คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 53 ทำลายโชคชะตา
ตอนที่ 53 ทำลายโชคชะตา
พบหน้ากันแล้วต้องแบ่งครึ่ง!?
มุมปากของเยียนอวิ๋นฉวนกระตุก เยียนอวิ๋นเกอกล้าขอเสียจริง
เหตุใดนางจึงไม่ไปลักขโมยเสียเลย
เขาทำหน้าลำบากใจ เอ่ยขึ้น “เฮ้อ ไม่ปิดบังน้องสี่ เงินในมือของท่านพ่อนั้นขัดสน ไม่ได้ให้เงินมามากนัก เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายประจำวันเท่านั้น”
ความหมายโดยนัยคือ เขาก็ยากจนเหมือนกัน!
เขาก็เป็นคนที่ยากจนเหมือนกัน
เยียนอวิ๋นฉวนรู้ดีอย่างมาก อย่าได้อวดความมั่งคั่งต่อหน้าเยียนอวิ๋นเกออย่างเด็ดขาด เพราะจะถูกหลอกเอาเงิน
ต้องร้องบอกว่ายากจน แสดงออกได้ยิ่งยากจนมากเท่าใดยิ่งดี
มิฉะนั้นเยียนอวิ๋นเกอย่อมต้องหาวิธีเอาเงินไป
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วหัวเราะ
หลอกเด็กสามขวบหรือ
คิดว่าเพียงแค่ร้องบอกว่าจน นางจะปล่อยเขาไปหรือ?
ฝันไปเถิด!
นางเคาะโต๊ะ บอกให้เยียนอวิ๋นฉวนคิดเอาเอง
หากไม่ให้เงิน นางไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
ตอนอยู่ในแคว้นซ่างกู่ เขาสามารถหลบเข้าค่ายทหารได้
แต่เวลานี้อยู่ในเมืองหลวง นางจะคอยดูว่าเขาจะหลบไปที่ใดได้อีก
เยียนอวิ๋นฉวนยิ้มขมขื่น “น้องสี่ ข้าไม่ได้ปิดบังเจ้า ข้าไม่มีเงินจริงๆ !”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา
นางเขียนลงกระดาษ ‘ท่านพ่อรักท่านพี่ที่สุด จะไม่ให้เงินท่านมาเมืองหลวงได้อย่างไร พี่ใหญ่บอกข้าว่าท่านยากจน ท่านกำลังดูถูกข้าหรือเยาะเย้ยข้าอยู่กันแน่’
นางใช้คำพูดอย่างไม่เกรงใจ ถือว่าเป็นการข่มขู่ได้แล้ว
เยียนอวิ๋นฉีมองซ้ายมองขวา ไม่ได้พูดแทรก
หากพูดถึงเรื่องความสามารถในการขอเงิน น้องสี่ยอมรับว่าเป็นที่สอง ไม่มีผู้ใดกล้ายอมรับว่าเป็นที่หนึ่ง
นางเชื่อมั่นว่าน้องสี่สามารถเอาเงินมาจากในมือของพี่ใหญ่ได้อย่างแน่นอน
แต่เพื่อความสะดวกในการแสดงฝีมือการขอเงินของน้องสี่ นางจึงพูดขึ้น “พวกท่านพูดคุยกันก่อน ข้าไปดูการเตรียมอาหารในครัวว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
นางลุกขึ้นจากไป
ภายในห้องโถงรับแขกเหลือเพียงเยียนอวิ๋นฉวนกับเยียนอวิ๋นเกอสองคนพี่น้อง
เยียนอวิ๋นฉวนโกรธอย่างมาก!
เพิ่งพบหน้ากัน เยียนอวิ๋นเกอก็ขอเงินจากเขา ยังบอกว่าพบหน้าต้องแบ่งครึ่ง!
เห็นเขาเป็นคนหลอกง่ายอย่างนั้นหรือ
อีกทั้งเขายังไม่สามารถฉีกหน้านางได้
หากเขากล้าฉีกหน้า เซียวฮูหยินย่อมมีวิธีจัดการกับเขา
เขาทำได้เพียงยิ้มขมขื่น แสร้งทำตัวยากจนต่อไป “ข้าไม่ได้โกหกน้องสี่ ข้าไม่มีเงินจริงๆ”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มเย้ยหยัน “พี่ใหญ่ไม่มีเงิน แต่ท่านพ่อมี เงินที่ท่านพ่อให้ท่าน แบ่งให้ข้าครึ่งหนึ่ง”
“ไม่มี!” เยียนอวิ๋นฉวนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เยียนอวิ๋นเกอหรี่ตาลง
ปัง!
มือตบลงบนโต๊ะ
จะบังคับให้นางใช้กำลังอย่างนั้นหรือ
เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้วมุ่น มองเยียนอวิ๋นเกอที่กำเริบเสิบสานพลันถอนหายใจ “น้องสี่จะไม่มีเงินได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอเขียนสองคำอย่างตรงไปตรงมา “ข้าจน!”
“ข้าก็จน!” เยียนอวิ๋นฉวนทำหน้าเศร้า
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย
เงินนี้ เขาจะให้ก็ต้องให้ ไม่ให้ก็ต้องให้
ล้วนเป็นบุตรของตระกูลเยียน เงินที่เยียนโส่วจ้านให้ เหตุใดเขาใช้ได้ นางจะแตะต้องไม่ได้
เหมือนดั่งที่คำโบราณว่าไว้ พระสงฆ์จับได้ นักพรตย่อมจับได้
บอกว่านางไร้เหตุผล บอกว่านางยโสโอหัง บอกว่านางเป็นอย่างไรก็ได้
แต่เงินนี้ นางจะเอา
เยียนอวิ๋นฉวนหมดหนทาง
ก่อนเดินทางมา เขาก็กังวลใจว่าเยียนอวิ๋นเกอจ้องจะเอาเงิน
เป็นไปดังที่คาด เพิ่งพบหน้ากันวันแรก นางก็ขอเงินจากเขาอย่างอดรนทนไม่ไหว
เขานวดคลึงหัวคิ้ว “ข้าให้เงินน้องสี่ได้ แต่จำนวนมีจำกัด น้องสี่อย่าได้รังเกียจ”
เยียนอวิ๋นเกอเผยยิ้ม ให้อีกฝ่ายลองบอกว่าให้ได้มากน้อยเพียงใด
เยียนอวิ๋นฉวนครุ่นคิด “ห้าพันก้วน มากกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว”
โครม!
เยียนอวิ๋นเกอเตะเก้าอี้เตี้ยจนล้ม แสดงออกถึงความโกรธของนาง
ให้นางแค่ห้าพันก้วน คิดว่านางเป็นขอทานมาขอข้าวหรือ
เยียนอวิ๋นฉวนคิ้วกระตุก “น้องสี่ เจ้าต้องเห็นใจข้า ข้ามาเมืองหลวงต้องจัดการหลายอย่าง คนในมือก็ต้องกินข้าว เจ้าเอาเงินไปหมด เจ้าจะให้ข้ากินลมหรือ หรือไม่เจ้าให้ข้าเข้ามาอาศัยในจวนท่านหญิง กินดื่มล้วนมีฮูหยินรับผิดชอบ”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่เขา
นางเขียนลงกระดาษ ‘พี่ใหญ่ไม่ต้องแสร้งทำเป็นยากจน! ระหว่างพี่ชายใหญ่กับพี่ชายรอง ท่านได้รับความโปรดปรานจากท่านพ่อที่สุด ท่านมาเมืองหลวง เมื่อมีปัญหาท่านพ่อย่อมต้องจัดการให้ท่าน เงินท่านย่อมมี เพียงแค่ไม่ยอมหยิบออกมา เห็นแก่ในฐานะพี่น้อง ข้าไม่ขอมาก เงินห้าหมื่นก้วน นับแต่นี้จะไม่ขอเงินท่านอีก’
เมื่อเห็นจำนวนเงินห้าหมื่นก้วน เยียนอวิ๋นฉวนแทบอยากจะกระอักเลือด
เขาพยายามข่มความหดหู่ภายในใจ “น้องสี่เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้อง เปิดปากก็จะเอาห้าหมื่นก้วน ข้าบอกตามตรง เจ้าเอาข้าไปขาย ข้าก็ไม่มีเงินห้าหมื่นก้วนให้เจ้า อย่างมากหนึ่งหมื่นก้วน มากกว่านี้หนึ่งสลึงก็ไม่มี เพื่อเงินหนึ่งหมื่นก้วนนี้ ข้าต้องเอาเงินทั้งหมดของตัวเองออกมา อย่างน้อยน้องสี่เหลือเงินให้ข้าไว้กินข้าวเสียบ้าง”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ เขาหลอกลวงผู้ใดกัน
หนึ่งหมื่นก้วนคือเงินทั้งหมด คิดว่านางหลอกง่ายอย่างนั้นหรือ บอกอย่างไรก็เชื่ออย่างนั้นหรือ
‘น้อยสุดสามหมื่นก้วน พี่ใหญ่อย่าได้ต่อรองอีก ความอดทนของข้ามีจำกัด’
เยียนอวิ๋นเกอเขียนตัวอักษรอย่างเร่งรีบ แต่มีศักดิ์ศรีอย่างมาก
ราวกับแต่ละขีดแต่ละเส้นนั้น ล้วนเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
ไม่ต่อรองย่อมเป็นไปไม่ได้
เยียนอวิ๋นฉวนย่อมไม่มีทางให้เงินสามหมื่นก้วนแก่เยียนอวิ๋นเกอเปล่าๆ
พี่น้องสองคน ดึงยื้อกันไปมา เงินหนึ่งหมื่นก้วนยังต้องโต้เถียงกันอย่างสุดความสามารถ
เห็นเพียงแต่กระดาษปลิวว่อน ดินสอถ่านหักแล้วหักอีก
ล้วนถูกเยียนอวิ๋นเกอหักทิ้งด้วยตนเอง
น่าโมโหยิ่งนัก
หลังจากผ่านการเจรจาอย่างสันติ ในที่สุดพี่น้องสองคนก็มีข้อตกลงร่วมกัน
สองหมื่นก้วน!
เยียนอวิ๋นฉวนสัญญาให้เงินสองหมื่นก้วนแก่เยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอพอยอมรับได้
นางเก็บดินสอกับกระดาษ การเจรจาในวันนี้ถือว่าสิ้นสุดลง
มีเงินสองหมื่นก้วนนี้ นางก็ไม่ต้องขอเงินบุกเบิกที่ดินจากท่านแม่อีก
เงินสองหมื่นก้วนนี้ใช้ในการหมุนเวียน นางย่อมมีวิธีจัดการเรื่องเงินสองหมื่นก้วน
เยียนอวิ๋นฉวนเหงื่อตก
ต่อราคากับน้องสี่ ช่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก!
น้องสี่เรียกร้องมากเกินไป ต่อรองไม่ง่ายนัก
เขาถามด้วยความสงสัย “น้องสี่ต้องการเงินมากมายเพียงนี้ทำอันใด”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างลึกลับ ทำท่าทาง ‘ความลับ!’
ยังเป็นความลับอีก!
ฮึ!
เขาย่อมมีวิธีสืบ
เยียนอวิ๋นเกอกำชับพ่อบ้านให้เตือนเยียนอวิ๋นฉวนเรื่องเงิน แล้วขอตัวลาจากไปด้วยรอยยิ้ม
นางเดินไปทางเรือนด้านหลังเพื่อเข้าพบมารดาเซียวฮูหยิน
เมื่อรู้ว่านางหลอกเงินสองหมื่นก้วนจากมือของเยียนอวิ๋นฉวนมาได้ เซียวฮูหยินหัวเราะร่าขึ้นมา
“มีเพียงอวิ๋นเกอที่มีวิธีเอาเงินจากมือของเยียนอวิ๋นฉวนมาได้ ความสามารถในการขอเงินของอวิ๋นเกอร้ายกาจเสียจริง”
เยียนอวิ๋นฉียิ้ม “พูดถึงความสามารถในการหาเงิน ข้าไม่อาจสู้น้องสี่ได้ หากเป็นข้า มีเพียงทำนาเปิดร้าน กินเงินค่าเช่าในแต่ละปี หากให้ข้าเปิดปากขอเงิน ข้าคงพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว”
เยียนอวิ๋นเกอได้ใจเล็กน้อย
นางใช้สองมือทำท่า ‘มีเงินสองหมื่นก้วน ท่านแม่ไม่ต้องให้เงินข้าชั่วคราวแล้ว รอวันใดที่ข้าไม่พอใช้ ท่านแม่ค่อยให้เงินข้าก็ยังไม่สาย’
เซียวฮูหยินยิ้มตาหยี ดีใจอย่างมาก “แล้วแต่เจ้า เจ้าใช้เงินของตนเองบุกเบิก ที่ดินที่บุกเบิกออกมาล้วนเป็นของเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ ไม่มีผู้ใดแย่งที่ดินกับเสบียงจากมือของเจ้าไปได้ แม้แต่ท่านพ่อเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าระรัว นางก็คิดเช่นนี้
ใช้เงินของท่านแม่บุกเบิก หากเยียนโส่วจ้านตามสืบขึ้นมา ถึงเวลาคงต้องขัดแย้งกัน
แต่หากใช้เงินของตนเองบุกเบิก แม้เยียนโส่วจ้านจะยื่นมือเข้ามาแย่งอย่างไร้ยางอาย นางย่อมสามารถโจมตีกลับไปได้อย่างเปิดเผย
‘ขอบคุณท่านแม่!’ เยียนอวิ๋นเกอใช้สองมือทำท่า
…
มื้อเที่ยง อาหารที่จัดเตรียมไว้ให้เยียนอวิ๋นฉวนมีมากมายหลากหลาย
แต่แล้วเยียนอวิ๋นฉวนที่เสียเงินสองหมื่นก้วนในคราเดียว อารมณ์ของเขาเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
เขาดื่มสุราไปหลายแก้ว ยิ่งดื่มยิ่งกลุ้มใจ
เขาพูดกับเยียนอวิ๋นเกอ “ทั้งตระกูลมีเพียงน้องสี่ที่มีความสามารถเอาเงินไปจากมือข้า อีกทั้งยังทำท่าเหมือนข้าติดหนี้เจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอยกแก้วสุราขึ้น ชนแก้วกับเขา
ดูท่าทางยังไม่เมา ยังมีอารมณ์บ่น
เช่นนั้นก็ดื่มอีก
ฉวยโอกาสที่เยียนอวิ๋นฉวนอารมณ์ไม่ดี เยียนอวิ๋นเกอมอมเขาได้สำเร็จ
จากนั้นรีบสั่งให้บ่าวรับใช้ส่งเขากลับจวนในเมืองหลวง
เมื่อตกดึก ในที่สุดเยียนอวิ๋นฉวนก็ตื่นขึ้นมา
ดื่มน้ำแกงสำหรับคลายความมึนเมาลงไปชามหนึ่ง สมองก็ฟื้นสติกลับมา
เขาเคาะหัว รู้สึกเสียใจอย่างมาก
“ผิดแผน ผิดแผน ให้อวิ๋นเกอฉวยโอกาสจนได้ ไม่ทันระวังเสียจริง!”
ที่ปรึกษาหวังก็เจ็บใจกับเงินสองหมื่นก้วนนั้นอย่างมาก เขาพูดตักเตือนอย่างอ้อมค้อม “ต่อจากนี้นายน้อยอยู่ให้ห่างคุณหนูสี่ดีกว่า ระวังจะทำลายโชคชะตา”
“ท่านพูดถูก พบกับอวิ๋นเกอช่างทำลายโชคชะตาเสียจริง”
ทุกครั้งล้วนเป็นเขาที่เสียเปรียบ หากบอกว่าทำลายโชคชะตาก็ไม่เกินจริง
ที่ปรึกษาหวังส่ายหัว คุณหนูสี่เป็นตัวโชคร้ายเสียจริง
ทั้งที่เป็นสตรี แต่การกระทำกลับเหมือนนักเลง กฎระเบียบใดล้วนใช้ไม่ได้กับนาง
หากท่านโหวสั่งสอนคุณหนูสี่อย่างเข้มงวด คุณชายใหญ่คงไม่เสียเปรียบมากเพียงนี้
สูญเสียเงินสองหมื่นก้วนในคราวเดียว เจ็บใจยิ่งนัก
ติดไว้ก่อนได้หรือไม่?
ไม่ให้เงินได้หรือไม่?
เป็นไปไม่ได้
หากกล้าติดค้าง กล้าไม่ให้เงิน เยียนอวิ๋นเกอก็กล้านำกองกำลังบุกเข้าจวน เห็นผู้ใดตีผู้นั้น
แม้แต่บิดาเยียนโส่วจ้านนางยังกล้าลงมือ เพียงแค่เยียนอวิ๋นฉวน นางยิ่งกล้าตีให้ตาย
วิธีการของนางราวกับนักเลง
เยียนอวิ๋นฉวนนวดคลึงหัวคิ้ว พูดกับที่ปรึกษาหวัง “ข้าไม่อยากพบน้องสี่ พรุ่งนี้ลำบากท่านเดินทางไปจวนท่านหญิง นำเงินไปให้น้องสี่”
เขาไม่อยากโชคร้าย จึงทำได้เพียงอยู่ให้ห่างจากเยียนอวิ๋นเกอ
ที่ปรึกษาหวังรับคำสั่ง