คู่ชะตาบันดาลรัก - ตอนที่ 322 ช่างไม้
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า เติมริ้วรอยที่หน้าผาก ปรับแต่งคิ้วและหางตา จากนักกวีวัยกลางคนก็กลายเป็นช่างไม้โหวที่มีประสบการณ์โชกโชน เขาเดินทางมากับพ่อค้าในเมืองใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาพูดกับอาสวนว่า “ได้ยินว่าพวกท่านต้องการจ้างแรงงานข้าน้อยจึงมาลองเสี่ยงโชคดูขอรับ”
อาสวนเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าท่าจึงพูดด้วยท่าทีสุภาพ “ท่านสามารถทำอะไรได้บ้าง”
“ข้าน้อยวาดแผนผังได้บรรพบุรุษเคยทำงานในกองอำนวยการสร้างพระราชวังมาก่อนจึงได้รับการถ่ายทอดความรู้นี้มาขอรับ”
“กองอำนวยการสร้างพระราชวังในราชวงศ์ก่อนงั้นหรือ”
“ขอรับ” เขาหยิบกล่องไม้เล็กๆ ออกจากกระเป๋าด้านในมีกระดาษสำหรับวาดกองหนา เขาหยิบออกมาให้อาสวนดู “ท่านดูนี่วังเหล่านี้ถูกวาดโดยบรรพบุรุษของข้าน้อย ฝีมือของข้าน้อยอาจไม่ดีเท่าแต่ก็สามารถสร้างสวนได้ขอรับ”
กองอำนวยการสร้างพระราชวังเป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในการซ่อมแซมพระราชวัง การสร้างพระราชวังไม่ใช่ปัญหาไม่ต้องพูดถึงว่าราชวงศ์ก่อนหน้าที่มีความฟุ่มเฟือยอย่างมากในเรื่องนี้ และประสบความสำเร็จอย่างสูง ไม่คาดคิดว่าในเมืองเล็กๆ จะซ่อนคนที่มีความสามารถเช่นนี้ไว้
อาสวนเรียกช่างฝีมือสองสามคนที่มีความรู้ความเข้าใจในด้านนี้ให้มาหาเขา ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันไม่กี่คำแล้วคารวะให้แก่กัน อาสวนจึงรู้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถจริงๆ
ดีมาก! พวกเขาสามารถสร้างเรือนได้ตามที่ต้องการมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างวังโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญดูแลเขาตัดสินใจได้ในทันที “ท่านอยู่ที่นี่ก่อนส่วนค่าตอบแทนท่านสามารถเสนอมาได้เลย”
อีกฝ่ายซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพราก “พูดตรงๆ แบบไม่ปิดบังในเกาถางแห่งนี้มีความสามารถนี้ถือว่าไร้ประโยชน์จะไปเมืองหลวงก็ไม่มีชื่อเสียงมากพอทำได้แค่งานเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีโอกาสที่จะได้สร้างเรือนหลังใหญ่เช่นนี้หากนายจ้างยินดีให้ข้าน้อยอยู่ที่นี่ข้าน้อยก็ดีใจมากแล้วขอรับ”
อาสวนไม่กล้าพูดว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการสร้างไม่ใช่เรือนหลังใหญ่ แต่เป็นพระราชวังเขาเพียงพูดว่า “ตราบใดที่ท่านมีความสามารถท่านจะได้รับค่าตอบแทนที่ควรจะได้รับคุณชายของเราไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไร”
อีกฝ่ายตอบรับอย่างว่าง่ายเขาเสนอขอห้องสะอาดเพื่อนอนคนเดียวอย่างระมัดระวังบอกว่าสะดวกต่อการวาดผัง อาสวนมีหรือจะไม่อนุญาต
ในช่วงเวลาทานอาหารเย็นหมิงเวยได้ยินว่าชายคนนั้นอยู่ที่นี่ก็พยักหน้า “ดูเหมือนจะไม่ใช่หัวโจกอะไรที่แท้ก็คนสำคัญผู้หนึ่ง”
อาสวนตกใจ “เขามีปัญหางั้นหรือ”
หมิงเวยทำเพียงยิ้มบางๆ อาสวนลังเลว่าจะไล่เขาออกดีหรือไม่ก็ได้ยินหมิงเวยพูดขึ้นว่า “คอยจับตาดูไปว่าเขาจะเป็นคนคุมงานจริงๆ หรือไม่ ในสถานที่โทรมๆ แห่งนี้จะหาคนมีพรสวรรค์แบบนี้ได้ที่ไหนอีก!”
“แม่นางหมิง…”
“เราจะใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งให้ดีที่สุด” หมิงเวยพูดอย่างมีความหมาย
อาสวนเหลือบมองคุณชายซึ่งดูไม่มีท่าทีจะคัดค้านแต่อย่างใดเขาจึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ขอรับ”
หวังว่าโจรพวกนั้นจะหยุดส่งคนมาที่นี่ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปสนามเลี้ยงม้าก็คงจะกลายเป็นรังโจรเป็นแน่
…………
วันของเจ้าหน้าที่ดูแลสนามเลี้ยงม้าในเกาถางผ่านไปอย่างสบายๆ เพราะมีอาสวนอยู่เขาจึงจัดการเรื่องทุกอย่างเองโดยปริยาย อาหว่านไม่อยากอยู่กับหมิงเวยในเรือนดังนั้นนางจึงมาช่วยอาสวนทำงาน
ตัวฝูกับเสี่ยวถงหากไม่ได้อยู่สนามข้างนอกก็คงคิดจะทำอาหารอร่อยๆ สักอย่างอยู่
หนิงซิวเป็นเทพประจำประตูด้วยท่าทางของเขาไม่ว่าเขาไปยืนตรงไหนก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดเสียงดัง
หยางชูก็ยุ่งมากเช่นกันหลังจากนำเหล่าขุนศึกไปฝึกซ้อมทุกวันก็หารือว่าจะแทรกซึมเข้าไปในดินแดนของพวกหูเหรินอย่างไร หรือรับข่าวสารจากกองทัพซีเป่ยอย่างไร หมิงเวยกล่าวว่าเผ่าทั้งแปดในเป่ยหูกำลังโจมตีกันเอง และเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมพวกเขาจำเป็นต้องทราบสถานการณ์ที่นั่น
ในทางกลับกันหมิงเวยเป็นคนเกียจคร้านแม้แต่เรื่องเฝ้าระวังนางก็ให้งูขาวเป็นผู้รับหน้าที่นี้ไปส่วนนางไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากการอาบแดด กินและดื่ม
ส่วนช่างไม้ตัวปลอมผู้นั้นนำภาพวาดที่วาดออกมาภายในสองสามวัน และไปเสนอต่อหยางชู หยางชูเอนตัวลงบนโต๊ะเล็กๆ ในห้องโถงอย่างเกียจคร้าน และหาข้อบกพร่อง “มีห้องน้อยเกินไปคนจะเพียงพอได้อย่างไร ในอนาคตข้าจะต้องเลี้ยงดูคนจำนวนมาก ทั้งคนเลี้ยงสัตว์ คนทอผ้า คนทำอาหาร…น้อยไปๆ ทำไมไม่เพิ่มอีกสักสามถึงห้าเท่าเล่า”
ดังนั้นช่างไม้โหวจึงรีบกลับไปทำงานในชั่วข้ามคืน และวาดรูปใหม่
คราวนี้คุณชายหยางพอใจขึ้นมาเล็กน้อย “อันนี้ดูไม่เลวเลย แต่เรือนดูเตี้ยไปหน่อย ข้าต้องการสร้างเรือนสูงที่สามารถมองเห็นที่ไกลๆ ได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่ อืม…สร้างสักสองสามหลังดีกว่า”
นายช่างโหวทำการยกตัวเรือนขึ้นสูงแล้วเพิ่มห้องทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวา คุณชายหยางลูบคางพลางจับผิด “แบบนี้ดูไม่สวยเลย! รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง”
ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีอาสวนจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณชายห้องทั้งเยอะแล้วก็ใหญ่ กำแพงไม่เตี้ยเกินไปหรือขอรับ”
คุณชายหยางปรบมือพลางพูด “จริงด้วย! แบบนี้ดูไม่เข้ากัน”
ความคิดของนายช่างโหวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าคุณชายผู้นี้จะชอบความเอิกเกริกงั้นเรามาเปลี่ยนกำแพงเรือนให้เป็นกำแพงเมืองกันเถอะ!
คุณชายหยางฟังคำแนะนำของอีกฝ่าย และรู้สึกพอใจเล็กน้อย “ได้ยินว่าประตูรั้ว และหอสังเกตการณ์นิยมในราชวงศ์ก่อนสร้างขึ้นเหมือนเมืองขนาดเล็กที่งดงามมาก เจ้าเอาอันนั้นเป็นแบบสร้างขึ้นมาละกัน!”
นายช่างโหวสามารถสร้างประตูรั้ว และหอสังเกตการณ์ได้จริงๆ แผนผังที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้มีผังการสร้างประตูรั้ว และหอสังเกตการณ์อยู่ เขานำไปให้คุณชายหยางดูเปลี่ยนจุดที่ไม่สวยงามเพิ่มบางสิ่งบางอย่าง และในที่สุดทุกอย่างก็ลงตัว เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก และนำแผนผังนี้ไปควบคุมการก่อสร้าง
พอหมิงเวยออกจากห้องหยางชูก็เก็บท่าทางไม่เอาไหนของตนเอง และมองไปยังทางที่นายช่างโหวคนนั้นเดินออกไปอย่างครุ่นคิด
“เขาพอมีความสามารถอยู่” เขาพูดกับหมิงเวย “ข้าอาจไม่เข้าใจวิธีการสร้างพระราชวัง แต่วิธีป้องกันเมืองข้าเคยเรียนมาก่อนคำแนะนำเล็กน้อยจากเขานั้นตรงประเด็นดีทีเดียว”
หมิงเวยรินน้ำชาให้ตัวเองแล้วพูดว่า “คนมีความสามารถเช่นนี้หาไม่ง่ายนัก”
หยางชูมพึมพำอย่างไม่พอใจ “เห็นได้ชัดว่ามีความสามารถเหตุใดถึงเดินไปในเส้นทางนี้กันคนที่มีอุดมการณ์สูงส่งจะเป็นโจรไปได้อย่างไร”
“มีความสามารถกับการทำชั่วเป็นคนละเรื่องกันเจ้าค่ะ ในประวัติศาสตร์มีขุนนางทุจริตไม่น้อยทุกคนล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์บางทีความทะเยอทะยานของผู้คนคือการเป็นโจรก็เป็นได้”
“แต่เขาโชคดีที่เขามีความสามารถ” หมิงเวยยิ้ม “หากไม่มีความสามารถ ฆ่าก็คือฆ่า แต่เมื่อมีความสามารถเก็บไว้ใช้ประโยชน์เป็นเรื่องช่วยไม่ได้”
หยางชูถือถ้วยน้ำชาและพูดอย่างดุเดือดว่า “อยู่ที่นี่ไม่เป็นไรหรอกต้องเอานิสัยชั่วๆ ของเขาออกไป!” หมิงเวยหุบยิ้ม
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นางและหยางชูต่างกันคนละขั้วจริงๆ เขาดูเหมือนคนเจ้าสำราญ แต่ก็ได้รับการสั่งสอนอย่างดีจากองค์หญิงใหญ่ แต่สิ่งที่นางทำดูเหมือนจะมีความเที่ยงตรงเป็นธรรม และไม่ยึดติดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่สำหรับนายช่างโหวคนนั้น นางขี้เกียจที่จะไปดัดนิสัยเขานางจึงทำได้แค่ยับยั้งความคิด และปล่อยให้เขาทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเอง
ผ่านไปครึ่งเดือนก็วางฐานรากสิ่งก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว
คุณชายหยางพูดว่า “ข้าไม่อยากอยู่ในเรือนโทรมๆ นี้นานเกินไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเร็ว เรื่องเงินค่อยว่ากัน!” เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปพ่อค้าที่อยู่ใกล้เคียงรู้ว่าที่นี่ทำกำไรได้จึงส่งสินค้ามาไม่ขาดสาย
ไม่นานสนามเลี้ยงม้าเกาถางก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองในเขตนี้อย่างรวดเร็ว
นายอำเภอเฝิงอี้รู้ข่าวนี้อย่างรวดเร็วเขารู้สึกสับสนมาก กองคาราวานผ่านไปมาทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นมีชีวิตชีวา คนจนก็มีงานทำและไม่ช้าเกาถางก็เจริญรุ่งเรืองขึ้น