คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 870 ให้พวกข้าอยู่กินเลี้ยง[1]พวกเจ้าทั้งครอบครัวหรือ
- Home
- คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 870 ให้พวกข้าอยู่กินเลี้ยง[1]พวกเจ้าทั้งครอบครัวหรือ
ตอนที่ 870 ให้พวกข้าอยู่กินเลี้ยง[1]พวกเจ้าทั้งครอบครัวหรือ
ฉินหลิวซีทำลายค่ายอาคม โดยไม่เคยใช้วิธีการที่ซับซ้อนเลย แต่จะโจมตีตรงจุดสำคัญเพื่อทำลายค่ายอาคม เช่นเดียวกับค่ายอาคมกองทัพหยินหุ่นเชิดตรงหน้า เล็งไปที่จุดสำคัญของค่ายอาคม แล้วก็ขว้างยันต์ห้าสายฟ้าที่ถืออยู่ในมือลงไปทันที
เสียง ปัง ดังสนั่น แท่นหินเล็กๆ ที่ดูไม่น่าสนใจถูกระเบิดจนเป็นผุยผง
แต่ทว่า…
“สหายนักพรต อย่าไปช่วยศัตรูสิ” นักพรตหยวนร้องตะโกนขึ้นมา
ฉินหลิวซีหันไปมอง ชะงักไปชั่วขณะ กองทัพหยินในชุดเกราะโจมตีเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น
นี่นางทำผิดไปแล้วงั้นหรือ
หยวนอิงส่ายหัวอย่างเย้ยหยัน นางรู้เลยว่าแบบนี้ต้องพลาดแน่ อยากหยิบเมล็ดทานตะวันขึ้นมาเคี้ยวดูเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครเผาเมล็ดให้นาง จึงได้แต่ดึงหญ้าต้นหนึ่งมาเคี้ยวแทน
ฉินหลิวซีเริ่มสังเกตว่าดวงตาค่ายอาคมที่นางเห็นนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ทำให้นางเริ่มมองว่าฉังอู๋จี๋มีฝีมือสูงขึ้นมาทันที หลอกสายตานางได้ ถือว่ามีความเชี่ยวชาญด้านค่ายอาคมจริงๆ
นางหันมามองกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กับกองทัพหยิน ถูกโจมตีอย่างหนัก ทุกคนต่างใช้เครื่องรางสารพัดแบบราวกับแจกฟรี ดูแล้วทุลักทุเลมาก
แต่ฉินหลิวซีกลับไม่เร่งรีบ นางมองสังเกตพวกกองทัพหยินนั้นอย่างละเอียด ถึงจะดูเหมือนเคลื่อนไหวไปแบบมั่วๆ แต่ที่จริงแล้วมีความเป็นระเบียบและประสานกันได้ดีราวกับว่ามีคนกำลังสั่งการอยู่
ในตอนนั้นเองก็มีเสียง หึ่ง เบาๆ ดังขึ้น
ที่แท่นบูชา มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
“แย่แล้ว ค่ายอาคมคืนชีพถูกเปิดใช้งานแล้ว” เฉิงหยางจื่อร้องเสียงดัง
ในขณะที่ทุกคนกำลังสู้กับกองทัพหยินอยู่ พลังที่แท่นบูชาก็เริ่มเปลี่ยนไป โชคชะตาที่ไม่สิ้นสุดเริ่มหมุนเวียนและไหลเข้าสู่โลงศพ ไม่รู้ว่าใครเหลือบมองไปถึงแม้จะไม่มีใครอยู่เลย แต่คนที่ถูกมัดอยู่บนเสานั้นข้อมือถูกกรีดเป็นรอยเลือด ซึ่งเลือดนั้นหยดลงไปในกรวยแล้วไหลตามร่องไปยังลายสลักที่อยู่บนโลงศพหิน
“เร็วเข้า” ปรมาจารย์ไท่เฉิงเรียกใช้เข็มทิศแปดทิศหยินหยางของเขา ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถา “พลังอันศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์และโลก จงทำลายเหล่าภูตผีทั้งหลาย พลังลิ่วอี่[2]เชิดชูความดีของสวรรค์ ข้าเชื่อมั่นในสิ่งที่ข้าทำ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สำเร็จ ไท่ซ่างเหล่าจวิน จงรีบทำตามบัญชา เพี้ยง”
เข็มทิศแผ่แสงสีทองเจิดจ้าไปยังกองทัพหยิน ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นก่อนที่พวกมันจะสลัดหลุดออกมาได้
พรวด!
ปรมาจารย์ไท่เฉิงพ่นเลือดร้อนออกมา
อู๋โหย่วจื่อผู้สืบทอดวิชาของสำนักเหมาซานก็เช่นกัน ถูกกองทัพหยินตัวหนึ่งซัดกระเด็นไปไกล
ฉินหลิวซีเดินมาถึงที่นี่ในยามนี้ ไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา ทว่ากลับเข้าไปในกองทัพศัตรูทันที นางจับกองทัพหยินตัวหนึ่งที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่น ยกมือดึงแขนมันทั้งสองข้างจนหัก และเตะไปที่ข้อต่อขามันทำให้ขามันหลุด แล้วหมุนตัวหลบไปอยู่ด้านหลังของมันด้วยความรวดเร็ว
แคร่ก นางบิดคอกองทัพหยินจนคอหลุดออกมา เผยให้เห็นยันต์สีเหลืองและผลึกหินอยู่ข้างใน จริงดังที่คิด กองทัพหยินตัวนี้คือดวงตาของค่ายอาคมจริงๆ
ซู่
เปลวไฟหนึ่งลุกขึ้นมาบนยันต์นั้น มีเสียงแหลมดังจนทำให้แก้วหูเจ็บแปลบ
ค่ายอาคมถูกทำลายลงแล้ว
ฉินหลิวซีร้องตะโกน “ทุกคนรีบขึ้นไปช่วยคนบนแท่นบูชา”
ทุกคนเห็นว่ากองทัพหยินนั้นดูเหมือนจะหมดสติไป การเคลื่อนไหวช้าลงอย่างชัดเจน จึงรีบล่าถอยไปที่แท่นบูชา ฉินหลิวซีโยนยันต์ห้าสายฟ้าสามใบเข้าไปในกองทัพหยิน ร่ายคาถาด้วยมือทั้งสองข้าง “ข้าเรียกเทพแห่งสวรรค์ มาพร้อมกับกองทัพ จงรีบทำตามบัญชา เพี้ยง”
ตู้ม ตู้ม ตู้ม
ยันห้าสายฟ้าระเบิดกองทัพหยินพวกนั้นเป็นผุยผง
แต่ฉินหลิวซีไม่ได้หันไปมองแม้แต่น้อย นางกระโดดขึ้นไปบนแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว
หยวนอิงที่ดูฉากนี้อยู่ ดึงหญ้าในปากออกและคิด โห นางเก่งจริง ๆ
บนแท่นบูชา ค่ายอาคมคืนชีพได้เริ่มทำงานแล้ว แต่มีม่านพลังปกคลุมไว้ ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงโลงศพหินได้
“ทำลายค่ายอาคมกองทัพหยินของข้าได้ ไม่แปลกใจเลยที่กล้าบุกเข้ามาในดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้ และบุกมาถึงถิ่นของข้า ฉังอู๋จี๋” เสียงหนึ่งดังขึ้นราวกับมาจากท้องฟ้า เต็มไปด้วยความเย็นเยือกและความโหดร้าย “แต่เสียใจด้วย มันก็เพียงเท่านี้ ข้าเองกำลังมีเรื่องน่ายินดี จึงจะไว้ชีวิตพวกเจ้าอีกสักเค่อ เพื่อเฉลิมฉลองที่ภรรยาและลูกของข้าจะฟื้นคืนชีพ”
แม้ตัวเขายังไม่ปรากฏ แต่เสียงนี้กลับสร้างความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ราวกับมีพลังในน้ำเสียงนั้น กระแทกเข้าไปยังแก้วหูและหน้าอกของทุกคน ผู้ที่มีพลังน้อยและอายุยังน้อยก็รู้สึกได้ทันทีว่าอกจะแตก ลิ้นในปากหวาน เลือดซึมออกมาที่มุมปาก
ผู้ที่มีพลังสูงอย่างปรมาจารย์ไท่เฉิงและเฉิงหยางจื่อ แม้ไม่ถึงกับอาเจียนเป็นเลือด แต่ใบหน้าก็ซีดลงไปเล็กน้อย หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ
พวกเขารู้สึกตกใจเล็กน้อย ฉังอู๋จี๋เพียงแค่ใช้เสียงข่มขวัญก็ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออกและได้รับบาดเจ็บภายในเพียงนี้ แสดงว่าพลังของเขาคงผ่านการสร้างฐานมาแล้ว และอาจสูงกว่าปรมาจารย์ไท่เฉิงเสียอีก
ในสถานการณ์นี้มีเพียงฉินหลิวซีเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ นางหัวเราะเยาะออกมาและโต้กลับไปว่า “ถ้าจะให้อยู่ต่อก็ยินดีมาก พวกเราจะได้รวมตัวกันกินเลี้ยงที่บ้านเจ้า”
เสียงนั้นเหมือนกับลวดร้อนที่ทะลวงผ่านไปยังอีกฝ่าย
ฉังอู๋จี๋รู้สึกร้อนและเจ็บที่หน้าอก เขาต้องกดความรู้สึกหวานที่พุ่งขึ้นมาในคอลงด้วยมือทั้งสองข้าง สีหน้าของเขาดูจริงจังและอำมหิตขึ้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทำลายแผนการของเขาได้
เขามองไปยังศพในโลงศพหินที่ลอยอยู่ในทะเลเลือด ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเร่าร้อน หรงเหนียง พวกเขาจะได้พบกันในไม่ช้าแล้ว เขารอคอยมานานเกินไปจนแทบทนไม่ไหว
เจ้าแมลงพวกนี้นี่ น่ารำคาญเสียจริง
ขณะที่ฉังอู๋จี๋กำลังคิดหาทางจัดการกับพวกตัวปัญหาเหล่านี้ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นหยวนอิง เอ่ย “หยวนอิง ผีสตรีเฒ่า เราต่างก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่เจ้ากลับกล้าข้ามเขตพาพวกเขามาทำเรื่องวุ่นวายในถิ่นของข้าหรือ”
หยวนอิงพยายามจะซ่อนตัวแต่ไม่สำเร็จ จึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำ เจ้าก็อย่ามาใส่ร้ายสิ ข้าแค่ไม่มีอะไรทำก็เลยออกมาเดินเล่น พวกเขาจะตามข้ามาก็เรื่องของพวกเขา ถนนก็ไม่ใช่ของผีตนเดียวใช่หรือไม่ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ทำอะไร ข้าแค่มาดูเรื่องสนุกเท่านั้น ทำไมล่ะ ดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้เป็นของเจ้าคนเดียวหรือ ดูเรื่องสนุกก็ไม่ได้หรือ”
“หึ โกหก” ฉังอู๋จี๋แค่นเสียงเย็นชา
หยวนอิงกล่าวต่อไปอย่างไม่สนใจ “ข้าเป็นผี แน่นอนว่าต้องพูดโกหกอยู่แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องมาชี้แนะข้าหรอก”
ฉังอู๋จี๋คร้านจะสนใจผีสตรีพันปีตนนี้ ไม่ใช่ว่าเขาสู้นางไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าในดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้ไม่ใช่ถิ่นของเขาเพียงคนเดียว สิ่งมีชีวิตบางอย่างในที่นี้อาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่หากพวกมันร่วมมือกันโจมตีเขา เขาคงรับมือไม่ไหว
จุดประสงค์หลักของเขาคือการฟื้นคืนชีพให้ภรรยาและลูก ถ้าผู้อื่นไม่ก่อเรื่อง เขาก็จะไม่ทำอะไร แต่หยวนอิงกลับข้ามเขตมา
หยวนอิงเอ่ยต่อไปว่า “จริงๆ แล้ว พวกเขาก็แค่มาตามหาคน ถ้าเจ้ามอบคนให้พวกเขาไป พวกเขาก็จะจากไป”
นางอึดอัดอยู่ในใจ นี่มันอะไรกันนะ ทำไมนางต้องยอมทำตามที่เด็กจอมเจ้าเล่ห์ส่งเสียงมากระซิบเพื่อจะช่วยปกปิดและถ่วงเวลาให้นางด้วยล่ะ นางไม่ได้ตั้งใจช่วยเหลือใคร นางแค่พูดความจริงเท่านั้น
ฉังอู๋จี๋หัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้ใครเข้ามาแล้วออกไปได้ตามใจชอบหรือ”
“แล้วเจ้าจะอธิบายตนเองว่าอย่างไร”
ฉังอู๋จี๋กำลังจะเอ่ยต่อ แต่ทันใดนั้นกลับเกิดการสั่นไหวในม่านพลัง ตามด้วยเสียง ปัง! ราวกับว่าม่านพลังนั้นเป็นกระจกที่มองไม่เห็นแตกกระจาย
เขาโกรธจัด ปล่อยยันต์ไฟพุ่งไปทางหยวนอิง “เจ้ากล้าช่วยพวกมันโจมตีเบี่ยงเบนความสนใจข้าหรือ”
หยวนอิงหนีไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เท้าหน้าของนางก้าวไปข้างหน้า พื้นที่ที่นางยืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว
[1] กินเลี้ยงในงานศพ
[2] เป็นหนึ่งในเทพเจ้าหรือพลังอำนาจที่ช่วยเสริมโชคลาภและป้องกันภัยต่าง ๆ ในศาสนาเต๋าและโหราศาสตร์จีน