คุณเลขาที่รัก - ตอนที่ 2
“จดหมายของคุณเกรซค่ะ”
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
หญิงสาวรับจดหมายมาจากป้าดา พอเปิดออกก็ต้องสงสัยเพราะด้านในใส่การ์ดกลิ่นหอมเอาไว้ ที่การ์ดระบุชื่อนามสกุลอย่างชัดเจน ระหว่างเจ้าบ่าวนายคิมหันต์ เมธานนท์ และเจ้าสาวนางสาวลลิตา เอนกนันต์ เจ้าบ่าวผู้ซึ่งเคยเป็นแฟนเก่า และเจ้าสาวผู้ที่อดีตเคยเป็นเพื่อนรักของเธอ หากจะย้อนเวลากลับไปในอดีต เรื่องราวเลวร้ายแบบนี้มันไม่น่าจดจำสักเท่าไร แต่ทำอย่างไรเธอก็ลืมไม่ลง ชายหนุ่มผู้ซึ่งต่อหน้าเป็นสุภาพบุรษแสนดีใครจะคิดว่าเขากล้าหักหลังเธอ แต่ที่เจ็บช้ำไปกว่านั้นเพราะผู้หญิงที่ทำให้เขานอกใจกลายเป็นเพื่อนรักของตนเสียนี่ นี่มันเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดชัดๆเลย เธอจับได้ตอนที่ตั้งสองคุยกันมาสามเดือนแล้ว เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงขอบอกเลิกกับชายหนุ่ม เขาเองก็มางอนง้อขอคืนดี เธอใครจะสนคนที่กล้าทำร้ายจิตใจเราได้ลงคอกันละ เธอให้เวลากับตัวเองเสียใจแค่เพียงสองวัน อยากร้องไห้ก็ร้องเลยเพราะหลังจากนี้เธอจะไม่มีน้ำตาให้กับชายหญิงเลวๆทั้งสองคนนี้แน่นอน
“นึกอะไรอยู่ครับ ผมเรียกตั้งนานถึงไม่ได้ยิน”
“อะ เอ่อ คือ…”
“แล้วนั่นอะไรครับ การ์ดเชิญอะไรรึเปล่าครับ”
“รู้ดีจังเลยนะคะ”
“ก็ผมได้การ์ดเชิญแบบนี้บ่อยนี่ครับ”
“อ่ออ ชั่งมันเถอะค่ะ ก็แค่การ์ดเชิญจากแฟนเก่า”
“โอ้โห้ นี่เขายังส่งให้คุณอีกหรอเนี่ย”
“คนมันบ้าไงคะ ไม่อยากจะไปหรอก ชิ”
“ถ้าอยากไปก็บอกผมได้นะครับ ผมไปเป็นเพื่อนคุณได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ยังไม่ขอรบกวนดีกว่า ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ เกรซทำให้บอสเสียเวลาเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีปัญหาอะไรก็ระบายที่ผมบ้างก็ได้นะครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับ”
หญิงสาวหยิบการ์ดเชิญขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง เธอจะไปร่วมงานดีไหมนะ เธออยากจะเห็นเหมือนกันว่าสองคนนั้นมีความสุขดีแค่ไหนถึงยังกล้าส่งการ์ดมาให้เธอ หรือเธอจะต้องขอรบกวนบอสสักหน่อย แต่อีกใจก็เกรงใจบอสจริงๆ เอาตรงๆเธอไม่เสียใจกับเรื่องนี้แล้ว เธอคิดซะว่ามันเป็นแค่ประสบการณ์ของชีวิต สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจที่จะไปร่วมงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
“ก๊อกๆ ขออนุญาตค่ะบอส”
“เชิญครับ มีธุระอะไรหรือป่าวครับหน้าเครียดเชียว”
“อะ เอ่อ คือว่า เกรซอยากจะให้บอสช่วยไปงานแต่งเป็นเพื่อนหน่อยค่ะ”
“งานแฟนเก่าเกรซน่ะหรอ คุณทำใจได้แล้ว?”
“เกรซทำใจได้ตั้งแต่เลิกกันได้สองวันแล้วค่ะ ไม่รู้จะเสียใจไปทำไม ทำร้ายตัวเองป่าว”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมตกลงครับ ผมไม่อยากให้คุณไปคิดแก้แค้นอะไร”
“พ่อพระจังเลยนะคะ”
“ผมพูดจริงๆนะครับ ผมหวังดี”
“ขอบคุณในความหวังดีนะคะ งานจะจัดในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าค่ะ รบกวนบอสด้วยนะคะ”
“ได้เลยครับ”
“งั้นเกรซขอกลับไปทำงานก่อนค่ะ”
“ขอบคุณที่ขยันทำงานเหลือเกินครับ”
“จะถือซะว่าเป็นคำชมนะคะ”
และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่เธอจะกลับไปดูสิว่าสองคนนั้นจะมีความสุขมากขนาดไหน
“เกรซสวยจังนะครับวันนี้”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ เราต้องสวยให้ผู้ชายมันเสียดายสักหน่อย”
“อ้าว ก็ไหนคุณว่าไม่ได้คิดอะไรไงครับ”
“ก็แหม่ มันก็นิดนึงนะคะ ขอนิดนึงนะคะ”
“ผู้หญิงนี่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆเลยครับ”
“อ้าว เกรซโดนคุณว่าซะงั้น เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ คือเกรซเนี่ย แค่อยากจะมาเห็นกับตาเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดายหรืออยากจะกลับไปคบกับผู้ชายแบบนั้นหรอกนะคะ”
“จริงกรอครับ”
“จริงสิคะ เราเข้างานกันเถอะค่ะ วันนี้เกรซว่าคุณหล่อที่สุดเลย หล่อกว่าเจ้าบ่าวอีกค่ะ”
“ฮ่าๆคุณก็เวอร์ไปแล้วครับ”
“อันนี้พูดจริง ปากตรงกับใจแน่นอนค่ะ”
“เชื่อก็ได้ครับ ผมหล่อที่สุด”
“ฮ่าๆ หลงตัวเองเหมือนกันนะคะเนี่ยบอส”
“อ้าว ก็ไหนบอกว่าหล่อสุด”
“เอาละค่ะๆ ถ้าเรายังคงเถียงกันไปมาคงไม่ได้เข้างานแน่นอน”
ชายหนุ่มอาสาเป็นหลักให้หญิงสาวได้ควงแขน ทั้งคู่ดูหล่อเหลาและสวยงามแย่งซีนคนอื่นเป็นไหนๆ ดูเหมาะสมกันที่สุด ทุกคนในงานที่ไม่รู้จักทั้งสองต่างๆชื่มชมเธอและเขาจนเธอคิดว่าเธอและเขาเป็นจุดเด่นที่สุด
“นั่นใครอ่ะแก ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวย”
“ฉันก็ไม่รู้แก แต่เขาเหมาะสมกันมากเลย”
เสียงซุบซิบดังขึ้นจนเจ้าตัวยังรับรู้ ทำให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวตัวจริงของงานเริ่มสงสัยว่าที่คนเขาพูดกันหมายถึงใคร ไม่นานคำตอบนั้นก็ได้ถูกเฉลย ภาพตรงหน้าคือชายหญิงที่ดูสวยหล่อราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย ลลิตาเริ่มอารมณ์ไม่อยู่สุข เธอตกใจเป็นอย่างมากที่ผู้หญิงที่ใครเขาพูดถึงคือเกรซ อดีตเพื่อนรักของตนนี่เอง ยัยเกรซมางานของเธอได้ยังไงกัน
“นี่พี่คิมเชิญยัยเกรซมาด้วยหรอคะ”
“ครับ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ครับ มันเป็นเรื่องน่ายินดี” แต่เจ้าสาวกลับหน้าหงิกไม่สบอารมณ์ ก็จะสบอารมณ์ได้อย่างไงละ ก็ตั้งแต่แย่งพี่คิมมาจากยัยเกรซ เธอเองก็ต้องระแวงว่าเขาจะนอกใจตนบ้างเหมือนกัน ทำให้จริงๆแล้วทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างวิตกกังวลเสียมากกว่า หรือนี่จะเป็นเวรกรรมที่ทำไม่ดีกับเพื่อนไว้ แต่เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ถ้าจะผิด คิมหันต์ก็คงจะผิดไม่น้อยไปกว่าเธอหรอก ลลิตาคิดในใจ