คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 627 น้ำแกงดอกโคมม่วง / ตอนที่ 628 จัดการทีละคน
ตอนที่ 627 น้ำแกงดอกโคมม่วง
ดอกไม้และสมุนไพรในสวนเจริญเติบโตดีมาก คุณภาพดีกว่าสมุนไพรที่นางปลูกในหมู่บ้านหวงถัวทีเดียว ที่นี่เหมือนกับมีดินอุดมสมบูรณ์เพราะไอเซียน ถึงแม้พวกมันไม่อยากเติบโตก็คงทำไม่ได้
ใบโสมนา ดอกโคมม่วง ดอกอัญชัน พวกมันล้วนเป็นของดีในการทำอาหารเป็นยา เพราะทั้งหอมสดชื่น มีรสชาติอร่อย และบำรุงร่างกายได้ดีนัก
นางไม่เพียงทำอาหารเป็นยา ยังทำอาหารเรียกน้ำย่อยอีกหลายอย่าง ได้แก่ ผัดผักหอม ต้มยำปลา ไก่ผัดพริกหยวก ผัดผักกะหล่ำปลี ทั้งหมดล้วนไม่เผ็ด แต่กลับหอมอร่อย กินแล้วพาให้รู้สึกสดชื่น เรียกน้ำย่อยได้อย่างแน่นอน
หลังจากวุ่นวายอยู่ทั้งเช้าแล้ว ในที่สุดไป๋จื่อก็ทำอาหารกลางวันเสร็จ จึงให้เหล่าสาวใช้ไปตามคนอื่นมา
จ้าวหลานและคนอื่นๆ มาถึงก่อน ส่วนตงฟางมู่และตงฟางหว่านเอ๋อร์ตามมาถึงทีหลัง
ตงฟางหว่านเอ๋อร์เห็นจ้าวหลานในทันที จึงยิ้มว่า “ท่านนี้คงจะเป็นแม่ของหมอไป๋ ท่านช่างโชคดีจริงๆ!”
จ้าวหลานรีบตอบกลับไป “ฮูหยินล้อเล่นแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้โชคดีอะไรหรอก ฮูหยินต่างหากที่โชคดี”
เมื่อครู่ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็เพียงพูดไปตามมารยาทเท่านั้น จึงไม่ได้ถามอะไรมากความอีก เพียงยิ้มและบอกให้ทุกคนนั่งลง
ไป๋จื่อตักน้ำแกงโสมนาให้ตงฟางมู่ก่อนถ้วยหนึ่ง “นายใหญ่ น้ำแกงนี้บำรุงเลือดลมดีมาก เหมาะกับท่านขอรับ”
ตงฟางมู่ยิ้มกว้าง “ดีๆๆ ข้าจะลองชิมดูนะ”
จากนั้นไป๋จื่อก็ตักให้หูจ่างหลินถ้วยหนึ่งเช่นกัน “ท่านลุงหู ท่านก็ต้องกินเช่นเดียวกัน บำรุงร่างกายสักหน่อย”
“ได้ ข้าก็จะบำรุงร่างกายบ้าง” ลุงหูยิ้มกริ่ม
หลังจากนั้นไป๋จื่อก็ตักน้ำแกงดอกโคมม่วงให้จ้าวหลาน “ท่านแม่ นี่เป็นนำแกงดอกโคมม่วง ทำให้จิตใจสงบ ช่วงนี้ท่านนอนไม่ค่อยหลับ เหมาะจะกินมันอย่างยิ่ง”
จ้าวหลานรีบส่งน้ำแกงให้ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก่อน “ถ้วยนี้ให้ฮูหยินถึงจะถูก”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พลันปฏิเสธ “อย่าเลย นี่เป็นสิ่งที่หมอไป๋ทำให้ท่านนะ”
“ท่านแม่ น้ำแกงดอกโคมม่วงนี้มีประโยชน์กับท่าน แต่กลับไม่มีประโยชน์กับฮูหยิน ฮูหยินต้องกินน้ำแกงดอกอัญชันต่างหาก มันมีประโยชน์ต่ออาการของนางมากกว่า” ไป๋จื่อยิ้ม
คราวนี้จ้าวหลานถึงจะยกถ้วยกลับมา ก่อนจะยิ้ม “เด็กโง่ คราวหลังเจ้าจำไว้ให้ดี ต้องตักน้ำแกงให้ฮูหยินก่อน”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์โบกมืออย่างไม่คิดมาก “เฮ้อ…ไม่ต้องทำถึงเพียงนั้น สกุลตงฟางของพวกข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ขอเพียงมีเจตนาดีก็พอแล้ว ไม่ต้องแบ่งก่อนหลังอะไรทั้งนั้น”
“ถูกต้อง สกุลตงฟางของพวกข้ามักจะใช้ชีวิตตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องสนใจพิธีรีตองอะไรมาก” ตงฟางมู่ก็กล่าวเช่นกัน
เขายกน้ำแกงขึ้นมากินคำหนึ่ง น้ำแกงเข้มข้นที่กำลังร้อนไหลลงจากลำคอสู่กระเพาะ บริเวณริมฝีปากอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมพิเศษที่หลงเหลือจากน้ำแกง อร่อยยิ่งนัก
“นี่คืออาหารเป็นยาหรือ” ตงฟางมู่ก็เคยกินอาหารเป็นยามาก่อนเช่นกัน แต่กลับไม่เคยได้กินอาหารเป็นยาที่มีรสชาติอร่อยเช่นนี้ ช่างเหนือความคาดหมายของเขาเสียจริงๆ ที่น้ำแกงข้นเลิศรสเช่นนี้ จะยังมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกด้วย
ไป๋จื่อยิ้ม พลางพูดว่า “ถูกต้องขอรับ นี่เป็นอาหารเป็นยาที่ทำมาจากสมุนไพรสด ย่อมแตกต่างกับรสชาติของอาหารเป็นยาที่ใช้สมุนไพรแห้งโดยสิ้นเชิง ทว่าประสิทธิภาพทางยาของมันจะด้อยกว่าสมุนไพรแห้ง จึงใช้รักษาโรคไม่ได้ ใช้ได้แค่เพียงปรับสมดุลร่างกายเท่านั้น”
“แค่นั้นก็พอแล้วละ อาหารเป็นยาเช่นนี้ ให้ข้ากินทุกวันก็ไม่เบื่อ” ตงฟางมู่กล่าว
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็ลองชิมดูเช่นกัน หลังจากกลืนน้ำแกงลงไปแล้ว ในปากยังเหลือกลิ่นหอมของดอกไม้อยู่จางๆ ทำให้สบายกายราวกับได้ดื่มชาดอกไม้สดอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้ามีฝีมือขนาดนี้ หากเปิดร้านอาหารเป็นยา เกรงว่าร้านอาหารชั้นหนึ่งและหอจุ้ยเซียนในเมืองหลวงจะต้องเทียบไม่ติดแน่” ตงฟางหว่านเอ๋อร์เย้า
ไป๋จื่อโบกมือเป็นพัลวัน “ข้าชอบทำอาหารขอรับ แต่ก็แค่ชอบทำให้คนที่ข้ารักกินเท่านั้น คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าพวกนั้น ต่อให้มอบเงินให้ข้า ข้าก็อยากทำให้”
……….
ตอนที่ 628 จัดการทีละคน
โต๊ะตัวหนึ่งล้อมรอบไปด้วยผู้คนจนเต็มแน่น บนใบหน้าของแต่ละคนมีแต่รอยยิ้มจริงใจ แม้จะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับจริงแท้ เมื่อได้อยู่ร่วมกับพวกเขา นางรู้สึกได้ถึงความสบายใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หว่านเอ๋อร์คิดว่าหากพวกเขาเป็นครอบครัวจริงๆ คงจะดีมากเพียงใด
ยามอยู่ที่จวนชางหยวนโหว มีเรื่องเกิดขึ้นกับสาวใช้ของนางคนแล้วคนเล่า ข้างกายนางจึงเป็นคนที่เผยชิงหานจัดหามาให้ทั้งนั้น และคนเหล่านั้นต่างก็คอยแทงข้างหลังนาง ไม่เห็นนางเป็นนายภรรยาเอกของจวนเลยสักนิด
ตอนนั้นนางคิดว่าเมื่อนางหายดีแล้ว จะค่อยๆ จัดการพวกนางทีละคน แต่ใครจะรู้ว่าอาการของนางกลับยืดเยื้อมาหลายปี ไม่เห็นจะดีขึ้นเลยสักนิด ยามผู้เป็นบิดามาเยี่ยม นางก็ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง จึงอดทนอดกลั้นทุกอย่างเอาไว้ ไม่เคยบอกอะไรเขาสักอย่าง จนกระทั่งบิดาของนางพบว่ามีความผิดปกติบางอย่าง และพบว่าเหล่าสาวใช้ดูแคลนนางเช่นไร
จนถึงวันนี้นางยังจำได้ชัดเจน ว่าวันนั้นบิดาพิโรธหนัก ต่อว่าเผยชิงหานเสียยกหนึ่ง โดยปกติแล้วเผยชิงหานวางอำนาจต่อหน้านางอย่างยิ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาของนาง เขาก็เหมือนหลานชายคนหนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไรแม้สักคำ
หลายปีที่นางอยู่ในจวนหยางชวนโหว นางไม่เคยได้รับความอบอุ่นของความเป็นครอบครัว และไม่เคยมีใครเห็นนางเป็นครอบครัวเดียวกันเช่นกัน
บางครั้งนางแม้กระทั่งสงสัย ว่าตนเองยังเป็นคนที่มีตัวตนอยู่ในจวนแห่งนั้นหรือไม่
บัดนี้ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างกำลังดีขึ้น นางรู้สึกได้ถึงความสุขอย่างที่คนคนหนึ่งควรจะมีได้
ตอนเย็น ไป๋จื่อนำเพนิซิลินไปที่เรือนของหว่านเอ๋อร์ อีกฝ่ายเพิ่งปักดอกเหมยเสร็จไปดอกหนึ่ง รู้สึกเมื่อยล้าที่ดวงตาอยู่บ้าง จึงให้ชุ่ยเอ๋อร์บีบนวดให้ตนอยู่
เมื่อนางผ่านประตูเข้าไป ก็ได้ยินบทสนาของนายบ่าวทั้งสองคน
ชุ่ยเอ๋อร์กล่าวว่า “ฮูหยิน ดอกเหมยบนเสื้อชุดนี้มีมากมายแล้ว ข้าว่าไม่ต้องปักเพิ่มแล้วดีหรือไม่เจ้าคะ เดี๋ยวดวงตาของท่านจะรับไม่ไหวเอา”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์กลับกล่าวว่า “ไหนเลยดอกเหมยเท่านี้จะเพียงพอ ตอนนี้คุณหนูในเมืองหลวงล้วนชอบสวมใส่ผ้าปักลายพร้อย และสิ่งนี้ยังห่างกับคำว่าผ้าปักลายพร้อยอยู่มากโข”
“ชุดกระโปรงปักลายดอกไม้ที่เหล่าคุณหนูพวกนั้นใส่ พวกนางไม่ได้ปักเองเสียหน่อย พวกนางต่างก็ให้ร้านปักผ้าเป็นคนจัดการทำให้ พวกช่างปักก็ได้แต่ปักลายเช่นนี้ทั้งวี่วัน ท่านจะไปเหมือนกับพวกนางได้อย่างไร” ชุ่ยเอ๋อร์ว่า
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ตอบทันควัน “ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นหรอก ข้าเพียงอยากปักดอกไม้ให้ลูกของข้าก็เท่านั้น จะเหนื่อยสักแค่ไหนกันเชียว”
ชุ่ยเอ๋อร์ถอนใจเสียงหนึ่ง ก่อนที่จะไม่พูดอะไรออกมาอีก
ไป๋จื่อก้าวเท้าเข้ามา กดกลั้นความโศกเศร้าไว้ในใจ แล้วยิ้มเอ่ยว่า “ข้านำยามาให้ฮูหยินขอรับ”
ชุ่ยเอ๋อร์มองมาที่มือของนาง เห็นนางถือห่อผ้าเอาไว้เท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่น จึงถามขึ้นว่า “ยาเล่า”
ไป๋จื่อยกห่อผ้าในมือขึ้นโบก “อยู่นี่”
“นี่คือยาอะไร ไยหน้าตาแปลกพิกลนัก” ชุ่ยเอ๋อร์มีสีหน้าฉงน
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับฮูหยินด้วย” ไป๋จื่อยิ้มจาง
ชุ่ยเอ๋อร์รับคำ นางเรียกสาวใช้อีกสองคนในเรือนออกไปพร้อมกันทันที
ไป๋จื่อนั่งลงที่ข้างกายของตงฟางหว่านเอ๋อร์ แล้วยื่นมือไปจับชีพจรของนาง ขณะนี้ชีพจรมั่นคงมาก ดูท่าทางไม่เลวเลย จึงถามว่า “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายหรือไม่”
“ก็มีเพียงรู้สึกร้อน แม้ข้าจะไม่ได้สวมเสื้อคลุม แต่ก็ยังรู้สึกร้อนอยู่ดี นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว” ตงฟางหว่านเอ๋อร์กล่าว
ไป๋จื่อยิ้ม “นั่นถูกต้องแล้วขอรับ มันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากยา เมื่อพิษในร่างกายของท่านถูกำจัดออกมาจนหมดแล้ว ท่านก็จะไม่รู้สึกร้อนอีก ถึงตอนนั้นร่างกายของท่านก็จะฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์”
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ข้าจะกลับมาเป็นปกติ ทีแรกข้าคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเสียอีก” ตงฟางหว่านเอ๋อร์ว่า ขณะนี้นางรู้สึกว่าชีวิตนี้ของนางเหมือนรอดออกมาจากปรโลกแล้ว