คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 873 คู่ต่อสู้ของเจ้าโยน
ตอนที่ 873 คู่ต่อสู้ของเจ้าโยน…
แท่นบูชาระเบิด
เมื่อฉังอู๋จี๋ตายไป อารามแห่งหนึ่งด้านนอกของดินแดนแห่งความว่างเปล่า มีศิษย์สองคนในชุดเสื้อคลุมของลัทธิเต๋ายืนอยู่หน้าค่ายอาคม ค่ายอาคมมีโคมไฟวิญญาณดวงหนึ่ง เมื่อโคมไฟดับลง ทั้งสองคนก็รู้สึกเจ็บอยู่ในใจ ล้มลงกับพื้น พวกเขาเบิกตากว้างมองไปยังรูปปั้นเทพเหนือศีรษะ ความรู้สึกก็เริ่มเลือนลาง ตายตาไม่หลับ
หมอกบางๆ ลอยอยู่รอบๆ ปิดบังรูปปั้นเทพเจ้าให้ดูคล้ายจริงคล้ายมายา
อีกด้านหนึ่ง คนที่สวมชุดคลุมยาวผ้าต่วนมองไปยังรูปปั้นที่แตกกระจายบนพื้น ใช้ปลายเท้าเตะออกไปเบาๆ หัวเราะออกมา เอ่ย “น่าสนใจจริงๆ”
เสียงหัวเราะกลับเย็นเยียบดุจงู
ในดินแดนแห่งความว่างเปล่า ฉินหลิวซีปกป้องเถิงเจาอยู่ใต้ร่างของตน จนกระทั่งแรงสั่นสะเทือนรุนแรงสงบลง นางจึงลุกขึ้นแล้วหันกลับไปมอง
แท่นบูชาที่เคยตั้งอยู่ตรงนี้ ถูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ หลงเหลือแต่ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ระฆังยักษ์ที่เคยตั้งอยู่ก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
“คนแล้วคนเล่าเลยนะ ชอบเล่นระเบิดตัวเองจริงๆ” ฉินหลิวซีพึมพำ
“นี่เราชนะแล้วใช่หรือไม่” นักพรตเสี่ยวหลินถามด้วยความงุนงง
ฉินหลิวซีมองพวกเขา แม้จะดูเละเทะและบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นอันตรายถึงชีวิต จึงพ่นลมหายใจรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ฉังอู๋จี๋มีพลังบำเพ็ญสูง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในค่ายอาคม ของที่เขาสร้างขึ้นก็ไม่ธรรมดา หากมิใช่เพราะเขาทุ่มเทพลังทั้งหมดในค่ายอาคมฟื้นคืนชีพ ปรับแต่งจนกลายเป็นค่ายอาคมที่ผูกพันกับชีวิตตัวเอง หากเป็นค่ายอาคมอื่นๆ คงทำให้กลุ่มนักพรตที่รวมตัวกันอย่างเร่งรีบนี้ต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่านี้มาก
เพียงแต่ฉังอู๋จี๋เองก็คงไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยตามหามู่ซีและคนอื่นๆ โดยตั้งขบวนเทียนซือมาเสี่ยงภัยในดินแดนแห่งความว่างเปล่า ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปยังการฟื้นฟูชีวิต
อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวนานถึงยี่สิบปี สุดท้ายก็กลายเป็นความสูญเปล่า
ความชั่วร้ายย่อมแพ้พ่ายความดี
“นับว่านอนชนะมากระมัง” ซู่หมิงตอบกลับอย่างไม่มั่นใจ ยังมองไปยังฉินหลิวซี ไม่รู้ว่าจะคุกเข่าลงอย่างไรให้ดูเคารพและนอบน้อมที่สุด
“เด็กคนนี้ไม่ไหวแล้ว” ปรมาจารย์ไท่เฉิงสังเกตเห็นว่าเด็กที่ช่วยขึ้นมาไม่มีลมหายใจแล้ว หันมามองฉินหลิวซีอย่างอดไม่ได้
ฉินหลิวซีมองดู วิญญาณของเขาเพิ่งลอยออกมาจากร่าง ยืนอยู่ข้างศพของตัวเองด้วยความงุนงง
นางใช้ขวดเก็บวิญญาณดึงวิญญาณนั้นเข้ามา แล้วส่งให้ปรมาจารย์ไท่เฉิง “คนตายแล้ว อย่างไรก็ต้องพากลับออกไป อยู่ที่นี่ ไปเกิดใหม่ไม่ได้”
ทุกคนถอนหายใจ
“ตกใจแทบตาย แต่อย่างว่าละ เจ้าทำเรื่องใหญ่โตเกินไป เมี่ยเจวี๋ยซือไท่ตื่นตกใจจนถึงกับไตพร่องเชียวนะ เอ๊ย คุณชายแห่งความว่างเปล่า กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว” หยวนอิงลอยเข้ามาจากที่ไกลๆ มองฉินหลิวซีด้วยท่าทางสบายๆ “ว่าอย่างไร หนีเอาชีวิตรอดเถอะ”
ฉินหลิวซี “หนีไม่ได้หรอก มาเลยก็ยิ่งดี มาทำความรู้จักกัน”
หยวนอิง “?”
คงไม่ใช่ว่าเจ้าถูกฉังอู๋จี๋ทำให้เพี้ยนไปแล้วหรอกนะ
เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะจัดการฉังอู๋จี๋ได้จริงๆ นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง
ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจนาง สั่งให้คนอื่นตรวจดูบาดแผลของกลุ่มเด็กหนุ่มเหล่านั้น ต้องพันแผลก็พัน ต้องติดยันต์ฟื้นฟูจิตใจและวิญญาณก็ต้องติด จะได้ไม่เกิดเรื่องเอาคนออกมาได้แต่วิญญาณกลับหลงไปที่ใดไม่รู้
ฉินหลิวซีเองก็ตรวจดูมู่ซี พบว่าเจ้าหนุ่มตัวน้อยเย่อหยิ่งผู้นี้หน้าซีดขาวราวหิมะ ไม่มีเลือดสีแดงเลยสักนิด บนข้อมือมีรอยแผลลึกสองเส้น นางจับชีพจร พบว่าเป็นผลจากการเสียเลือดมากเกินไปจนทำให้ร่างกายอ่อนแอและหมดสติไป วิญญาณก็ดูเหมือนจะไม่เสถียรนัก
เพียงแต่เครื่องรางป้องกันตัวที่เขาห้อยไว้ปกติก็หายไปหมดแล้ว นางมองไปยังคนอื่นๆ ทุกคนก็มียันต์หรือเครื่องรางห้อยไว้ น่าจะเป็นของที่มู่ซีให้พวกเขาไว้
ฉินหลิวซีใช้ปลายนิ้วเกี่ยวไป เอาเครื่องรางไม้เหลยจีที่อยู่บนคอของเขาออกมา มันเกิดรอยร้าวแล้ว ใช้การไม่ได้อีกต่อไป
แต่ก็นับว่าช่วยชีวิตเขาไว้ได้
ยังใช้ชีวิตหรูหราต่อไปได้อีก
ฉินหลิวซีหยิบขวดออกมา ป้อนยาเม็ดโสมหนึ่งเม็ดให้เขา ยันต์สะกดวิญญาณอีกหนึ่งแผ่น ให้คนอื่นด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้คนออกไปแล้ว ทว่าตายระหว่างทาง
มู่ซียังอายุน้อย บาดแผลได้รับการรักษาแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นฉินหลิวซีก็ทำหน้าบึ้ง เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “นี่ข้าตายแล้วใช่หรือไม่ แล้วนี่คือนรกหรือ หมอผีน้อยไยเจ้าก็ตายด้วยเล่า”
ป่วยต้องรักษา
ฉินหลิวซีกลอกตา ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากของเขา “หลับซะ นรกมีผีร้าย อย่าเพิ่งลืมตานะ เดี๋ยวจะตกใจจนบ้ากว่าเดิม” เดิมก็บ้าพออยู่แล้ว ถ้าตกใจบ้าไปมากกว่านี้มันคงลำบากน่าดู
มู่ซีศีรษะเอียง สลบไปอีกครั้ง
ฉินหลิวซีเอ่ยกับปรมาจารย์ไท่เฉิง “ที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน คนพวกนี้ทั้งร่างกายและวิญญาณได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ควรพากลับไปฟื้นฟู ท่านปรมาจารย์พาคนไปก่อนเถิด”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงฟังแล้วเอ่ยด้วยความงุนงง “เจ้าไม่ไปหรือ”
“ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกหน่อย”
เฉิงหยางจื่อเอ่ย “เรื่องใดหรือ เจ้าคนเดียวอาจไม่ไหวกระมัง ให้พวกข้าตามไปด้วยหรือไม่ จะได้ช่วยกันดูแล”
ฉินหลิวซี ไม่จำเป็น ไม่อยากแบ่งสมบัติ
“ไม่ต้อง ข้าแค่จะไปหาสมุนไพรเล็กน้อย” ฉินหลิวซีชี้ไปยังมู่ซีและคนอื่นๆ “พวกเขารอไม่ได้”
ทุกคนมองไปยังเด็กหนุ่มอ่อนแอพวกนั้น แต่ละคนมีฐานะสูงส่งจริงๆ จะชักช้าไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น…”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงกำลังจะเอ่ย ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยตามด้วยเสียงลม และมีเกสรดอกไม้ลอยมาตามลม กลิ่นหอมกรุ่นชวนให้มึนเมา
ตุ้บๆๆ
มีคนหมดสติไปต่อเนื่องกัน
“อย่าดมเชียวนะ นั่นน่ะ ดมแล้วหลับ” หยวนอิงส่ายศีรษะอย่างหงุดหงิด
ฉินหลิวซีคว้าตัวศิษย์ของตนเองมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบยาถอนพิษออกจากกระเป๋า ยัดเข้าปากของเขาแล้วใช้เข็มจิ้มที่จุดฝังเข็มบางแห่ง เด็กน้อยรู้สึกตัวขึ้นมาในทันที
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เถิงเจาขมวดคิ้ว “ข้ามึนหัว คลื่นไส้”
ฉินหลิวซีหน้าดำคล้ำขึ้น หันไปมองทางต้นเสียง เห็นกลีบดอกไม้ยังลอยมา จึงวาดยันต์ขจัดสิ่งอัปมงคลลงบนอากาศเหมือนใช้กระดาษ ปาทะลุไปทางรถม้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ
เจ้าโปรยดอกไม้น่ารังเกียจให้คนอื่น ข้าก็จะส่งของน่ารังเกียจให้เจ้าบ้าง
บนรถม้า มีชายสวมชุดขาว บนศีรษะติดปิ่นหยกขาวบริสุทธิ์ เขากำลังโบกพัดไปมาอย่างเกียจคร้าน พิงตัวบนเก้าอี้บนรถม้า มองลงมาที่คนบนพื้นดินอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าจะบอกว่า…”
เสียงน้ำกระฉอก บางอย่างตกลงบนหลังคารถม้า มีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว
สาวใช้ที่โปรยดอกไม้ชะงักมือเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นวิ่งไปข้างๆ เพื่ออาเจียนไม่หยุด
คุณชายแห่งความว่างเปล่าหันมองรถม้าสีขาวของตัวเองที่มีบางอย่างสีเหลืองเหนอะหนะไหลลงมา มีกลิ่นเหม็นสุดๆ…
เขากระโดดลงจากรถม้า “อ๊าาาาา”
ผู้ใดกัน ผู้ใดมันกล้าขว้างอึใส่รถของเขา
น่ารังเกียจ
อ๊วก
คุณชายแห่งความว่างเปล่าตาไว มองเห็นว่ามีหยดหนึ่งกระเซ็นไปติดที่แขนเสื้อของตัวเอง หันไปอาเจียนทันที
หยวนอิงกระโดดมาทางฉินหลิวซี เหลือบมองนาง เอ่ยว่า “เจ้านี่นะ ชอบทำอะไรแหวกแนวจริงๆ คิดหาวิธีนี้ได้อย่างไร”
แม่เจ้า นางทำได้อย่างไรกัน เห็นคุณชายที่ถือพัดตลอดโดนอึทำให้อาเจียน สะใจเป็นอย่างยิ่ง
นางนี่ร้ายจริงๆ ข้าชอบนางมาก
ฉินหลิวซีส่งเสียงหยัน “อย่าวางท่าให้มาก เดี๋ยวจะมีใครขว้างอึใส่เจ้า”
พอเถิด เจ้าแค่ปกป้องคนของตัวเองต่างหาก