คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 885 เชิญนักตุ้มตุ๋นตรวจดูตามอำเภอใจ
ตอนที่ 885 เชิญนักตุ้มตุ๋นตรวจดูตามอำเภอใจ
มู่ซีพาฉินหลิวซีเข้าไปในเรือนที่หมิงหุยอยู่ ภายในวุ่นวายเป็นอย่างมาก อูตงบ่าวรับใช้ชายคนสนิทของหมิงหุยกางห่อผ้ากับพื้น หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเสียที
“ยังหาไม่เจออีกหรือ เจ้าพวกไร้ประโยชน์! รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นโรคหัวใจ ควรพกยาไว้ที่ตัวตลอดเวลา พกคนเดียวไม่พอ ควรจะพกทุกคน คนละเม็ดสองเม็ดเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินจึงจะถูก ดูพวกเจ้าสิ เกรงว่าคงจะคิดไม่ซื่อ ถูกคนนอกยุแยงกระมัง อยากจะให้เจ้าเด็กนี่ตายๆ ไปเสีย รอดูตระกูลหมิงสิ้นสายเลือดไป!” ปากคออันเราะร้ายของมู่ซีเริ่มขยับอีกแล้ว เขาโมโหฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก
ใครจะไปทนนิสัยร้ายกาจนี้ได้
คนทั้งเมืองเซิ่งจิงต่างก็รู้เรื่องที่หมิงหุยบกพร่องสติปัญญาแต่กำเนิด ทั้งยังมีโรคหัวใจแต่กำเนิดอีกด้วย สามารถมีชีวิตอยู่มาได้ยี่สิบปี ถือว่าฟ้าสวรรค์คุ้มครองรักษาแล้ว ได้มารับควันธูป…ไม่สิ มารับพรที่วัดแห่งนี้ทุกๆ ปี
บวกกับหมอหลวงที่คอยประคองชีพจรผิงอานไม่เคยขาด คอยปรับสูตรยาต้มให้เหมาะสมอยู่เสมอ จึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้
ร่างกายผอมแห้งแรงน้อยเช่นนี้ แค่โดนลมพัดก็ล้มแล้ว หามไม่ได้แบกไม่ได้ เปราะบางประหนึ่งตุ๊กตาแก้วที่แตกร้าวได้ง่ายเช่นนี้ ก็ควรคอยตามดูแลและระมัดระวังให้ดีกว่านี้มิใช่หรือ
เช่นเดียวกับดวงชะตาของตนที่มีสุขภาพร่างกายเป็นหยิน แขวนห้อยยันต์แคล้วคลาดที่ทำโดยภิกษุและไต้ซือที่มีชื่อเสียงเต็มไปหมด จึงไม่ถูกเหล่าวิญญาณร้ายและสัมภเวสีมาทำร้ายได้ ประคบประหงมกันขนาดนี้เขายังจะเกือบถึงฆาตได้
หมิงหุยสุขภาพร่างกายอ่อนเช่นนี้ บ่าวรับใช้ควรจะพกยาไว้กับตัวตลอดเวลาจึงจะถูก จะได้มียาไว้กินในยามที่อาการป่วยของเขากำเริบ รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย
แต่ในความเป็นจริงล่ะ?
พากันรื้อหายากันให้ควั่ก กลับไปถึงจวนเฉิงเอินโหว เหล่าบรรดาคนใช้เหล่านี้คงจะมีชีวิตไม่ถึงหนึ่งชั่วยามกระมัง!
อูตงหน้าเสียเป็นอย่างมาก “ยา ยาหมดแล้ว”
มู่ซีอึ้งไปชั่วขณะ “อะไรนะ ยาหมดแล้ว? คงไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าพูดไปเมื่อครู่นี้กระมัง มีคนถูกยุแยงให้ทรยศจริงๆ หรือ”
“ฝีมือข้าเอง!”
หืม?
ทุกคนต่างก็พากันหันไปมองยังต้นเสียง ก็เห็นหมิงหุยนอนหายใจหอบด้วยสีหน้าที่ทุกข์ทรมาน เขากุมหน้าอกแน่น พลางกับฉีกยิ้มประหนึ่งว่าเสียสติไปแล้ว
“ฝีมือเจ้าหรือ เจ้าเอายาไปซ่อนไว้ที่ไหน” มู่ซีเบิกตากว้าง
“เททิ้งถังส้วมไปแล้ว”
ทุกคน “?”
แม่เจ้า เขารนหาที่ตายเองหรือ!
มู่ซีแสยะยิ้ม “เจ้าอยากจะตายก็บอกมาดีๆ เหตุใดถึงต้องลำบากขนาดนี้ด้วย แทงมีดเข้าท้องก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำเช่นนี้ ลากเป็นแนวขวาง เลือดก็จะพุ่งทะลักออกมาจนหมด ตายสนิทอย่างแน่นอน!”
เขาแตะไปที่ชีพจรคอตนเอง พร้อมกับสบถเสียงในลำคอด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า!” หมิงหุยถลึงตาใส่เขา
“ดูท่าแล้วคงยังไม่ตายง่ายๆ เจ้านักตุ้มตุ๋น เราไปกันเถิด!” มู่ซีหันไปมองอูตง “หากยังไม่ตาย ก็รีบแบกลงเขาไป จะได้ไม่มาตายในวัด ลำบากภิกษุที่วัดอีก”
พออูตงตั้งสติได้ก็อยากจะตำหนินายน้อยของตนเองทว่าก็ไม่กล้า มีเพียงน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาเท่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอย่างนี้ เขามักจะคอยบ่นอยู่เสมอว่ายาเม็ดใหญ่เกินไป กลืนลำบาก
มู่ซื่อจื่อพูดถูก พวกเขาทุกคนควรจะพกยาติดตัวไว้คนละเม็ด เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เผื่อว่านายน้อยจะเอายาไปทิ้งอีก
หมิงหุยรู้สึกเจ็บแปล๊บที่กลางอก ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเป็นลมหมดสติไป
ทุกอย่างเงียบสงัดเป็นอย่างมาก
มู่ซีชะงักฝีเท้าลง จากนั้นก็รีบดึงฉินหลิวซีกลับไปดู “เจ้ารีบดูเร็วเข้า”
ช่างเป็นคนปากแข็งแต่ใจอ่อนเสียจริง
อูตงรีบเข้าไปขวางไว้
“อยากให้เจ้าเด็กเหลือขอนี่ตายก็จงขวางต่อไป ดูสีหน้าเขาสิ เขียวไปหมดแล้ว คนผู้นี้คือท่านเจ้าอาวาสน้อยแห่งอารามชิงผิงเชียวนะ ฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างมาก ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าก็เคยช่วยมาแล้ว” มู่ซีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฉุนเฉียว “หลีกไปเสีย ให้เขาช่วยตรวจชีพจร”
พูดถึงเรื่องฮูหยินลิ่นผู้เฒ่า ใช่ว่าอูตงจะไม่เคยได้ยิน หลังจากที่ท่านอ๋องผู้เฒ่าได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็อยากจะไปเยี่ยมหาฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเสียด้วยซ้ำ เพราะอยากจะไปถามดูว่าสามารถรักษาโรคหัวใจของนายน้อยได้หรือไม่ ทว่าตอนนั้นฉินหลิวซีจากไปแล้วจึงได้ละทิ้งความคิดไป!
ที่แท้แล้วคนผู้นี้ก็คือท่านหมอลึกลับฝีมือเก่งกาจท่านนั้นหรือ
มู่ซีดึงอูตงออกไปข้างๆ จากนั้นก็หันไปถลึงตาใส่คนคุ้มกันที่ทำท่าจะชักดาบออกมา แล้วจึงค่อยหันไปเชื้อเชิญฉินหลิวซีด้วยความนอบน้อม “เจ้าตรวจดูตามอำเภอใจได้เลย รักษาได้ก็รักษา หากรักษาไม่ได้ ก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรม!”
อูตงและคนคุ้มกัน “!”
ฮุ่ยเฉวียนโค้งตัวคำนับพลางเอ่ย “อมิตาภพุทธ รบกวนโยมแล้ว”
ฉินหลิวซีเห็นว่าสีหน้าของหมิงหุยซีดไปหมด หน้าเล็บเริ่มดำคล้ำ คิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่น จึงรีบตรวจชีพจรให้เขาก่อน หัวใจเขาเต้นเร็วเป็นอย่างมาก หายใจหืดหอบไม่สม่ำเสมอ นางเปิดห่อผ้าแล้วนำเข็มออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ปลดคอเสื้อของเขา แทงเข็มไปที่จุดถานจง จุดเสินเหมินและจุดเน่ยกวน
อูตงตกใจจนหัวใจแทบจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว เขาจะเข้าไปห้าม ทว่ากลับถูกมู่ซีปิดปากพร้อมกับเตือนเสียงขรึม “หุบปาก”
ฮุ่ยเฉวียนเอ่ยขึ้นเสียงเบา “โยมไม่ต้องวิตกกังวลไป โยมผู้นี้คือปรมาจารย์ด้านการแพทย์แห่งลัทธิเต๋าที่หาได้ยากยิ่ง ถือว่าเป็นหมอที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาหมอลัทธิเต๋าแล้ว วางใจเถิด นี่คือคำพูดจากท่านผู้ดูแลหลัก”
อูตงตะลึงเป็นอย่างมาก นี่เป็นคำพูดของไต้ซือผู้ดูแลหลักแห่งวัดอวี้ฝออย่างนั้นหรือ
ฉินหลิวซีหมุนเข็มปักลึกลงกว่าเดิม เพียงไม่กี่อึดใจ ก็กลับไปตรวจชีพจรของหมิงหุยอีกครั้ง หัวใจไม่ได้เต้นแรงเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว
ความบกพร่องทางสติปัญญาแต่กำเนิดของเขาส่งผลให้เลือดหยินและหยางไม่เพียงพอ สุขภาพร่างกายอ่อนแอ ขาดสารอาหาร หัวใจได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกและหายใจไม่ออก ใจสั่นและเต้นแรงได้ง่าย ชีพจรหัวใจของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ซับซ้อนเกินไป
ระบบหัวใจและระบบไหลเวียนของเลือดมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง คงจะรักษาให้หายขาดไม่ได้แล้ว เลือดก็ติดขัดไปหมด หากเลือดไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็จะไม่สามารถทำงานได้ กลายเป็นวงจรตายสถานเดียว
“ก่อนหน้านี้กินของทอดมาใช่หรือไม่” ฉินหลิวซีเหลือบมองอูตง
อูตงอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบตอบคำถาม “ที่ตีนเขามีพ่อค้าขายทอดมันกุ้ง สอดไส้หมูด้วย กลิ่นหอมเป็นอย่างมาก ท่านอ๋องน้อยโวยวายจะกินให้ได้ก็เลยซื้อมาหนึ่งชิ้น ทว่ากินไปแค่สองคำเท่านั้น”
“สุขภาพร่างกายของเขาเป็นเช่นนี้ เดิมทีก็ไม่ควรกินอาหารทอดและอาหารรสจัด เพราะอาหารปิ้งย่างทอดมักจะสะสมความร้อน ความร้อนจะทำให้เกิดไฟเสมหะและทำลายม้าม เมื่อไฟเสมหะส่งผลรบกวนหัวใจ บวกกับได้รับความตกใจหรือมีโทสะที่รุนแรง ก็จะทำให้เกิดอาการใจสั่นเต้นแรง” ฉินหลิวซีหันไปมองเขา พลางเอ่ยต่อไปว่า “หมอหลวงที่วินิจฉัยโรคและรักษาอาการป่วยของเขาควรจะเตือนเรื่องนี้จึงจะถูก”
อูตงยิ้มเจื่อน “เคยเตือนแล้วขอรับ ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ท่านอ๋องน้อย…”
“อืม เขานิสัยหัวรั้นชอบรนหาที่ตาย ข้าพอจะดูออก ลำบากพวกเจ้าแล้ว” ฉินหลิวซีหมุนเข็มให้ฝังลึกลงไปกว่าเดิม หมิงหุยที่หมดสติอยู่ก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด
อูตงสังเกตดูอย่างละเอียด เขาเหลือบมองฉินหลิวซี คนผู้นี้คงไม่ได้อาศัยการรักษาโดยการฝังเข็มสั่งสอนท่านอ๋องน้อยหรอกกระมัง!
เขาไม่เคยเห็นการฝังเข็มเข้าผิวหนังแล้วยังหมุนให้เข็มฝังลึกลงไปอีก เห็นได้ชัดว่าเข็มฝังเข้าไปลึกเป็นอย่างมาก
“เขาเคยบอกว่ามือเท้าเหน็บชาหรือไม่”
อูตงชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ย “ท่านอ๋องน้อยไม่เคยบอก ทว่าเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจด้วยหรือ”
“หากเหน็บชาเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เส้นเลือดและเส้นลมปราณเกิดการอุดตันติดขัดได้ ทั้งยังทำให้เกิดอาการใจสั่นอีกด้วย เขายังกินพวกของทอด ซึ่งทำให้ไฟเสมหะเพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีคูณ พออาการเหน็บชากำเริบขึ้นก็พลอยทำให้โรคหัวใจวายเฉียบพลันกำเริบไปด้วย”
“แล้วสามารถรักษาได้หรือไม่”
“โรคหัวใจวายเฉียบพลันนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่โรคกำเริบ หากไม่มียาและไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ เขาก็จะโตได้แค่นี้” ฉินหลิวซีอธิบาย “ตอนนี้ข้าฝังเข็มให้เขาแล้ว หัวใจของเขากลับมาเต้นเป็นปกติ สามารถหายใจคล่องได้ถือว่าดีขึ้นมาก ข้าจะเขียนใบสั่งยา พวกเจ้านำไปต้มมา ประเดี๋ยวข้าจะฝังเข็มให้เขาอีกเข็ม ประสานพลังหยินและหยางในเลือดให้ไหลเวียนอย่างสมดุลและกลมกลืน ก็ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว”
“รบกวนนักตุ้มตุ๋น…”
“เรียกท่านเจ้าอาวาสน้อย!” มู่ซีถลึงตาใส่เขา
คำว่านักตุ้มตุ๋น เขาเรียกได้คนเดียวเท่านั้น