับสีดํา
[“เอ้ย เขาเขียนไว้อยู่นะว่าห้ามตีลังกาบนเเทมโบรีนน่ะ”]
[“อ่าวหรอ? ไม่เป็นไรหรอกก็ที่นี่ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรานี่นา”]
[“เเล้วมันใช่เรื่องไหม?”]
มันจะเป็นเรื่องใหญ่ถ้าเธอตีลังกาเเล้วคอหัก
การตีลังกากลับหลังของฮัตสึกิไม่เป็นอันตรายเเต่ในฐานะเพื่อนมันทําให้มินาโตะรู้สึกไม่สบายใจ
[“ฉันมั่นใจในระบบประสาทของตัวเองดี เพราะงั้นขอให้ฉันฝึกกายกรรมอีกสักนิดเถอะ? ฉันอยากจะฝึกท่าตีลังกาครึ่งเสี้ยว*พอดีด้วย”]
* มีอีกชื่อหนึ่งคือ Moonsault (มูนซอลต์) มาจากรูปเเบบการตีลังกาเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
[“นี่เธอไปรู้จักกายกรรมมาจากไหนกัน? ขอร้องล่ะอย่าทําอะไรเกินตัว”]
[“งั้น นายมาเป็นคู่ต่อสู้ฉันซะสิ”]
[“ได้เลย”]
ฮัตสึกิกระโดดไปด้านหน้าเเละทําท่ากระโจนเข้าใส่ผม
ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกนุ่มของก้อนกลมๆนิ่มๆสองก้อนตรงหน้าอกของเขาพร้อมกับกลิ่นอ่อนๆจากผมสีนํ้าตาลอ่อน
เเละในขณะเดียวกันที่ทั้งสองคนล้มลงนั้นเเทมโบลีนก็เด้ง
[“โอ้ย เกือบไปเเล้วทําอะไรของเธอเนี่ยฮัตสึกิ”]
[“ฮะ..ฮ่าๆๆ หน้ามินาโตะเมื่อกี้! น่าเสียดายจังฉันไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้”]
[“เธอยังมีหน้าจะถ่ายรูปเก็บไว้อีกหรอห๊ะ!”]
[“อย่าโกรธไปเลยน่า ฉันเเค่ล้อเล่นเฉยๆ”]
[“ให้ตายเถอะ…”]
ผมได้เห็นด้านในกระโปรงฮัตสึกิ อีกทั้งยังรู้สึกถึงหน้าอกอันใหญ่ล้นเเนบชิดกับร่างกายตนเองเเละยังได้กลิ่นหอมๆจากเส้นผมอีก
ผมตื่นเต้นไปมากกว่านี้ไม่ได้เเล้ว เเต่เขาจะเเสดงออกมาในที่เเบบนี้ไม่ได้
นั้นก็เพราะว่าสําหรับฮัตสึกิเเล้วพวกเราเป็นเเค่เพื่อนกัน
หลังจากเล่นเเทมโบลีนได้สักพัก ทั้งสองคนค่อยๆเเยกห่างจากกัน
จากคําขอของฮัตสึกิ ต่อจากนี้พวกเราตัดสินใจย้ายเล่นปิงปอง
[“เย้ เห็นตอนที่ฉันตีเมื่อกี้ไหม”]
[“หึ”]
ไหวพริบของมินาโตะไม่ได้โดดเด่นเเต่ก็ไม่ได้เเย่จนเกินไป
มินาโตะเล่นปิงปองตั้งเเต่ช่วงม.ต้นเเต่ฮัตสึกินั้นเล่นเก่งกว่ามาก
[“เธอต้องตีไปซ้ายไม่ก็ด้านขวามากกว่านี้สิ เอ๊ะ! ได้โอกาสเเล้ว เดียวนะนี่ทําอะไรของเธอ!”]
[“หนวกหูน่า การป้องกันคือสิ่งที่คิดผิดอย่างใหญ่หลวงเลยล่ะ”]
มินาโตะพยายามสุดความสามารถเพื่อจะตีลูกปิงปองกลับไปอีกฝั่ง
เเม้การโจมตีของฮัตสึกิจะทรงพลังเเค่ไหน──
[“ย๊าา”]
หน้าอกของฮัตสึกิสั่นไหวไปมาในขณะที่กําลังจับไม้ตีปิงปองอย่างสนุกสนาน เธอรอกําลังรับลูกเสิร์ฟเเละในเวลาเดียวกันนั้นหน้าอกของเธอก็เด้งขึ้นเเละลงตามเเรงโน้มถ่วง
ผู้หญิงคนนี้ หน้าอกคัพอะไรกันเเน่เนี่ย…?
เป็นคําถามที่มินาโตะวนเวียนอยู่ในหัวนับไม่ถ้วนหลังจากที่เริ่มเล่นกับฮัตสึกิ
[“เอ้า ส่งลูกมาเลย”]
[“อึก..!”]
เสียงกระเเทกดังขึ้นจากลูกปิงปองที่ฮัตสึกิตีไปกระเเทกหน้าของมินาโตะอย่างเต็มเเรง
[“อ๊ะ ขอโทษนะ เป็นอะไรมากรึเปล่ามินาโตะ?”]
[“ไม่เป็นไร เเค่ลูกปิงปองเอง”]
ที่จริงเเล้วเขารู้สึกเจ็บนิดหน่อยเเต่ด้วยความเข้มแข็งของลูกผู้ชายจึงตอบไปเช่นนั้น
[“ก็นะ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าโดนฮัตสึกิผู้ไม่ได้เรื่องทําร้ายอะนะ”]
[“นี่นายมองฉันเเบบนั้นหรอ เจ้าบ้า”]
ฮัตซึกิหวดลูกเสิร์ฟของมินาโตะกลับไป
“โอ้ววว!?”
ลูกปิงปองที่ฮัตซึกิหวดกลับไปนั้นเลี้ยวเป็นวงโค้ง มินาโตะจึงดีดด้วยหน้าข้างของไม้แถมยังพุ่งเข้าเป้าที่กลางหน้าอีกด้วย
[“อะ…อะไรน่ะ เมื่อตะกี้”]
[“ก็แค่ไดรฟ์วงโค้งธรรมดาน่ะนะ ไม่เลวเลยที่ทำให้ฉันคนนี้เอาท่าไม้ตายนี้ออกมาใช้”]
[“หนอยย กะอีแค่เล่นปิงปองแต่ดันเอาท่าแปลกๆออกมาใช้เลยเนี่ยนะ”]
[“ฟุฟุฟุ ไม่ดีไม่เอาอย่าเห่าซี่ ก็มีช่วงนึงที่เอาแต่เล่นปิงปองอยู่หล่ะนะก็เลยสำเร็จวิชาไปหลายกระบวนพอสมควรเลยไงล่ะ”]
ฮัตซึกิหัวเราะคิกคักพลางเหวี่ยงไม้ไปมาเบาๆด้วย
[“เอ้า งั้นถ้าฉันได้อีกแต้มถือว่าฉันชนะนะ หิวแล้วด้วยสิ คนที่แพ้ต้องเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์ด้วยนะ!”]
[“อย่าบอกนะว่าถึงแมตช์พ้อยต์*เเล้ว!”]
* แมชต์พ้อยต์ คือ แต้มสุดท้ายที่จะทำให้ฝ่ายเสิร์ฟชนะในแมตช์นั้น
[“ฮ่าๆๆ รู้สึกฉันจะได้ยินเสียงคล้ายๆหมาหอนเเถวนี้นะ โฮ่งโฮ่ง”]
[“เธอหอนอยู่ไม่ใช่ไง หี้มม ถ้าฉันยอมเเพ้คงจะถูกมองเป็นขี้เเพ้น่าดู”]
[“ต้องให้ได้แบบนี้สิ มินาโตะ”]
[“เตรียมตัวไว้ได้เลย ฮัตสึกิ”]
เเม้มินาโตะจะบอกกําฮัตสึกิเช่นนั้น เเต่ใจจริงเขาไม่สนใจว่าเขาจะเเพ้หรือชนะ
การที่ได้เห็นหน้าอกอันพลิ้วไหวของเธอเมื่อเทียบกับการเลี้ยงเเฮมเบอร์เกอร์เธอเเล้วเป็นราคาที่ไม่เเพงเลย
เเน่นอนว่าเขาไม่พูดมันออกมา
ในขณะที่ตีปิงปองกับฮัตสึกิ มินาโตะตั้งใจที่จะยืดเวลาไว้เเละเพลิดเพลินกับการดูหน้าอกอันเด้งดึ๋งของเธอ
ที่จริงแล้ว มินาโตะรู้สึกถึงความต้องการในตัวของฮัตซึกิมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่เกี่ยวกับความอยากรู้อยากเห็นเเต่ว่า—
เขายังคิดถึงมิตรภาพที่มี จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านโดยธรรมชาตินั่น
ราวกับไม่ได้คิดเลยว่าสถานการณ์อันผิดแผกนั้นจะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร—
.
หลังจากเล่นกันหนํ่าใจเเล้ว ผมเเละฮัตสึกิเดินออกจากสปอตตี้
จากนั้นมุ่งหน้าไปยังสถานีเเละขึ้นรถไฟซึ่งใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็ถึงจุดหมาย
ทันที่ที่พวกเขาลงจากรถไฟเเละออกจากสถานี พวกเขาก็เห็นเเมนชันสูงสิบสองชั้นตรงหน้า
ฟลูเอนต์โทโมอาริ นั้นคือชื่อของเเมนชันที่ทั้งคู่เห็น
ทั้งสองคนเข้าไปในเเมนชันผ่านประตูทางเข้าที่อยู่ข้างๆ
[“มินาโตะ เอาไงกันดี?”]
[“เมื่อวานเราไปที่นั้นกันเเล้ว งั้นวันนี้มาห้องฉันไหม?”]
[“ได้เลย”]
ทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์ ผมออกจากลิฟต์ที่ชั้นสิบ
ก่อนที่ประตูจะปิด ฮัตสึกิโบกมือลาผม
ที่จริงเเล้ว──ผมกับฮัตสึกิอาศัยอยู่ในเเมนชันเดียวกัน
ผมอยู่ชั้นสิบ ส่วนฮัตสึกิอยู่ชั้นสิบสอง
เดิมทีเเล้ว ทั้งสองคนไม่รู้มาก่อนว่าพวกเขาอยู่เเมนชันเดียวกัน
มินาโตะย้ายเข้ามาอยู่เเมนชันนี้ตั้งเเต่ฤดูใบไม้ผลิในตอนที่เข้าโรงเรียนมัธยมเเละฮัตสึกิก็ย้ายเข้ามาหนึ่งปีก่อนหน้านั้น
ทั้งสองคนรู้ตัวเมื่อไม่กี่วันหลังจากวันหยุดฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น
หลังจากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนร่วมชั้น มินาโตะเเละฮัตสึกิมุ่งหน้ากลับมาทางเดียวกัน──
ในทางกลับกัน สถานีที่ใกล้บ้านที่สุดคือที่เดียวกัน
ถึงทั้งสองคนจะเล่นด้วยกันเเต่ตอนกลับบ้านก็เเยกกันกลับมาตลอดเลยไม่ได้สังเกต
โดยปกติเเล้วมินาโตะจะกลับบ้านก่อนเวลา เเม้ว่าฮัตสึกิจะเล่นเสร็จเเล้ว มินาโตะจะพบปะพูดคุยกับใครสักคนหรือไม่ก็เดินอ้อม เพราะงั้นจึงไม่เเปลกที่ทั้งสองคนไม่เคยเจอกันระหว่างกลับบ้าน──
เเต่สุดท้ายเเล้วกทั้งคู่ก็พบเจอกันในวันที่ฮัตสึกิเล่นทะเลจนล้า เธอจึงตัดสินใจที่ไม่เดินอ้อม
เเละก็เป็นอย่างที่คิดไว้ มินาโตะเเสดงสีหน้าตกใจในทางกลับกัน──ทางด้านฮัตสึกิกลับเย็นชาอย่างคาดไม่ถึง
[“ฉันเคยมีเพื่อนที่อยู่บ้านในระเเวกเดียวกัน ถ้าเราอยู่โรงเรียนเดียวกันมันไม่เเปลกหรอกนะ ที่จะมีเพื่อนอยู่บ้านในระเเวกเดียวกัน”]
──นั่นสินะ
ถึงจะใช้เหตุผลนั้น เเต่ความน่าจะเป็นที่จะอยู่เเมนชันเดียวกันนั้นไม่ได้สูงมากขนาดนั้น
มันอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของฮัตสึกิเเต่──
สําหรับมินาโตะเเล้ว รู้สึกว่าเขาจะเห็นฮัตสึกิบ่อยกว่าเดิม
มันไร้เหตุผลเอาซะเลยที่เธอบอกว่าการที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน เรียนห้องเดียวกันเเละอาศัยอยู่เเมนชันเดียวกันกับเพื่อน ไม่ได้ทําให้มีความรู้สึกพิเศษ
ถึงกระนั้นมินาโตะยังควบคุมตัวเองได้
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษในสายตาของฮัตสึกิ
ทั้งที่โรงเรียนเเละเเมนชันทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเเค่เรื่องบังเอิญ
[“เเสดงว่าจากนี้ไปเราเล่นด้วยกันได้เเม้ว่าจะอยู่ที่บ้านนี่น่าา”]
เเม้ว่ามินาโตะพยายามที่ควบคุมตัวเอง เเต่ฮัตสึกิกลับพูดทําให้เข้าใจผิดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อมินาโตะ
เเละในเวลาเดียวกัน วันหยุดฤดูร้อนก็ได้สิ้นสุดลงกล่าวเป็นอีกนัยได้ว่าฤดูร้อนกําลังเปลี่ยนเข้าฤดูใบไม้ร่วง──
ถึงทั้งคู่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆคนอื่น สุดท้ายเเล้วก็ลงเอยเหลือกันเเค่สองคนอยู่ดี
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความน่าจะเป็นที่ฮัตสึกิเดินอ้อมนั้นน้อยลงเเละตอนนี้ผมก็กลับบ้านกับเธอ
วันเหล่านั้นยังคงดําเนินต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเเปลกที่มินาโตะเเละฮัตสึกิออกไปเที่ยวด้วยกันหลังกลับถึงบ้าน
[“จริงสิ ทําไมมันถึงกลายมาเป็นเเบบนี้ได้….”]
มินาโตะพูดกับตัวเองขณะเปิดประตูเข้าห้อง
ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผมยังเล่นกับฮัตสึกิอยู่
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเราเจอหน้ากันทุกวัน เขาเลยรู้สึกชินไปเเล้วที่พบเจอกับฮัตสึกิ
มินาโตะเดินผ่านประตูทางเข้าเเละมุ่งหน้าไปยังห้อง
ในห้องของเขา เขาอาศัยอยู่กับพ่อ
ห้องกว้างประมาณ 2LDK* ซึ่งกว้างขวางพอที่จะอยู่ได้เเบบไม่มีปัญหาเเถมยังเป็นห้องใหม่เอี่ยมด้วย
* 2LDK ประกอบไปด้วยสองห้องนอน,หนึ่งห้องนั่งเล่น, ห้องทานอาหารเเละหนึ่งห้องครัว
เเม่ของมินาโตะเสียตั้งเเต่มินาโตะยังเด็ก
พ่อของผมช่วยผมทํางานบ้านที่ผมทําไม่เป็นเเละตอนนี้มินาโตะเป็นนักเรียนม.ปลาย ที่ทําได้เเค่งานบ้านทั่วๆไป ดังนั้นเขาไม่พอใจกับชีวิตในตอนนี้
เหตุผลที่ผมย้ายมาเเมนชันเเห่งนี้นั้นก็เพราะว่าเเมนชันเดิมมันค่อนข้างคับเเคบ เเต่เเมนชันนี้ดูสะอาดเเถมยังใหม่เอี่ยมไร้ที่ติเลย
มินาโตะเข้าไปในห้องของตนเเละเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดสวมใสสบายอย่างเสื้อทีเชิ้ตเเละกางเกงขาสั้น
ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วมเเล้ว ถึงเเม้จะอยู่ในห้องการใส่ชุดนี้ก็ไม่ได้ทําให้เย็นจนเกินไป
ในห้องมินาโตะมีโต๊ะทํางาน เตียง ชั้นหนังสือ เเละหน้าจอคอมพิวเตอร์
เเถมยังมีตู้เสื้อผ้าเเต่เขาไม่ได้สนใจด้านเเฟชั่นขนาดนั้นเเละเสื้อผ้าไม่ได้เยอะมากด้วย เขาจึงใช้มันเป็นที่เก็บของ
มีโต๊ะตัวเล็กๆตั้งไว้อยู่หน้าหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับเมาส์ไร้สายเเละคีย์บอร์ด
ประเภทของคีย์บอร์ดมีเเสงวิ๊บวับสีเเดงออกมา──ดูเหมือนจะเรียกกันว่า เกมมิ่งคีย์บอร์ด
เเละเเน่นอนว่าตัวเมาส์ก็มีปุ่มหลายปุ่มโดยออกเเบบมาสําหรับเล่นเกมส์โดยเฉพาะ
จากนั้นผมต่อหน้าจอแล็ปท็อปเข้ากับหน้าจอคอมพิวเตอร์กว้างยี่สิบสี่นิ้วจึงทําให้เห็นภาพบนจอได้ใหญ่เเละชัดยิ่งขึ้น
มินาโตะนั่งลงบนเก้าอี้ ขยับเมาส์เพื่อส่งสัญญาณให้กับแล็ปท็อปยกเลิกการใช้โหมดสลีปเเละเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต
[“มินาโตะ ฉันเข้าไปละนะ”]
ผมได้ยินเสียงเปิดประตูและเสียงที่ดังก้องกังวาน
ผมไม่ได้ล็อกประตูไว้ ฮัตสึกิจึงสามารถเข้ามาได้
นี่คือเรื่องราวชีวิตหลังเลิกเรียนของผม มินาโตะ โทชิยะ
เป็นชีวิตที่มีความสุขเกินกว่าจะมีเพื่อนสาวที่น่ารัก