คู่ชะตาบันดาลรัก - ตอนที่ 349 วางเดิมพัน
“ทักษะการใช้เสียงของนางทรงพลังมาก” พระอาจารย์ช่างจื้อกล่าวเสริม “เมื่อตอนที่ข้าเดินทางไปจงหยวนข้าไม่เคยเห็นยอดฝีมือประเภทนี้มาก่อน”
“ผู้ที่ใช้ทักษะการใช้เสียงมีอยู่ไม่กี่สำนักวิธีการสอดคล้องกับพวกเขาหรือไม่”
“ไม่เหมือนกันเลยขอรับ นางโจมตีจิตใจเป็นหลักทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหว และยากที่จะยับยั้งได้”
บุรุษชุดดำคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ข้าไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเจ้าบอกว่าตอนนี้นางอยู่ในเมืองงั้นหรือ”
“ขอรับ นางมากับกองคาราวานเผ่าหมาป่าหิมะอ้างว่ากองคาราวานได้ช่วยชีวิตองค์ชายน่าซูระหว่างทางไว้จึงเป็นแขกคนสำคัญของพวกเขา”
บุรุษชุดดำเข้าใจแล้ว “เจ้ากังวลว่านางจะเป็นผู้ช่วยที่เผ่าหมาป่าหิมะหามางั้นหรือ”
“ขอรับ” พระอาจารย์ช่างจื้อเล่าสถานการณ์แล้วพูดอย่างไม่มีทางเลือก “เดิมทีข้าคิดจะเฝ้าระวังนาง แต่ไม่คิดว่าองค์ชายฮูหลุนจะไปพบนางก่อนจึงจำเป็นต้องลงมือ”
บุรุษชุดดำพูดอย่างเย็นชา “เจ้ากลัวว่าซูถูจะเล่นกลงั้นหรือ” พระอาจารย์ช่างจื้อตกตะลึง
“ที่ฮูหลุนเห็นนางเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือ นี่แหละคือปัญหาบางทีตอนที่นางมาที่เมืองหยุนไฉ นางไม่ได้มีความคิดที่จะช่วยเผ่าหมาป่าหิมะถึงเพียงนั้น แต่พวกเจ้าพยายามยั่วยุนางครั้งแล้วครั้งเล่าตอนนี้จึงแก้ไขไม่ได้แล้ว”
“ไม่จริง” พระอาจารย์ช่างจื้อไม่อยากเชื่อ “เรื่องบังเอิญเช่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร”
บุรุษชุดดำไม่เห็นด้วย “ทำไมจะเกิดไม่ได้ หลังจากคำนวณเวลาที่ฮูหลุนออกไปล่าสัตว์ก็ให้นางออกไปขี่ม้า มีน่าซูอยู่ด้วยยิ่งง่ายต่อการให้พวกเขาได้พบกัน ฮูหลุนชอบสาวงามผู้ใดก็รู้ จู่ๆ ได้พบสาวงามจากจงหยวนด้วยบุคลิกที่เย่อหยิ่งของเขาจะไม่ลงมือเชียวหรือ”
“เรื่องนั้น…”
“นางส่งฮูหลุนคืนมาง่ายดายเช่นนี้บอกหลายครั้งหลายคราว่าไม่อยากทำให้เผ่าฉีหูลำบากใจซึ่งแสดงให้เห็นว่านางไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก”
พระอาจารย์ช่างจื้อคิดทบทวนอีกครั้งสุดท้ายเป็นตนที่ตัดสินใจผิดพลาดก็ตื่นตกใจ “ขออภัยด้วยเอินกง…”
บุรุษชุดดำพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ดูเหมือนเจ้าจะอยู่ทุ่งหญ้านานเกินไปจนลืมรสชาติของการเป็นยอดฝีมืออย่าคิดดูถูกผู้ใดโดยเฉพาะสตรีและคนพิการ”
“ขอรับ…”
พระอาจารย์ช่างจื้อเต็มใจรับคำตำหนิ แท้จริงแล้วเขาเย่อหยิ่งเกินไปจึงไม่พิจารณาเหตุผลอย่างละเอียดถี่ถ้วนคิดแค่ว่ากำจัดออกไปก็พอแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นยอดฝีมือระดับนั้นจริงๆ
บุรุษชุดดำไม่ได้ตำหนิมากนัก “เอาล่ะ เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว อย่างไรก็แก้ไขอะไรไม่ได้ไปคิดดูว่าจะจบอย่างไร!”
พระอาจารย์ช่างจื้อถาม “ควรไปเจรจากับนางดีหรือไม่ขอรับ”
บุรุษชุดดำส่ายหน้า “ยาก แม้ว่านางไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับเผ่าฉีหู แต่เจ้าก็ยังคงไล่ตามนาง ในตอนที่นางตัดสินใจที่จะต่อสู้กลับก็คงโกรธเคืองอยู่ไปคิดว่าจะกำจัดนางอย่างไรดีกว่า!”
“ขอรับ” พระอาจารย์ช่างจื้ออยู่ในอารมณ์มืดมน และไม่ได้สังเกตเลยว่าสร้อยลูกประคำบนข้อมือของเขาร้อนขึ้นเล็กน้อย
………….
หลังจากฟังการสนทนานี้นางก็หยุดลมปราณในร่างกาย
“มีปัญหาแล้ว” นางพึมพำ
“คุณหนูมีปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ” ตัวฝูถามหลังจากกลับมาจากชงน้ำชา
“มีคนอยู่เบื้องหลังพระอาจารย์ช่างจื้อ” หมิงเวยตอบ ตัวฝูทราบเรื่องหมดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง
“อา…พระอาจารย์ช่างจื้อเก่งกาจเพียงนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาจะเก่งกาจเพียงใดกัน”
“ผู้ใดจะรู้!” หมิงเวยนั่งลง และมองดูสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนสามอันบนโต๊ะ
เครื่องรางสวัสดิภาพ ป้านเหล็กสีดำ แหวน
ของชิ้นแรกเป็นของกุ่ยจินหยางนายท่านสามแห่งตระกูลหมิง ชิ้นที่สองเป็นของซูรื่อฉู่ ส่วนชิ้นที่สามเป็นของหนี่ถู่ฝู
นายท่านสามกับหนี่ถู่ฝูตายแล้วสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนจึงอ่อนแอ แต่ของซูรื่อฉู่ดูแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าสัญลักษณ์นี้เป็นวิธีการรับรู้ระหว่างกลุ่มดาว
น่าเสียดายที่พลังที่ติดอยู่กับสร้อยลูกประคำอ่อนแอมากใช้เพียงครั้งเดียวก็หายไปแล้วจึงไม่สามารถตรวจสอบสถานะของพระอาจารย์ช่างจื้อได้ แต่เดาว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับดวงดาวเป็นแน่ นางจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมากกว่านี้หากถูกค้นพบก็ต้องเปิดเผยตนเอง ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าเขามีคนอยู่เบื้องหลังจะทำอย่างไรดี
อีกฝ่ายรู้ถึงการมีอยู่ของนาง และจะต้องมาทดสอบอย่างแน่นอน นางอยู่ในที่สว่างศัตรูอยู่ในความมืดสถานการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะนัก!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หมิงเวยก็เกิดความคิดบางอย่างจึงถามออกไปว่า “ตัวฝู เจ้าคิดว่าการติดต่อระหว่างกลุ่มดาวใกล้ชิดกันหรือไม่”
ตัวฝูคิด “บ่าวคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่ติดต่อกัน ตอนที่นายท่านสามแกล้งตายยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ยิ่งกว่านั้นพวกเราสังหารกลุ่มดาวไปสองคน ถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันล่ะก็คงมาล้างแค้นพวกเรานานแล้ว”
“มีเหตุผล!” หมิงเวยลูบฝ่ามือ “นายท่านสามซ่อนอยู่ในตงหนิงมาสิบปีแล้ว ผู้ที่มาช่วยมีซูรื่อฉู่เพียงคนเดียว กลุ่มดาวคนอื่นอาจอยู่ที่อื่นเป็นไปได้ว่าไม่ได้เคลื่อนไหวมานานหลายสิบปีแล้วเพื่อรักษาความลับต้องมีการติดต่อจากโลกภายนอกน้อยมาก แต่สถานการณ์ในองค์กรยังไม่แน่ชัด!”
ยิ่งพูดยิ่งไหลลื่นตัวฝูเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย “คุณหนูคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ”
หมิงเวยยิ้ม “ข้าต้องการเดิมพัน! เดิมพันว่ากลุ่มดาวในทุ่งหญ้าดวงนี้ไม่ได้ติดต่อองค์กรมานานแล้ว”
“อา…”
นางส่งเครื่องราง และแหวนให้ตัวฝู “ใช้พลังของเจ้าห่อมันไว้อย่าให้ผู้ใดรู้สึกถึงมันได้” จากนั้นนางก็นำแผ่นเหล็กกลับเข้าไปในอ้อมแขนของตน
………
บุรุษชุดดำจากไปแล้วพระอาจารย์ช่างจื้อย้ายดอกไม้ในกระถางด้วยตนเอง
กระถางดอกไม้เจ็ดสีวางอยู่ชั้นบนเพื่อสักการะเทพเจ้า
เขาปีนขึ้นบันไดกำลังจะย้ายกระถาง แต่จู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกชันจึงตะโกนออกไปว่า “ผู้ใดอยู่ตรงนั้น!”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้น “พระอาจารย์ไม่ได้พบกันหนึ่งชั่วยามจำข้าไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ”
พระอาจารย์ช่างจื้อหันศีรษะ และเห็นเด็กสาวนั่งอยู่บนราวบันได “เจ้า…”
หลังจากที่คุยเรื่องวิธีจัดการนางกับบุรุษชุดดำกลับกลายเป็นว่านางมาหาถึงที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
หมิงเวยยิ้มใต้แสงจันทร์ “พระอาจารย์ประหลาดใจมากหรือ ใช่ คงคิดว่าจะจัดการข้าอย่างไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”
สีหน้าของพระอาจารย์ช่างจื้อดูไม่น่ามอง “แม่นางมาทำอะไรที่นี่เมื่อครู่คุยกันเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ”
“แต่ข้ารู้สึกเสียใจภายหลัง!” หมิงเวยพูดตามอารมณ์ “พอกลับไปคิดอีกที ข้าถูกรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่คิดทำอะไรเลยมันไม่ใช่วิถีของข้าจริงๆ”
นางพูดไปเล็งไปทางพระอาจารย์ช่างจื้อเหมือนจะกำลังพิจารณาว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี พระอาจารย์ช่างจื้อถูกนางจ้องมองก็รู้สึกขนลุกจึงถามนางอย่างระแวดระวังว่า “แม่นางคิดจะทำอะไร”
“อย่างน้อยก็อยากให้ท่านได้รับบทเรียนบ้างเจ้าค่ะ” หมิงเวยกระโดดลงจากราวบันได “ก่อนหน้านี้ข้ากังวลจริงๆ ว่าเผ่าฉีหูจะไม่ปล่อยข้าไปแน่ แต่องค์ชายซูถูบอกว่าไม่ว่าข้าจะทำอะไรเผ่าหมาป่าหิมะจะสนับสนุนข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้ามีอะไรต้องกลัวอีกอย่างไรเสียถ้าก่อปัญหาก็มีคนรับผิดชอบแทนข้าใช่หรือไม่”
พระอาจารย์ช่างจื้อได้ยินก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่เอินกงพูดว่านั้นถูกต้องก่อนหน้านี้นางไม่คิดตัดสินใจ แต่เพราะตนกับฮูหลุนเป็นคนผลักนางให้ฝั่งตรงข้ามโดยตรงตอนนี้ซูถูจงใจพูดออกมาแล้วว่าปล่อยให้นางมาจัดการกับตน เขารู้จุดประสงค์ของนางแล้วเขาขว้างชามทองคำออกไปเพื่อชิงลงมือก่อน เพราะรู้ว่าความสามารถของตนเองด้อยกว่าจึงคิดลงมือก่อนเพื่อที่จะควบคุมอีกฝ่ายหนึ่งได้!
หมิงเวยยกมือขึ้นใช้ขลุ่ยสกัดกั้นชามทองคำ “จะรีบตายเพียงนั้นเลยหรือข้าจะรีบสงเคราะห์ให้!”
……………