คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 872 เจ้าต้องระวัง...
ตอนที่ 872 เจ้าต้องระวัง…
วิญญาณของหลานโย่วถูกฉังอู๋จี๋ลากมาที่นี่ ไม่รู้ว่าเขาใช้คาถาอาคมอะไรบังคับวิญญาณของเขาไว้ในครรภ์ผี ตอนนี้เมื่อหลานโย่วหายไปจากที่นี่ ฉังอู๋จี๋ก็ถูกมนต์สะท้อนกลับเล่นงานทันที ทำให้เขาเฉาลงอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับเรื่องนี้ฉินหลิวซีคิดว่าหลานโย่วคงโชคดีอยู่บ้าง ในโลกเดิมของเขาเขาบำเพ็ญเพียรอยู่ในอารามเต๋าแห่งนั้น เมื่อวิญญาณของเขาถูกดึงมาที่นี่ มีความเป็นไปได้ว่าวัดเต๋าแห่งนั้นตรวจพบว่าชะตาวิญญาณของเขาสั่นคลอนจึงใช้คาถาอาคมอันทรงพลังดึงวิญญาณของเขากลับไป
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าฉินหลิวซีไม่มาช่วยไว้อีกแรงได้ทันเวลา สหายเต๋าในโลกนั้นคงล้มเหลว และหลานโย่วคงถูกกักขังอยู่ในครรภ์ผีนี้ตลอดไป สุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่คนและไม่ใช่ผี
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีชะตากรรม
ฉินหลิวซีรู้สึกได้ว่าอานิสงส์บุญของนางได้ติดตามหลานโย่วไป เกิดความรู้สึกว่ามันจะกลับคืนมาในวันหนึ่ง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะคิดเรื่องเหล่านั้น
ฉังอู๋จี๋เมื่อเห็นวิญญาณของหลานโย่วถูกดึงออกไป แหล่งพลังงานวิญญาณสำคัญที่ใช้ในการฟื้นคืนชีพลูกชายของเขาหายไปแล้ว และเมื่อเห็นคนรักที่ถูกเผาจนผิวหนังหลุดออกหมดก็สติแตกทันที
เขาหยิบยันต์หลายใบแปะบนร่างตัวเอง สองมือประกบตบลงบนศีรษะของตัวเอง
อะไรน่ะ โกรธจนคิดจะระเบิดตัวเองหรืออย่างไร
ฉินหลิวซีมองดูค่ายอาคมฟื้นคืนชีพที่ยังคงทำงานอยู่ แม้จะมีช่องว่างอยู่ มู่ซีและคนอื่นๆ ถูกปล่อยลงมาแล้ว แผ่นไม้ที่วาดด้วยเลือดถูกนางทำลายด้วยยันต์ โคมไฟวิญญาณถูกเตะลงไป แต่พิธียังคงทำงาน
ไม่ใช่สิ
ฉังอู๋จี๋เตรียมตัวมานานยี่สิบปีเพื่อฟื้นคืนชีพให้ภรรยาและลูกชาย เขามีพลังบำเพ็ญสูงระดับสร้างฐานพลังวิญญาณขึ้นมาได้ เขาคงคิดละเอียดรอบคอบแล้วถึงหลีกเลี่ยงกฎของสวรรค์และมาทำพิธีในดินแดนแห่งความว่างเปล่าแห่งนี้ ดังนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับไม่สมกับคนที่วางแผนมาอย่างรอบคอบเช่นเขา
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ฉินหลิวซีคิดถึงเรื่องที่หลานโย่วถูกกักขังอยู่ในครรภ์ผีนั้น แล้วครรภ์นั้นมีวิญญาณอยู่หรือไม่ ถ้ามีล่ะก็ วิญญาณซ้อนวิญญาณหรือเปล่า…
มีค่ายอาคมซ่อนอยู่ในค่ายอาคมอีกที
แล้วในโลงศพนั้นเล่า
ฉินหลิวซีหันไปมองโลงหินที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว
ฉังอู๋จี๋ตวัดสายตามาด้วยความดุดัน “หยุดนางไว้”
เขามองออกว่าเด็กบ้าคนนี้ต่างหากถึงเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือที่สุด
ฉินหลิวซีนึกว่าฉังอู๋จี๋จะส่งผีเด็กมาขัดขวาง แต่แล้วศพผู้หญิงที่นางเผาจนเนื้อหนังปริแตกกลับลืมตาขึ้นมา แววตาสีเขียวอันเยือกเย็น พุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
นี่มันชวนให้ตกใจจริงๆ
สิ่งที่เรียกว่าความรักแท้ ก็คือการใช้คนรักมาเป็นหุ่นเชิดหรือ
ฉินหลิวซีอดทึ่งไม่ได้ แต่นางก็ไม่ได้มัวไปยุ่งกับศพผีผู้หญิงตนนั้น เพียงแค่ส่งเปลวไฟนรกไปใส่ ศพผีก็ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด และในเสียงร้องนั้นดูเหมือนจะมีเสียงที่นางคุ้นเคยอยู่ด้วย
แต่นางไม่มีเวลาคิดมาก พุ่งตัวไปที่โลงหินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโยนยันต์ห้าสายฟ้าลงไปในทะเลเลือด พลางร่ายมนต์ด้วยความเร็วไปด้วย “จิตหนึ่งเดียวกับเทพสายฟ้า ตัวข้าคือเทพสายฟ้า เทพสายฟ้าคือตัวข้า ข้าขออัญเชิญไท่ซ่างเหล่าจวิน จงสำแดงฤทธานุภาพเดี๋ยวนี้”
ครืนนน
ห้าสายฟ้ารวมพลังสายฟ้าระเบิดโลงหินแตกกระจาย
“นางตัวแสบ” ฉังอู๋จี๋โกรธจัด เสียงของเขาแฝงความหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
เป็นความหวาดหวั่นที่แท้จริง
จากนั้นฉินหลิวซีก็เห็นว่า หลังจากที่โลงหินระเบิดออกมา เลือดกระเด็นกระจัดกระจาย มีศพหนึ่งที่ดูเหมือนมีชีวิตหล่นลงมาตรงหน้านาง ศพนั้นเหมือนกับที่นางเห็นมาก่อนหน้านี้ซึ่งกำลังถูกเผาไหม้อยู่
มีศพผีผู้หญิงที่ฟื้นคืนชีพถึงสองร่างหรือ
ไม่ บางทีศพที่อยู่บนพื้นนี้อาจเป็นภรรยาที่แท้จริงของฉังอู๋จี๋ ส่วนศพที่กำลังถูกเผาไหม้นั้นเป็นเพียงหุ่นเชิด หรือเป็นวิญญาณที่เขาสกัดออกมาจากภรรยาหรือลูก เพื่อหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์และไม่ให้โดนฟ้าดินลงทัณฑ์
เขาช่างคิดการรอบคอบและระมัดระวังอย่างแท้จริง
และเมื่อโลงหินระเบิด ยังมีแท่นค่ายอาคมที่ซับซ้อนและเก่าแก่ แต่แผ่พลังชีวิตที่ไม่รู้จักดับสูญออกมา ภายในค่ายอาคมนั้นมีพลังชีวิตที่เข้มข้นมาก และตัวอักษรบนค่ายอาคมนั้นตรงกับที่ปรากฏบนมือ ใบหน้า และคอของศพผู้หญิง
นี่แหละคือแกนกลางของค่ายอาคมที่แท้จริง ที่เป็นแหล่งของพลังชีวิต
ฉินหลิวซีมั่นใจว่าศพผู้หญิงนี้คือภรรยาที่แท้จริง เพราะฉังอู๋จี๋ได้พุ่งเข้ามาคว้าศพผู้หญิงและแท่นค่ายอาคมนั้นไป
เขาให้ความสำคัญถึงได้ตื่นตระหนก
เขาว่องไว แต่ฉินหลิวซีก็ว่องไวกว่า ขณะที่แท่นค่ายอาคมกำลังจะลอยไปหาฉังอู๋จี๋ นางก็ปล่อยเปลวไฟเข้าไปอย่างแม่นยำอีกครั้ง
ฉังอู๋จี๋ร้องตะโกน “ไม่”
แต่ค่ายอาคมนั้นพลันเริ่มลุกไหม้ขึ้นมา ทำให้พลังชีวิตกระจายออกไปทันที
ต่อมาศพผู้หญิงที่อยู่บนพื้นซึ่งดูเหมือนมีชีวิตก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงอย่างช้าๆ ริ้วรอยค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และใบหน้าที่เคยดูมีชีวิตชีวาก็ไม่สดใสเหมือนนอนหลับอีกต่อไป
ฉังอู๋จี๋กระอักเลือดเลือดออกมาอย่างหนัก แต่ก็ยังพุ่งเข้าไปหาศพผู้หญิงโซซัดโซเซ “ไม่…หรงเหนียง ไม่ได้!”
เขาพยายามจะใช้อาคม แต่ก็โดนพลังสะท้อนกลับอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อแกนกลางของค่ายอาคมถูกทำลาย ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมโยงกับชะตาชีวิตของเขา ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังชีวิต จิตวิญญาณ และพลังบำเพ็ญเพียรของเขาเอง ตอนนี้ถูกทำลายลงแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องเจอกับการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง
ศพผู้หญิงค่อยๆ แห้งเหี่ยวลงเรื่อยๆ
ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังจะเดินจากไป นางก็ได้ยินเสียงเรียกที่แผ่วเบาและอ่อนแรง “เทียนซือน้อย…” นางชะงักแล้วหันกลับไปมอง
สิ่งที่นางเห็นคือเงาวิญญาณที่กำลังจางหายไปจากศพผีที่ถูกเผา และเงานั้นคือ…
“ไท่ชิงหรือ”
นางไม่ได้ไปเกิดใหม่ ไยจึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังถูกฉังอู๋จี๋จับตัวมาอีก วิญญาณที่เคยสะอาดบริสุทธิ์ของนางตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบาปกรรมสีดำแดง และกำลังถูกเผาทำลาย
ฉินหลิวซีรีบจะดับไฟนั้นโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้อง เจ้าอาวาสน้อย ไม่จำเป็น ข้าได้ทำร้ายคนไป ข้าสมควรได้รับผลกรรมนี้” ไท่ชิงส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว วิญญาณของนางกำลังจะสลายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นางกลับเตือนว่า
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ระวังตัวด้วยนะ…”
พรึบ
ทันใดนั้น เปลวไฟลุกโชนขึ้น และวิญญาณของไท่ชิงก็ถูกเผาจนหายไปอย่างสมบูรณ์ ไม่เหลืออะไรอีกต่อไป
ฉินหลิวซีขมวดคิ้วแน่น เมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้ที่นางสัมผัสได้ถึงสองกระแสพลังที่คุ้นเคย หนึ่งในนั้นคือหลานโย่ว และอีกคนคือไท่ชิง แต่เพราะนางไม่ได้สนิทสนมกับไท่ชิงมากนัก หลังจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเทพพายุและเทพแห่งน้ำ นางก็ไม่รู้ว่าไท่ชิงไปไหน และเกือบลืมนางไปแล้ว
ส่วนไท่ชิงที่เคยทำบาปด้วยการอยู่ในร่างผี วิญญาณของนางไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป ฉินหลิวซีจึงไม่ได้นึกถึงนาง
ตอนนี้วิญญาณของนางสลายหายไปแล้ว
“ไม่…ไม่นะ…หรงเหนียง”
ฉินหลิวซีหันกลับไปดู ศพผู้หญิงที่แห้งเหี่ยวตอนนี้กำลังเริ่มมีควันขึ้น นางเหลือบมองศพผีที่กำลังถูกเผาไหม้เกือบหมด และศพผู้หญิงก็เริ่มติดไฟเช่นกัน
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศพผีที่เป็นหุ่นเชิด ถูกสร้างขึ้นมาจากศพผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนัง กระดูก หรือวิญญาณ
เมื่อศพผีถูกเผาหมด ไฟก็ลามไปที่ศพผู้หญิงเช่นกัน
ฉังอู๋จี๋ได้รับผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งร่างของเขาดูแก่เฒ่าอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่ยังมีผมดำอยู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นขาวโพลน ใบหน้าเหี่ยวแห้งเกินจะจำได้ เขาได้แต่มองดูภรรยาที่เกือบจะฟื้นคืนชีพกลายเป็นศพไหม้เกรียมด้วยดวงตาเบิกโพลง เขาหันมามองฉินหลิวซีด้วยความโกรธ
โกรธจนอยากจะฉีกเนื้อนางเป็นชิ้นๆ
ฉังอู๋จี๋หยิบระฆังที่เป็นของลอกเลียนแบบระฆังตงหวงออกมาแล้วโยนไป
ไม่ดีแล้ว
“วิ่งหนีจากแท่นบูชา เขาจะระเบิดตัวเอง” ฉินหลิวซีรีบพยุงลูกศิษย์ตัวน้อยของนางแล้วลากตัวมู่ซีที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นออกไปด้วย
มู่ซี “?”
ความโหดร้ายของคนไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
ทุกคนพากันวิ่งหนีอลหม่าน ใครคว้าใครได้ก็คว้าไปด้วย ขณะที่เท้าของพวกเขาเพิ่งลงจากแท่นบูชา ก็มีแรงระเบิดผลักพวกเขากระเด็นออกไป