คู่ชะตาบันดาลรัก - ตอนที่ 59 ค้นหาศพ
อาหว่านดึงตัวหยางชูแล้วกระซิบบอกเขาเบาๆ “ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้ต่างหาก”
หยางชูหัวเราะ สายตามองไปที่ฉีตงจวิ้นอ๋องอย่างมีความหมาย ตระกูลหมิงมีผู้ตาย เหตุใดฉีตงจวิ้นอ๋องจึงต้องช่วยพวกเขาถ่วงเวลาเอาไว้ด้วยเล่า
รอพิธีศพเสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยให้คนในตระกูลหมิงเป็นฝ่ายขุด ช่างเป็นการสร้างเรื่องง่ายๆ ที่ทำให้ดูเป็นเรื่องยากเสียจริง
ฉีตงจวิ้นอ๋องมีใจเมตตาถึงได้ช่วยเหลือพวกเขาหรือว่าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วกันแน่ ในข้อมูลของฝ่ายหวงเฉิงซือ ตระกูลหมิงกับจวนจวิ้นอ๋องมีความใกล้ชิดกันมาก!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยางชูก็เลิกคิ้ว
ฆ่าคนอำพรางศพ
เกี่ยวข้องกับตระกูลหมิง
ฉีตงจวิ้นอ๋องอาจจะรู้เรื่องนี้ด้วย
ประเดี๋ยวนะ อะไรจะบังเอิญถึงเพียงนี้…อาหว่านเห็นเขาเม้มริมฝีปากแน่นจึงถามเสียงเบา “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ”
หยางชูส่ายหน้าแล้วมองไปที่เจี่ยงเหวินเฟิง แน่นอนว่าต้องไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นผ่านไป ไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องทำงานฝ่าฟันตามหากันอย่างหนักอาจอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นได้!
แน่นอนว่าเจี่ยงเหวินเฟิงไม่ยอมปล่อยผ่านไปเช่นกัน จากสัญชาตญาณที่เขาทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ได้ฟังเพียงแค่นี้เขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มีปัญหา ถ่วงเวลาให้ผู้ต้องหามีโอกาสทำลายหลักฐาน เขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร
จึงกล่าวออกไปทันทีว่า “จวิ้นอ๋องถือเคร่งในประเพณีมากเกินไปขอรับ เมื่อครู่คุณหนูเจ็ดบอกไปแล้วว่าฮูหยินสามสอนนางว่าทำเพื่อผู้อื่น ฟังความต้องการของใจ หากฮูหยินสามไม่สนใจเรื่องเปลือกนอกเหล่านี้ หากที่นี่มีเรื่องไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นจริงๆ การที่คุณหนูเจ็ดมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมถือเป็นบุญครั้งใหญ่ ท่านว่าจริงหรือไม่ขอรับ”
“แต่ขุดดินบ้านผู้อื่นเช่นนี้ ไม่เสียมารยาทไปหน่อยหรือ” ฉีตงจวิ้นอ๋องยังคงคัดค้าน
เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าวย้ำ “ชีวิตคนมาก่อน เหตุใดต้องใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยนี้ด้วย พวกเจ้ามาทางนี้ที!”
“ขอรับ!” เหลยหงเดินเข้ามาจากด้านนอกทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก “ใต้เท้ามีเรื่องอันใดรับสั่งหรือขอรับ”
เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าว “ตามคุณหนูเจ็ดไปที่สวนไปดูว่ามีศพจริงหรือไม่”
“ขอรับ!”
ไม่คิดว่าเจี่ยงเหวินเฟิงจะสั่งขุดจริงๆ หลายวันมานี้ที่เขามาที่ตงหนิง ไม่ว่าจะเปิดศาลพิจารณาคดี ล้วนใช้วิธีละมุนละม่อม คิดไม่ถึงว่าเวลานี้เขาจะเฉียบขาดเช่นนี้
“ไม่ได้!” เสียงร้องแหลมดังขึ้น เจี่ยงเหวินเฟิงหันไปมองข้างกาย
“นายท่านสอง ท่านจะคัดค้านอย่างนั้นหรือ”
นายท่านสองเพิ่งรู้ตัวหลังจากตะโกนออกไป เขารีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าเจี่ยง ถึงแม้ที่ท่านกล่าวมาจะมีเหตุผล แต่อย่างไรวันนี้ตระกูลหมิงของเรามีจัดพิธีศพ หากไปขุดศพที่สวนอีก ไม่คิดว่าจะเป็นลางไม่ดีหรอกหรือ ใต้เท้าขอให้ทางเราจัดพิธีศพเสร็จ…”
“ชีวิตคนทั้งคนจะชะลอไปได้อย่างไร” เจี่ยงเหวินเฟิงพูดขัดเขา สั่งการเหลยหลง “ไปเถอะ!”
“ขอรับ!” หมิงเวยลอบมองเจี่ยงเหวินเฟิงแล้วพยักหน้าให้เขาอย่างเงียบๆ
ใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้สมแล้วที่เป็นขุนนางที่มีชื่อเสียงจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ โดยปกติเขาปฏิบัติต่อผู้คนอย่างอ่อนโยน แต่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เขาก็ทำตัวชัดเจน
เหลยหงหมุนตัวแล้วประสานมือให้หมิงเวย “คุณหนูเจ็ด เชิญท่านนำทางขอรับ” นายท่านสองที่เห็นว่าคงไม่สามารถขัดขวางได้จึงส่งสายตาให้ฉีตงจวิ้นอ๋อง
ผู้ใดจะรู้ว่าฉีตงจวิ้นอ๋องไม่แม้แต่หันมามอง องครักษ์เจ็ดแปดนายที่เจี่ยงเหวินเฟิงนำมาได้รออยู่ด้านนอกห้องโถงเรียบร้อยแล้ว
องครักษ์เหล่านี้เดินทางมาที่นี่โดยคำสั่งของฝ่าบาท แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ หากมีพวกเขาอยู่ที่นี่ผู้ใดจะกล้าขวางกัน จวนอ๋องเองก็มีองครักษ์เช่นกัน แต่มีหรือที่ฉีตงจวิ้นอ๋องจะกล้าต่อต้านพวกเขา
หากเขากล้าก็เท่ากับว่าฝ่าฝืนคำสั่งของฝ่าบาท!
เหล่าเครือญาติยิ่งมีสายเลือดใกล้ชิดกับราชวงศ์มากเท่าไรยิ่งต้องระวัง
พวกเขามีหน้ามีตาและความมั่งคั่ง แต่หากพวกเขาแสดงความดื้อรั้นออกมาเพียงเล็กน้อยก็จะเกิดหายนะขึ้นมาทันที และอาจจะถูกกำจัดอย่างไร้ความปรานี
ท่านพ่อของฉีตงจวิ้นอ๋องเองก็ถูกกำจัดเช่นนั้น…
หมิงเวยโค้งคำนับให้ทุกคน และเดินออกจากห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย “ใต้เท้าโปรดตามข้าน้อยมา”
นางเดินนำออกไปตามด้วยองครักษ์ทั้งหลาย เจี่ยงเหวินเฟิงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปอย่างไม่เร่งรีบ
ฉีตงจวิ้นอ๋องเองจำต้องเดินตามไปด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูงและบรรดาขุนนางก็ตามไปด้วย เป็นเช่นนี้แล้วเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ที่เหลือจะไม่ตามไปได้อย่างไรกัน
ดังนั้นคนกลุ่มหนึ่งจึงเดินทางไปที่สวนอวี๋ฟาง เมื่อเห็นบุรุษมากมายเพียงนี้ เหล่าสาวใช้ก็ตกใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร
หมิงเวยไม่สนใจ นางเดินนำทุกคนไปที่ต้นหลิวต้นนั้น
“ต้นหลิวต้นนี้เจ้าค่ะ”
“ช้าก่อน!”
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” หมิงเวยตะโกนออกไปแล้วพบว่าเจี่ยงเหวินเฟิงเองก็ร้องห้ามออกมาเช่นกัน
หมิงเวยหมุนตัวกลับมารอคำพูดต่อไปของเขา เจี่ยงเหวินเฟิงยื่นหยกแขวน[1]ให้เหลยหง “นำไปแขวนไว้บนต้นไม้แล้วค่อยขุด”
แล้วถามอีกว่า “คุณหนูเจ็ดมีปัญหาอันใดหรือ”
หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ เชิญใต้เท้าจัดการได้เลย”
เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “ขุดได้”
เหลยหงแขวนจี้หยกไว้บนต้นไม้ และขอพลั่วจากเด็กรับใช้ของตระกูลหมิงแล้วแทงมันลงไปในดินใช้แรงมหาศาลขุดดินออกมาจำนวนมาก
เหล่าองครักษ์ขุดดินกันอย่างเงียบๆ หมิงเวยมองหยกแขวนอันนั้น
ใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ลึกลับกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก!
วันนั้นเห็นดวงวิญญาณข้างกายเขาวันนี้ยังหยิบหยกแขวนอันนั้นออกมา
หยกแขวนอันนี้เป็นอาวุธวิเศษ เหรียญทองแดงทั้งเจ็ดที่แม่นางหลิวใช้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายในตอนนั้นก็เป็นอาวุธวิเศษเช่นกัน
สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่เสวียนชื่อนำติดตัวไว้ข้างกาย คอยใส่พลังให้อยู่ทุกวันเพื่อเป็นพลังขับไล่สิ่งชั่วร้าย พลังของแม่นางหลิวอยู่ในระดับปานกลาง อาจเป็นเพราะเจ้าของเหรียญทองแดงคนเก่านั้นไม่มีเวลาจัดการใส่พลังเข้าไป
หยกแขวนที่เจี่ยงเหวินเฟิงนำออกมานั้นแข็งแกร่งมาก หมิงเวยมองพลังที่อยู่บนนั้น ห้ามใจตนเองไม่ให้ขยับมือไปจับมัน
เจี่ยงเหวินเฟิงผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ มีวิญญาณติดตามแล้วยังมีของวิเศษนี้อีก แต่บนกายของเขาไม่มีพลังอันใดเลย เขาไม่ใช่เสวียนชื่อแล้วเขามีอาวุธวิเศษนี้ได้อย่างไรกัน
เหล่าองครักษ์ขุดกันอย่างรวดเร็ว และภายในเวลาไม่นานหลุมลึกสองฉื่อ[2]ก็ปรากฏขึ้นใต้ต้นไม้
หมิงเวยสังเกตปฏิกิริยาของนายท่านสอง ตอนแรกเขามองไปที่ฉีตงจวิ้นอ๋องอยู่บ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะฉีตงจวิ้นอ๋องไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ อีกทั้งไม่มีปัญญาขัดขวางเจี่ยงเหวินเฟิงจึงทำได้เพียงไม่มองไปที่เขา
พอขุดต่อไปอีกหนึ่งฉื่อสีของดินก็เปลี่ยนไป เหลยหงดีใจจึงเร่งขุดต่อไปพร้อมองครักษ์คนอื่นๆ
แล้วในที่สุดดูเหมือนพลั่วจะสัมผัสกับอะไรบางอย่าง
“ใต้เท้าขอรับ!” เหลยหงร้องขึ้นมา “ท่านมาดูนี่สิขอรับ!”
เจี่ยงเหวินเฟิงเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวก็เห็นกระดูกนิ้วท่อนหนึ่งตรงดินที่เหลยหงขุด
กระดูกนิ้วคน!
“ขุดออกมา!” เขาพูดเสียงขรึม
“มีศพอยู่จริงๆ!” ไม่รู้ว่าเป็นเสียงกระซิบของผู้ใด เจ้าหน้าที่หลายคนยืดคอและมองเข้าไปในหลุม พอดูเสร็จก็หันไปมองนายท่านสอง
มาถึงขั้นนี้แล้วนายท่านสองทำได้เพียงทำเป็นไม่รู้ พยายามทำสีหน้าท่าทางให้นิ่งสงบเหมือนผู้อื่นแล้วออกอาการประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณชาย ท่านว่าศพนี้มีที่มาอย่างไรกัน” อาหว่านกระซิบถาม
หยางชูหัวเราะ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน”
เขาพูดอย่างนั้น แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่กระดูกสีขาวซีดในหลุม กลายเป็นกระดูกไปหมดแล้วแสดงว่าถูกฝังมาหลายปีแล้ว หรืออาจจะเป็น…สิบปีที่แล้ว
อาหว่านพูดต่อ “เรือนนี้ตระกูลหมิงสร้างมาหลายสิบปีใช่หรือไม่ ถ้างั้นต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลหมิงอย่างแน่นอน เป็นไปได้ไหมว่าอาจเป็นสาวใช้ที่ถูกโบยจนตาย หากเป็นเช่นนั้นคดีนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องตรวจสอบ! จ่ายค่าปรับก็พอไม่มีผลกระทบเลยแม้แต่นิดเดียว”
หยางชูคิดในใจไม่ใช่สาวใช้อย่างแน่นอน โบยสาวใช้จนตาย แม้จะเป็นอาชญากรรม แต่ฝ่ายราชการก็ไม่ได้เข้มงวดในส่วนนี้มากนัก รายงานต่อราชการแล้วจ่ายค่าปรับเป็นอันจบไป เหตุใดต้องฝังไว้ใต้ต้นหลิวเช่นนี้ด้วย
ดูจากความลึกแล้วเป็นการขุดที่ละเอียดรอบคอบมาก หากเป็นไปตามที่เขาคาดเดาไว้ ปัญหาที่รุมเร้าพวกเขามาหลายวันกำลังจะคลี่คลายแล้ว
…………………………………………….
[1] หยกแขวน : บ่งถึงอำนาจวาสนาว่ามั่งคั่งร่ำรวยและบุญหนักศักด์ใหญ่ และยังใช้เตือนสติคนด้วยว่าคนดีเป็นศรีเหมือนหยก ต้องใสบริสุทธิ์ ดังคำกล่าวที่ว่า “ผู้ทรงศักดิ์ย่อมมีธรรมเหมือนหยก”
[2] ฉื่อ : ฟุต