คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 886 ถึงอย่างไรเจ้าเด็กดื้อด้านนี่ก็สมควรโดนดี
- Home
- คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 886 ถึงอย่างไรเจ้าเด็กดื้อด้านนี่ก็สมควรโดนดี
ตอนที่ 886 ถึงอย่างไรเจ้าเด็กดื้อด้านนี่ก็สมควรโดนดี
ฉินหลิวซีเขียนตำรับยา จากนั้นก็ให้คนไปต้มยา ส่วนนางก็สั่งให้อูตงปลดเสื้อผ้าของหมิงหุยก่อนจะเปลี่ยนชุดฝังเข็มใหม่แล้วฝังลงตามจุด รวมถึงให้คนเตรียมของบางส่วนไว้ด้วย
อูตงเห็นถุงหูรูดที่ห้อยอยู่บนร่างอีกฝ่ายมีชุดเข็มเงินครบชุด บวกกับเข็มทองประปราย ครั้นเห็นว่าตระเตรียมของครบครันเช่นนี้ คงมีเพียงหมออย่างแท้จริงถึงจะพกพาอุปกรณ์ใช้รักษาคนติดตัว
หลังจากฉินหลิวซีล้างมือเสร็จหันกลับมาก็เห็นหมิงหุยลืมตาโพลงพร้อมด้วยท่าทีหวาดระแวงฉายชัดบนใบหน้า นางจึงอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
“ท่านฟื้นแล้วหรือ มีไม่สบายตรงไหนบ้างหรือไม่” อูตงดีใจยกใหญ่ก่อนเดินเข้าไปหาริมขอบเตียง ครั้นเห็นเขาจับจ้องฉินหลิวซีตาเขม็งจึงเอ่ย “นายน้อย นี่คือท่านเจ้าอาวาสน้อยแห่งอารามชิงผิงเมืองหลี มีฉายาเต๋าว่าปู้ฉิว ได้ยินมาว่าเคยช่วยรักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่าของเสนาบดีลิ่นด้วย นายท่านเองก็เคยคิดอยากเชิญตัวมารักษาท่าน ประจวบกับเวลานี้ได้พบกันโดยบังเอิญเข้าพอดี”
เกรงว่าหมิงหุยจะหาเรื่อง อูตงเลยกล่าวต่อ “เมื่อครู่ท่านหมดสติไปก็ได้ท่านเจ้าอาวาสน้อยนี่แหละใช้เข็มทองช่วยฝังกระตุ้นตามจุด เห็นบอกว่าช่วยลดความเร็วการเต้นของหัวใจ ตอนนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่”
หมิงหุยไม่ตอบคำถาม แต่ยังคงจับจ้องฉินหลิวซีไม่วางตา
“เลือดลมของเจ้าหยินหยางขาดพร่อง หัวใจเลยมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่มากพอ ตอนนี้ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า เพื่อช่วยปรับสมดุลหยินหยางทำให้ลมปราณทำงานตามปกติ เจ้าจะรักษาหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
“เจ้ารักษาให้หายได้ด้วยหรือ” หมิงหุยเอ่ยถามพลางยิ้มเยาะ
เอ๊ะ ปากคอเราะรายกว่าใครนะ
ฉินหลิวซีตอบกลับคำเย้ยหยันนั้น “เจ้าเป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิด หากให้ข้าพูดตามความจริง ชีวิตนี้คงไม่มีใครรักษาอาการป่วยของเจ้าได้ และไม่มีทางรักษาหายด้วย นอกเสียจากจะเปลี่ยนหัวใจใหม่ แต่เรื่องเปลี่ยนหัวใจ แม้มีคนเปลี่ยนให้เจ้า แต่ใครจะผ่าตัดให้เล่า ดังนั้นทำได้แค่รอความตาย!”
พลันนัยน์ตาของหมิงหุยก็ฉายแววเย้ยหยันแวบหนึ่ง
เขาเองรู้ดีว่าร่างกายของเขาไม่มีทางรักษาหาย แต่ท่านปู่รั้นจะทรมานเขา ควานหาหมอดังฝีมือเทพมาช่วยรักษา
“หายขาดเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่หากค่อยๆ ดูแลรักษาอย่างละเอียด อย่าดื้อด้าน ควรกินยาก็กินยา รักษาสภาพจิตใจให้สงบและเป็นสุข การมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายสิบปีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเสริมอีกประโยค
ชั่วขณะนั้นอูตงก็ตื่นเต้นขึ้นมา “หลายสิบปีที่ว่า กี่สิบปีหรือ”
“ไม่รู้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้อยคำดีๆ ยากที่จะโน้มน้าวคนอยากตายได้ ต่อให้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรมก็จนใจที่จะช่วยคนที่หมดหวัง อย่าว่าแต่สุขภาพแย่เลย ต่อให้สุขภาพดี แต่กลับรนหาที่ตายเอง แบบนั้นต่อให้ทำอย่างไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี รวมถึงกินยา หรือตามหาหมอเก่งๆ”
อูตงได้ยินเช่นนั้นก็หันไปเอ่ยกับเจ้านายของตนว่า “นายน้อย ท่านเจ้าอาวาสน้อยหวังดีกับท่านถึงได้พูดจาโผงผาง…”
“เปล่าเลย” ฉินหลิวซีเอ่ยตัดบทเขา “ข้าพูดจาโผงผางก็เพราะอยากบอกความจริงกับเขา และอยากถามเขาว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อหรืออยากตาย หากอยากตายข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงฝังเข็มให้แล้วเชิญเขาตายตามสบายเลย”
อูตง “…”
นักบวชไม่มีความอ่อนโยนอ่อนข้อให้บ้างเลยหรือ
เหล่านักพรตอย่างปรมาจารย์ฮุ่ยเฉวียนต่างพูดจาถ่อมตนเอาใจ แต่พอเป็นฉินหลิวซี ทุกถ้อยคำกลับแฝงไปด้วยคมมีด ราวกับกลัวว่านายน้อยของเขาจะตายช้าเกินไปจึงช่วยซ้ำเติมให้เสียอย่างนั้น
“เจ้าพูดจาโอหังเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าบ้างหรือ” หมิงหุยเอ่ยเสียงดุดันขึงขัง
มู่ซีกระโดดลุกขึ้นพรวด หน็อยแน่ เจ้าคนเนรคุณ ช่วยชีวิตเจ้าไว้ไม่ขอบคุณสักคำ แถมยังกล้าหาเรื่องด้วยหรือ
ขณะที่เขาหมายพูดอะไรบางอย่าง ฉินหลิวซีก็ฉีกยิ้ม “ฆ่าข้าหรือ เจ้าลองดูว่าปากของเจ้าหรือเข็มของข้าอันไหนไวกว่ากัน อาศัยร่างอ่อนแออย่างเจ้าสังหารข้า ทางที่ดีที่สุดคือเจ้ารีบคิดหาวิธีกลับชาติมาเกิดใหม่ดีกว่า!”
“อ้อ เจ้าอย่าบอกนะว่าฆ่าข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แค่ขยับปากพูดก็พอ เจ้าวางใจได้ ต่อให้เจ้ามีโอกาสเปิดปากพูดก็คงไม่มีโอกาสมองเห็น เพราะเจ้าต้องตายเร็วกว่าข้าแน่นอน แถมข้ายังทำให้เจ้าตายอย่างไร้สุ้มเสียงได้ด้วย เชื่อหรือไม่เล่า”
ทุกคน “…”
การข่มขู่เช่นนี้ออกจะผยองโอหังไปหน่อยกระมัง!
ฮุ่ยเฉวียนสบถอมิตาภพุทธออกมาทีหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างระอาใจ “โยม นายน้อยเป็นแค่เด็ก เขาพูดขำๆ กับโยมไปอย่างนั้นแหละ!”
“อืม เพราะเป็นเด็กยิ่งไม่ควรปล่อยไป!” ในมือของฉินหลิวซีคีบเข็มเรียวเล็กบางเล่มหนึ่งไว้ พร้อมเรียวนิ้วที่ขยับอย่างคล่องแคล่ว เดิมทีเข็มเล่มนั้นก็เรียวเล็กอยู่แล้ว ทว่าพอขยับอยู่ในมือนางกลับเห็นเพียงแค่เงา
มือที่ซ่อนอยู่ภายในของหมิงฮุยสั่นเทาเล็กน้อย
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เป็นอย่างไรเล่า ยังคิดอยากฆ่าข้าอยู่อีกหรือไม่”
หมิงหุยไม่ตอบกลับอะไร เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น เหตุใดถึงคิดเป็นจริงเป็นจังไปได้
มู่ซีเอ่ย “ฆ่าอะไรล่ะ เขาก็ดีแต่ปากไปอย่างนั้น ขนยังขึ้นไม่ครบเลยจะมีความสามารถทำอะไรได้ เจ้าอาวาสน้อย เก็บของ พวกเราไม่ต้องรักษาให้เขาแล้ว ขนาดจะช่วยยังต้องร้องขอเลย ทั่วใต้หล้าไม่มีหลักการเช่นนี้หรอก พวกเรากลับ!”
“ห้ามกลับ!” หมิงหุยขึงตามอง “ข้าปลดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว เจ้ากลับแบบนี้คิดจะไม่รับผิดชอบข้าอย่างนั้นหรือ”
มู่ซียิ้มเย็นชาเอ่ย “แม้แต่ตัวเจ้าเองยังอยากตาย ใครจะรับผิดชอบเจ้าได้เล่า ความจริงท่านอ๋องเป็นห่วงชีวิตของเจ้าก็เสียดายเปล่า แม้แต่เจ้าเองยังไม่สนใจอยากคิดแต่จะตาย ช่างลำบากเขาจริงๆ”
“ใครบอกเรื่องพวกนี้กับเจ้ากัน” หมิงหุยไม่สนใจมู่ซี แต่กลับมองฉินหลิวซีด้วยท่าทีขึงขัง “รีบฝังเข็มให้ข้า ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงามเชียว”
ฉินหลิวซียกยิ้ม “ได้เลย!”
เดิมทีนางไม่อยากใช้ศาสตร์ฝังเข็มที่เจ็บที่สุด แต่ถึงอย่างไรเจ้าเด็กดื้อด้านนี่ก็สมควรโดนดี!
ฉินหมัวหมัวมาแล้ว!
อูตงและองครักษ์ต่างหวั่นวิตก อยากจะขวางแต่ก็ไม่กล้าขวาง เพราะกลัวว่าฉินหลิวซีจะจู่โจมเอาคืน ฉวยโอกาสฆ่านายน้อยจนตาย ในเมื่อคำข่มขู่เมื่อครู่เพิ่งเปล่งออกมาสดๆ ร้อนๆ!
ขณะที่ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหลิวซีก็ลงมือเรียบร้อยแล้ว เข็มขยับอย่างรวดเร็วเหลือเพียงซากเงา
หมิงหุยกรีดร้องอย่างเจ็บปวดครู่หนึ่ง ทำเอาอูตงตกใจจนขาอ่อนยวบ เอ่ยเสียงสั่นเครือ “เจ้าอาวาสน้อย ขอร้องเบามือหน่อยเถิดขอรับ”
“หากเบามือคงไม่เข็ดหลาบ ตอนนี้เจ็บมากแค่ไหน ครั้งหน้าตอนทิ้งยาจะได้จดจำความเจ็บปวดในวันนี้ไว้ได้และไม่กล้าเอาแต่ใจอวดดีเช่นนี้อีก” ฉินหลิวซีปักเข็มลงไปพร้อมหรี่ตาลง เจ้าเด็กดื้อด้านนี่ต้องโดนปรับนิสัยสักหน่อย
หมิงหุย “!”
จงใจ นางจงใจใช้แรงชัดๆ!
แต่เขาจนปัญญาจะตอบโต้ เพราะเขาเจ็บมากจริงๆ!
เข็มถูกฝังลงไปทีละเล่ม หมิงหุยเจ็บระบมจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เหงื่อไหลอาบท่วมร่าง ดวงตาราวกับถูกอาบย้อมด้วยไอน้ำชุ่มฉ่ำ น่าสงสารจับใจ
อูตงกัดผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งเพราะกลัวว่าตนจะร่ำไห้แทนเจ้านาย แววตาที่ใช้มองฉินหลิวซีเต็มไปด้วยท่าทีตัดพ้อและหวาดกลัว
โหด โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
พอฉินหลิวซีฝังเข็มเสร็จก็ปัดมือ จากนั้นถึงล้างมือที่ด้านข้างแล้วรอเวลาฝังเข็ม
“เสร็จหรือยัง” อูตงดึงผ้าเช็ดหน้าออกหมายเตรียมเช็ดเหงื่อให้นายน้อยของตน ทว่าพอถูกเขาขึงตาใส่ถึงนึกขึ้นได้ในภายหลังว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้สกปรกแล้ว ก่อนจะรีบเปลี่ยนผืนใหม่ให้
ฉินหลิวซีเอ่ย “ฝังเข็มเสร็จแล้ว แต่ใช่ว่าฝังครั้งเดียวจะหายเลย สิ่งสำคัญที่สุดของร่างกายก็คือการบำรุงรักษา ยารักษาหัวใจก็ต้องตระเตรียมไว้ ดังคำพูดของมู่ซื่อจื่อที่ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เพราะใช่ว่าทุกครั้งที่อาการกำเริบจะบังเอิญเจอหมอทุกครั้งไป โดยเฉพาะหมอที่มีฝีมือการรักษาดีๆ ช่วยฉุดกระชากลากเจ้าออกมาจากเทพแห่งความตาย”
แบบนี้คงเป็นการเยินยอตนเองกระมัง ใช่แล้วๆ!
หมิงหุยกำลังถูกฝังเข็มอยู่จึงไม่กล้าขยับ เพียงเอ่ย “เจ้ามีตำรับยารักษาหัวใจด้วยหรือ กินยากหรือไม่”
ฉินหลิวซี “ทำไมหรือ เขียนตำรับยาให้เจ้าโยนเล่นหรืออย่างไร ตำรับยาของข้าแพงจะตาย!”
หมิงหุยกล่าวพร้อมหน้าเขียวปั๊ด “ข้ามีเงิน แพงแค่ไหนก็ซื้อ!”
ได้เลย รอแค่ประโยคนี้แหละ!