คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 517 ข้อสงสัย
หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ หมิงเวยที่เห็นเผยกุ้ยเฟยปีนออกนอกหน้าต่างก็รู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เหตุใดนางจะไม่รู้นางต้องรู้ดีว่าทุกย่างก้าวในวังหลังมีแต่อันตราย และสถานการณ์ของเผยกุ้ยเฟยมีหลายอย่างที่ไม่ควรมองข้าม
เมื่อนึกขึ้นได้นางก็รู้สึกแปลก เผยกุ้ยเฟยเป็นคนอย่างไร เมื่อฮ่องเต้มีเจตนาอยากสังหารหยางชูนางก็ไม่เคลื่อนไหวอะไร และใช้ประโยชน์จากการแท้งบุตรจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อย นางไม่เพียงแต่มีสติสัมปชัญญะ แต่ยังตื่นตัวด้วย จะถูกหลอกง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
หมิงเวยที่เต็มไปด้วยความสงสัยจึงตัดสินใจตามไปดู นางเดินตามเผยกุ้ยเฟยไปตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากตำหนักหลังยิ่งเดินยิ่งห่างไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้นางยังพบว่ามีใครบางคนกำลังติดตามเผยกุ้ยเฟยอย่างเงียบๆ
ในขณะที่กำลังเดินก็มีควันพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของนางเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นงูขาว “นายท่าน มีการเคลื่อนไหวข้างหน้าเจ้าค่ะ!”
“การเคลื่อนไหวหรือ”
“มีคนมาทางนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ” งูขาวหยุดครู่หนึ่งแล้วรีบไปที่พุ่มไม้ “ท่านรออยู่ที่นี่ ข้าน้อยจะรีบกลับมาเจ้าค่ะ”
ในไม่ช้างูขาวตัวเล็กก็กลับมาพร้อมกับคนผู้หนึ่ง
หยางชูเดินมาหานางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ในคืนที่จันทร์แจ่ม สายลมยามค่ำคืนพัดแผ่วเบา แม่นางบังเอิญออกมาชมทิวทัศน์เหมือนกันหรือ”
หมิงเวยตบหน้าผากของเขา “พูดดีๆ เจ้าค่ะ!”
“อ้อ” หยางชูถามนาง “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“แล้วท่านล่ะเจ้าคะ”
“เพราะมีไอโง่สองคน” หยางชูเบะปาก เมื่อนึกอะไรได้เขาก็หัวเราะ “ข้ามีความสุขมาก ข้าเห็นไท่จื่อเดินออกจากงานเลี้ยงจากนั้นซิ่นอ๋องก็ตามออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย ข้าสงสัยจึงตามออกมาให้ทายว่าข้าไปเห็นอะไรมา”
“อะไรหรือเจ้าคะ”
หยางชูหัวเราะ “เป็นไท่จื่อที่เดินออกมาก่อนซิ่นอ๋องตามเขาออกมาไม่รู้ว่าไท่จื่อได้รับข่าวอะไรจู่ๆ ถึงได้กลับไป ซิ่นอ๋องถูกเขาจับโดยไม่ทันตั้งตัวแล้วไม่รู้ว่าไท่จื่อเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ลากซิ่นอ๋องไปชมดวงจันทร์ เดินไปเดินมาพวกเขาสองคนก็ทะเลาะกัน ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่ ไอหยา น่าขันมากทั้งสองคนยังคิดชิงสิทธิ์สืบบัลลังก์กันอยู่อีก ช่างน่าขันจริงๆ”
หมิงเวยกลับไม่ขำนางมองไปที่ทิศทางที่เผยกุ้ยเฟยกำลังจะจากไป และถามว่า “ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดเจ้าคะ”
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของนางเขาก็สับสน แต่หยางชูจึงชี้ทาง “ศาลาด้านนั้น”
“ท่าไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ!” หมิงเวยไม่มีเวลาอธิบายแล้ววิ่งออกไป
“เดี๋ยว! ท่านทำอะไรน่ะ” หยางชูงุนงงแต่ก็เดินตามไป
หมิงเวยวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเห็นนางในที่แอบตามเผยกุ้ยเฟยจึงสะบัดมือ เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาจึงจี้สกัดจุดสลบของอีกฝ่าย จากนั้นก็วิ่งตามเผยกุ้ยเฟยแล้วตะโกนเสียงเบา “เหนียงเหนียง! กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเพคะ!”
เผยกุ้ยเฟยตกใจนางหันกลับมาเมื่อเห็นว่าเป็นหมิงเวยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณหนูเจ็ด เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่” จากนั้นนางก็เห็นหยางชู
“ชูเอ๋อร์ด้วยหรือ”
หมิงเวยคว้าตัวนางแล้วรีบบอกว่า “เหนียงเหนียง ท่านไปข้างหน้าไม่ได้นะเพคะ”
หยางชูมองนางและเผยกุ้ยเฟยด้วยความตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหตุใดท่านน้าถึงมาอยู่ที่นี่” เขาหันศีรษะและตระหนักได้ในทันทีเขาพูดออกมาด้วยความโกรธ “เจียงเชิ่งหรือ เขาจงใจล่อท่านน้าออกมา”
เผยกุ้ยเฟยที่เดิมทีตกอยู่ในความสับสนเมื่อเห็นหยางชูนางก็คว้ามือของเขา
“ชูเอ๋อร์!”
หยางชูกุมมือนางกลับแล้วพูดเสียงต่ำ “ท่านแม่ ในเมื่อข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ข้าแน่ใจว่านี่เป็นกับดัก ไท่จื่อและซิ่นอ๋องอยู่ข้างหน้าในที่ที่ห่างไกลเช่นนี้ หากองค์ชายและสนมปรากฏตัวพร้อมกัน…”
เผยกุ้ยเฟยหน้าซีดในที่สุดอารมณ์ปั่นป่วนของนางก็สงบลง ที่แท้เป็นเรื่องเท็จ เป็นเรื่องเท็จจริงๆ เขาจะฟื้นคืนชีพได้อย่างไร…
เมื่อสติกลับมาเผยกุ้ยเฟยไม่ต้องให้พวกเขาชี้แนะนางก็เข้าใจทันที “ในเมื่อมีคนจงใจหลอกล่อให้ข้ามาที่นี่ เช่นนั้นขั้นตอนต่อไปคงเป็นจับการลักลอบเป็นชู้ ฝ่าบาทอยู่ด้านหลังใช่หรือไม่”
หมิงเวยมองงูขาว งูขาวกลายเป็นควันพุ่งเข้าไปในพุ่มหญ้าไม่นานก็กลับมารายงานว่า “มาแล้ว ฮ่องเต้มาแล้วเจ้าค่ะ”
เผยกุ้ยเฟยพยักหน้าแล้วผลักพวกเขา “ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร พวกเจ้ารีบหนีไปเถอะ ชูเอ๋อร์…โดยเฉพาะเจ้า รีบกลับไปที่งานเลี้ยงซะ ในเวลานี้จะต้องไม่ให้ผู้ใดเชื่อมโยงเรื่องนี้กับเจ้าได้”
“ท่านแม่…”
“รีบไปเร็ว! ข้างกายเขามีองครักษ์เงาหากอยู่ใกล้กันต้องถูกจับได้แน่”
“ท่านรีบไปซะ” หมิงเวยจับมืออันเย็นเฉียบของเขา “ข้าจะคอยดูแทนท่านเอง หากหลบซ่อนห่างไกลสักหน่อยพวกเขาไม่มีทางพบงูขาวแน่”
หยางชูไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้เดินมาทางนี้จึงทำได้แต่แข็งใจเดินจากไป
หมิงเวยเองก็ตามเขาออกไป สองวันก่อนนางค้นพบทางลับในวัง นางจึงเริ่มปกปิด และซ่อมแซมกลไกขนาดใหญ่ในทางเดินลับอย่างเงียบๆ ตอนนี้จึงใช้ประโยชน์จากป่าโดยรอบเพื่อพรางกาย
หลังจากนั้นเผยกุ้ยเฟยก็ยืนลังเลอยู่ที่ทางแยก ไม่นานฮ่องเต้ก็เสด็จมาถึง
……….
“ไม่มีผู้ใดสงสัยชูเอ๋อร์ใช่หรือไม่”
“ไม่มีเพคะ” หมิงเวยตอบ “ในตอนที่ฝ่าบาทเห็นการทะเลาะระหว่างไท่จื่อกับซิ่นอ๋องเขาก็ไปถึงงานเลี้ยงแล้ว”
เผยกุ้ยเฟยพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี เรื่องนี้พวกเจ้าห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด คนผู้นั้นดื้อรั้น และมั่นใจในตนเองไม่ยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่นจึงทำให้ไม่ชอบไท่จื่อได้”
นางชะงักไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ตอนนี้ทำให้ซิ่นอ๋องได้รับผลประโยชน์”
ต่อหน้าพระพักตร์นางไม่ได้เอ่ยถึงไท่จื่อแม้แต่คำเดียวทำได้เพียงร้องไห้กล่าวโทษตัวเอง ด้วยนิสัยของฮ่องเต้เขาต้องเกลียดชังไท่จื่อมากขึ้นเรื่อยๆ แน่
เดิมทีเขาไม่พอใจทายาทผู้นี้อยู่แล้ว ตอนนี้ไท่จื่อเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวตำแหน่งรัชทายาทของเขาจึงอยู่ในอันตราย ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ซิ่นอ๋องสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้
หมิงเวยกลับยิ้มแล้วพูดว่า “เหนียงเหนียงไม่จำเป็นต้องกังวลเพคะ”
“อ้อ” นางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “เปิ่นกงพลาดอะไรไปหรือ”
หมิงเวยตอบ “เหนียงเหนียงลองคิดดู ไท่จื่อเป็นคนอย่างไรเขาอิจฉาคนมีความสามารถ แต่กลับเป็นคนขี้ขลาด เพราะท่านได้รับความโปรดปรานเขาจึงเคารพอยู่ห่างๆ เสมอเพราะกลัวจะสร้างศัตรูให้ตัวเอง แต่เหตุใดจู่ๆ เขาถึงโจมตีท่านเล่าเพคะ ยิ่งกว่านั้นด้วยตำแหน่งของท่านในพระทัยของฝ่าบาท หากต้องการจัดการกับท่านก็จำเป็นต้องพึ่งที่ปรึกษาในตำหนักตงกง แต่ท่านเองก็เห็นแล้วว่าแผนการนี้ดูเรียบง่าย และหยาบเกินไปหน่อย ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเขาคิดหลอกให้ซิ่นอ๋องไปที่ศาลาว่างเยวี่ย แต่ผลลัพธ์…”
นางยิ้มอย่างเย้ยหยัน “หมากง่ายๆ เช่นนี้เขายังทำพลาดมันดูไม่เหมือนแผนที่วางไว้อย่างดีน่าจะเป็นการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นเพคะ”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้นเผยกุ้ยเฟยก็เข้าใจได้ทันที “ก็จริง ไท่จื่อไปถูกยุยงเรื่องอะไรมา หลายปีมานี้เปิ่นกงกับเขาอยู่ด้วยกันอย่างสงบต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันมาโดยตลอด”
“ดังนั้นหม่อมฉันสงสัยว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังเพคะ ท่านเองก็ทราบดีว่าในเรื่องกลอุบาย ไท่จื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซิ่นอ๋อง”
เผยกุ้ยเฟยเข้าใจแล้ว “เจ้าจะบอกว่าซิ่นอ๋องใช้กลอุบายหลอกล่อให้ไท่จื่อตื่นตกใจจนต้องลงมือหรือ”
“เพคะ!” หมิงเวยพูดอีกว่า “ท่านเห็นหรือไม่ว่าเรื่องนี้มีข้อสงสัยมีเพียงคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านเท่านั้นถึงสามารถคิดถึงเรื่องการใช้ลายมือของหย่งซีอ๋องหลอกล่อท่านออกมาได้ ข้ารับรองได้เลยว่าไท่จื่อไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเกรงว่าเขาคงรู้เรื่องนี้กะทันหันถึงได้ลงมือ”
มีฟู่จินคอยจับตาดูอยู่ไท่จื่อคิดอะไรทำอะไร พวกเขาจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว จึงรู้อย่างง่ายดายเลยว่าไท่จื่อคงได้ทราบเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน
หากนี่เป็นฝีมือของซิ่นอ๋องจริงๆ ในตอนที่ดึงไท่จื่อออกมาก็สามารถโจมตีซิ่นอ๋องได้พร้อมๆ กัน!
…………….