คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 235 ไม่ชำระแค้นนี้ สาบานว่าจะไม่เกิดเป็นคน
ตอนที่ 235 ไม่ชำระแค้นนี้ สาบานว่าจะไม่เกิดเป็นคน
ฮ่องเต้หย่งไท่ประชวร!
การสังหารหมู่เพียงค่ำคืนเดียว ทำให้สมาชิกราชวงศ์ต้องสูญเสียอย่างหนัก
ขุนนางชั้นสูง ตระกูลขุนนางใหญ่ไม่เสียหายแม้แต่น้อย
เมื่อดูรายชื่อคนตายหน้าแล้วหน้าเล่า ฮ่องเต้หย่งไท่ก็กระอักเลือดออกมา
“ข้าเป็นคนบาปของตระกูลเซียว!”
ซุนปังเหนียนปลอบใจ เถาฮองเฮาปลอบใจ ล้วนไม่สามารถทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้สงบลงได้
“ข้าเป็นคนบาป! คนพวกนี้ตายเพราะข้า หลังจากข้าตายไป ข้าจะมีหน้าพบบรรพบุรุษได้อย่างไร”
ฮ่องเต้หย่งไท่ทุบอกร้องไห้ด้วยความโกรธแค้น เสียใจ และอาฆาต…
ภายในใจของเขากำลังกระอักเลือด
แต่ละคนที่ตาย ไม่ว่าจะเป็นขุนนางสำคัญ สมาชิกราชวงศ์ หรือคนที่ไร้ชื่อเสียง ล้วนเป็นคนในตระกูลเซียว
อำนาจราชวงศ์ใช้สิ่งใดประคอง
หนึ่งคืออำนาจทหาร สองคือผลประโยชน์ สามคือคนในตระกูล
การมีคนในตระกูลที่มากเพียงพอ การสนับสนุนจากคนในตระกูลย่อมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจประมาท
ยกเว้นท่านอ๋องที่ครอบครองดินแดน พวกเขามีเพียงแต่จะกัดกร่อนผลประโยชน์ของอำนาจราชวงศ์เท่านั้น
เพียงแต่…
ในขณะนี้ ฮ่องเต้หย่งไท่อดไม่ได้ที่จะเกิดคำถามว่า “ข้าผิดจริงหรือที่ฆ่าเหล่าท่านอ๋อง”
เถาฮองเฮาถอนหายใจและพูดเบาๆ “มันไม่สำคัญว่าถูกหรือผิด ในตอนนั้นการที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยที่จะปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋องเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
หากการปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋องเป็นเรื่องที่ผิด ตระกูลเถาที่เป็นคนลงมือจะเป็นอย่างไร
ไม่ว่าอย่างไรเถาฮองเฮาก็ไม่อาจปล่อยให้ตระกูลเถาล้มลงบนเรื่องปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋องอีกครั้ง
ตระกูลเถาต้องสูญเสียอย่างแสนสาหัสเพื่อการปลงพระชนม์บรรดาท่านอ๋อง ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี จะคิดบัญชีขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างไร
ดังนั้น นางต้องล้มล้างความคิดเหลวไหลของฮ่องเต้
แต่เมื่อความคิดบังเกิดขึ้น จะล้มล้างอย่างง่ายดายได้อย่างไร
“หากเหล่าท่านอ๋องยังอยู่ ตระกูลขุนนางบนแผ่นดินจะบังอาจเหยียดหยามข้าได้อย่างไร พวกเขาจะกล้าถ่ายทอดพระราชโองการเท็จได้อย่างไร เมื่อคืนย่อมจะไม่มีโศกนาฏกรรมนั้นเกิดขึ้น”
ภายในดวงตาของฮ่องเต้หย่งไท่มีแต่ความเสียใจและคับแค้นใจ
ตระกูลชนชั้นสูงบนแผ่นดินต่างเกรงกลัวเหล่าท่านอ๋องที่ครอบครองดินแดน ดังนั้นพวกเขาจึงสนับสนุนการตัดสินใจกำจัดเหล่าท่านอ๋องตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังสนับสนุนการตัดสินใจของฮ่องเต้ด้วยการช่วยเหลือทางด้านการเงินและกองกำลัง
เพื่อสิ่งใด
สุดท้ายแล้วก็เพื่อผลประโยชน์
“เมื่อปราศจากการควบคุมของเหล่าท่านอ๋อง ตระกูลขุนนางจึงยิ่งไม่มีความเกรงกลัวในการทำสิ่งต่างๆ เกรงว่าแม้แต่แม่ทัพในแต่ละพื้นที่ก็เป็นข้ารับใช้ของตระกูลขุนนาง ข้ายังคงพึ่งพาได้เพียงกองทัพเหนือและกองทัพใต้ แต่พวกเขากลับถูกคนหลอกใช้”
“การที่ข้าปลงพระชนม์เหล่าท่านอ๋องเหมือนเป็นการตัดแขนขาของตนเอง”
ฮ่องเต้หย่งไท่เริ่มสำนึกความผิดของตนเอง
มือของตระกูลขุนนางยื่นเข้ามาในวังหลวง ถ่ายทอดพระราชโองการเท็จที่แม้แต่แม่ทัพกองทัพเหนือยังแยกไม่ออก มันเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่กว่าเหล่าท่านอ๋องเสียอีก
เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว!
ดวงตาที่จ้องมองไปยังแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าในครู่ต่อมาจะมีมือคู่หนึ่งยื่นออกมาบีบคอของเขา ส่งเขาไปพบบรรพบุรุษด้านล่าง
เขากลัว!
เขากลัวจนดวงตาแดงก่ำ เขากลัวจนอาเจียนเป็นเลือด เขากลัวจนอยากออกรับสั่งให้ประหารชีวิตทุกคนในตำหนักซิงชิ่ง
เถาฮองเฮาจับมือของเขาเอาไว้ “ฝ่าบาท ตระกูลเถาเชื่อถือได้อย่างแน่นอน เหตุใดแม่ทัพใหญ่ซือถูจึงตาย ฝ่าบาททรงระลึกให้ดี สาเหตุเพราะงานเลี้ยงในเทศกาลตงจื้อ ท่านพี่เป็นคนวางแผนให้ขุนนางตระกูลใหญ่ตกหลุมพราง ฝ่าบาทจึงทรงมีเหตุผลในการจับคน อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้ประหารแม่ทัพใหญ่ซือถู
ตระกูลเถายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลขุนนางมานานแล้ว ตระกูลขุนนางแทบอยากจะฆ่าตระกูลเถาให้สิ้นซาก เมื่อคืน อีกเพียงนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น กองทัพเหนือก็จะบุกเข้าตระกูลเถา เห็นได้ชัดว่า ตระกูลเถาอยู่ในรายชื่อที่จำเป็นต้องกำจัดของตระกูลขุนนางแล้ว เวลานี้ไม่มีตระกูลใดน่าเชื่อถือไปกว่าตระกูลเถาแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้หย่งไท่จ้องมองนาง
เถาฮองเฮายังคงพูดต่อ “ตระกูลขุนนางเชื่อถือไม่ได้ แต่ตระกูลเถาเชื่อถือได้ สมาชิกราชวงศ์เชื่อถือได้ ฝ่าบาททรงได้ยินเสียงด้านนอกหรือไม่ สมาชิกราชวงศ์กำลังประจันหน้ากับขุนนางตระกูลใหญ่ ทั้งสองฝ่ายกำลังตึงเครียด พวกเขาสามารถเข่นฆ่ากันขึ้นมาได้ทุกเวลา
โศกนาฏกรรมเมื่อคืนเป็นเพียงแผนการหนึ่ง เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีเมตตา แผนการของฝ่าบาทเป็นเพียงแผนการเล็กน้อย แต่ตระกูลขุนนางโหดเหี้ยม พวกเขาวางแผนใหญ่ทำร้ายชีวิตผู้คนนับร้อย พวกเขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต ชีวิตของซือถูเพียงคนเดียวไม่อาจเทียบเท่ากับชีวิตของสมาชิกราชวงศ์นับร้อยได้”
ฮ่องเต้หย่งไท่พยักหน้าระรัว
พูดถูกต้อง
ถึงแม้ชีวิตของซือถูจะสำคัญ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับชีวิตของสมาชิกราชวงศ์นับร้อยได้
“หัวหน้าองครักษ์จินอู่อยู่ที่ใด”
เสียงเรียกหนึ่งทำให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่ เจิ้งกังเดินออกมา “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้หย่งไท่พยาพยามลุกขึ้นจากเตียง “ยังมีขุนนางมากน้อยเพียงใดถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวงของสำนักองครักษ์จินอู่”
“ทูลฝ่าบาท บัดนี้ยังมีขุนนางน้อยใหญ่ยี่สิบเอ็ดคนถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”
ฮ่องเต้หย่งไท่กัดฟันกรอด “ขุนนางที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลใหญ่ล้วนประหารให้หมด”
เจิ้งกังตกใจ เขามองไปทางเถาฮองเฮา
เถาฮองเฮาสูดลมหายใจเข้า “ไปเถิด! ปฏิบัติตามรับสั่งของฝ่าบาท คนที่ควรประหารอย่าได้เหลือไว้แม้แต่คนเดียว พวกเขาบังอาจถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ ปลงพระชนม์สมาชิกราชวงศ์ แม้แต่พี่น้องของฮ่องเต้ยังกล้าลอบสังหารย่อมเปรียบเสมือนการก่อกบฏ ไม่ประหาร ไม่เพียงพอต่อการข่มขู่”
เจิ้งกังกัดฟัน โน้มตัวน้อมรับคำสั่ง “กระหม่อมน้อบรับพระราชโองการ!”
ซุนปังเหนียนอกสั่นขวัญแขวน มันเหมาะสมแล้วจริงหรือ
จะกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นอีกหรือไม่
เขาเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท บรรดาขุนนางรออยู่นอกประตูวังหลายชั่วยามแล้ว สมาชิกราชวงศ์ก็กำลังเดินทางมา ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันด้วยความตึงเครียด อาจเกิดการปะทะได้ทุกเวลา ฝ่าบาทจะทรงพบพวกเขาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ขุนนางราชสำนัก ข้าไม่พบแม้แต่คนเดียว สมาชิกราชวงศ์ ให้ผู้อาวุโส หัวหน้าสำนักเซ่าฝู่ หัวหน้าวัดจงเจิ้งเข้ามา ข้าละอายใจต่อพวกเขา ต้องมีคำอธิบายให้พวกเขา”
ขุนนางของสำนักเซ่าฝู่และวัดจงเจิ้งล้วนรับผิดชอบโดยสมาชิกราชวงศ์
ภายในใจของฮ่องเต้หย่งไท่โกรธแค้นตระกูลขุนนางอย่างมากในเวลานี้
บัดนี้ เขาไม่อยากเห็นใบหน้าเสแสร้งเหล่านั้น เขากลัวควบคุมความแค้นในใจของตนเองไม่ได้ อาละวาดขึ้นมาทันที
เวลานี้เขาต้องให้คำอธิบายต่อเหล่าสมาชิกราชวงศ์
เขาต้องการได้รับการสนับสนุนและความเห็นใจจากคนในตระกูลอย่างมาก
…
ด้านนอกตำหนักซิงชิ่ง
เงาดาบที่มองไม่เห็นกำลังปรากฏขึ้นระหว่างขุนนางและสมาชิกราชวงศ์
สมาชิกราชวงศ์ที่รอดตายทุกคนมีความเกลียดชังฝังลึกอยู่ในดวงตาของพวกเขา
พวกเขาแค้น!
แต่ก็ไม่อาจลงมือได้
เหล่าขุนนางต่างแสดงความเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา แต่คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่อ่อนแอ
ที่ตรงนี้ไม่มีคนโง่
เมื่อคืนเกิดเรื่องใดขึ้น เรื่องราวภายในเป็นอย่างไร ทุกคนมีตาชั่งอยู่ในใจ พวกเขาต่างมีคำตอบของตัวเอง
ขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ พวกท่านกล้าบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่เกี่ยวกับพวกท่านหรือ
พวกท่านเป็นมือสังหาร บังอาจถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ
พวกท่านตายแน่!
พวกท่านต้องตาย! ต้องสังเวยให้กับคนที่ตายไปเมื่อคืน
ทั้งสองฝ่ายนิ่งเงียบ บรรยากาศตึงเครียด
จนกระทั่งขันทีประกาศให้หัวหน้าสำนักเซ่าฝู่และวัดจงเจิ้งเข้าเฝ้า บรรยากาศจึงเปลี่ยนไป
ขุนนางราชสำนักขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “เหตุใดฝ่าบาทจึงเรียกเพียงหัวหน้าสำนักเซ่าฝู่และวัดจงเจิ้งเข้าเฝ้า ข้าและทุกคนก็อยากเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
“ใช่ พวกเราก็ต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
“เกิดเรื่องใหญ่ที่น่ากลัวเพียงนี้ ฝ่าบาทหลบหน้าขุนนางราชสำนักด้วยเหตุผลอันใดกัน”
บรรดาขุนนางต่างไม่พอใจ พวกเขาต่างเรียกร้องที่จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้
องครักษ์รั้งบรรดาขุนนางเอาไว้ ขุนนางฝ่ายในปลอบประโลมอารมณ์ของขุนนางทุกคน
“ใต้เท้าทุกท่าน ฟังข้าก่อน ฝ่าบาททรงห่วงใยสมาชิกราชวงศ์อย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้น่าตกใจ สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือจะจัดการกับผลที่ตามมาอย่างไร เรื่องนี้ยังคงต้องลำบากหัวหน้าสำนักเซ่าฝู่และวัดจงเจิ้ง รอฝ่าบาททรงเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว พระองค์จะเรียกใต้เท้าทุกท่านเข้าเฝ้าอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ ขุนนางฝ่ายในก็หันหลังเดินจากไปทันที พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้องครักษ์รีบปิดประตูตำหนักซิงชิ่งอย่างรวดเร็ว
หากบรรดาขุนนางบุกเข้ามาอย่างไร้ความเกรงกลัว ทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธจะทำอย่างไร
…
ฮ่องเต้หย่งไท่ลุกขึ้นมานั่งภายใต้การพยุงของซุนปังเหนียน
เขาเอนพิงอยู่บนหัวเตียงด้วยสีหน้าซีดเผือด สีหน้าตื่นเต้นแต่ก็เผยให้เห็นความเหนื่อยล้าและซีดเซียว
เถาฮองเฮากำชับเสียงเบา “ฝ่าบาททรงระวังพระวรกาย”
ฮ่องเต้หย่งไท่โบกมือ “ร่างกายข้าไม่สำคัญ แม้ข้าจะต้องตาย ข้าก็จะกำจัดคนที่บังอาจถ่ายทอดพระราชโองการเท็จให้หมด”
ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นฝีมือของตระกูลขุนนาง
พวกเขาทำเพื่อแก้แค้น
เพียงแต่แม้จะเป็นตระกูลขุนนางเหมือนกัน ก็ต้องปฏิบัติต่างกัน
ผู้ใดบงการ
ผู้ใดสมรู้ร่วมคิด
ผู้ใดถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ
ผู้ใดเสนอความคิดที่โหดเหี้ยมนี้ ผู้ใดปฏิบัติตาม
สงครามกำลังปะทุขึ้นทุกหนทุกแห่ง ผู้ลี้ภัยก่อความโกลาหล ผู้ใดอยู่เบื้องหลังในการจัดหาอาวุธและเสบียงให้กับกลุ่มกบฏ แม้แต่การหาเส้นทางหลบหนีให้พวกเขา
ทุกสิ่งล้วนต้องสืบให้กระจ่าง
ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงสงบลงในระหว่างการรอคอยการเดินทางมาของหัวหน้าสำนักเซ่าฝู่และวัดจงเจิ้ง
รอใต้เท้าทั้งสองเดินเข้ามาในตำหนักบรรทม ภายในใจของฮ่องเต้หย่งไท่ก็มีคำตอบแล้ว
เขาเอ่ยขึ้นเพื่อปิดปากคำพูดของใต้เท้าทั้งสองที่กำลังจะเปล่งออกมา
“มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด! ข้าเป็นคนทำให้เกิดผลร้ายในวันนี้ทีละก้าว วันนั้น ไท่เว่ยและแม่ทัพใหญ่ซือถูหลอกลวงให้ข้าปลงพระชนม์เหล่าท่านอ๋อง ข้าเหลวไหลที่เชื่อฟังข้อเสนอของซือถู สุดท้ายทำให้คนในราชวงศ์เจ็บปวด คนนอกสาแก่ใจ ตระกูลขุนนางฉวยโอกาสขึ้นเป็นใหญ่ อำนาจสมาชิกราชวงศ์ถูกลดทอนให้อ่อนแอ ทำให้เมื่อคืนพวกท่านกลายเป็นแพะที่รอเชือด ทุกสิ่งล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าผิดต่อบรรพบุรุษ ผิดต่อคนในตระกูลเซียว!”
ฮ่องเต้หย่งไท่ร้องไห้ออกมาด้วยความสำนึกผิด
หัวหน้าสำนักเซ่าฝู่ที่อัดอั้นอยู่เต็มท้องล้วนถูกดักเอาไว้ในเวลานี้ เขาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ฮ่องเต้ยอมรับความผิดพลาดเองแล้ว ในฐานะขุนนางเขาจะทำอันใดได้อีก
เขาคงไม่อาจชี้หน้าของฮ่องเต้ต่อว่าต่อไป
ถึงแม้เขาคิดจะทำตั้งแต่แรก
แต่ผู้ใดให้ฮ่องเต้ยอมรับผิดได้อย่างกระตือรือร้นเช่นนี้
เฮ้อ…
แผนการทั้งหมดถูกพังทลาย
เอาเถิด เอาเถิด…
หัวหน้าสำนักเซ่าฝู่กล่าวแสดงท่าทีขึ้นมาก่อน “ฝ่าบาทอย่าทรงโทษตัวเอง! เห็นได้ชัดว่าตระกูลขุนนางโกหกต่อคนทั่วทั้งแผ่นดิน ใส่ร้ายพระองค์ ลอบปลงพระชนม์สมาชิกราชวงศ์ ความผิดของพวกเขามากเกินกว่าจะอธิบาย ฝ่าบาททรงไม่มีความผิด คนที่ผิดล้วนเป็นกลุ่มขุนนางที่พยายามหลอกลวงและยึดอำนาจของฝ่าบาท!”
หัวหน้าวัดจงเจิ้งก็กล่าวขึ้นมา “ขอฝ่าบาทโปรดทรงล้างแค้นให้กับญาติของตระกูลที่เสียชีวิตไป ทรงให้คำอธิบายสำหรับทุกคน เพียงแค่ฝ่าบาททรงรับสั่ง กระหม่อมก็พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟ”
ฮ่องเต้หย่งไท่แสดงสีหน้าซาบซึ้ง “ท่านทั้งสองโปรดลุกขึ้น ข้าทรยศต่อความเชื่อใจของทุกคน ทำให้คนชั่วมีโอกาส แค้นย่อมต้องชำระ ข้าขอพูดในเวลานี้ หากไม่แก้แค้น ข้าสาบานว่าจะไม่เกิดเป็นคน!”